ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 195 พลังโชคชะตาวิวัฒนาการอีกครั้ง
ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 195 พลังโชคชะตาวิวัฒนาการอีกครั้ง
กู่หยางยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก
ม่านแสงนั้นก็กะพริบแวบวาบเป็นภาพเศษเสี้ยว
ฉากแรกดูเหมือนจะเป็นสถานที่มืดสลัว
รอบด้านมืดสนิท
ต่อมาในฉากถัดไปก็ปรากฏร่างประหลาดราวกับศพเดินได้ แสยะยิ้มเปล่งเสียงประหลาด
ภาพปรากฏวูบวาบเป็นฉาก ๆ
ครู่ถัดมา
ม่านตาของกู่หยางหดเข้าเล็กน้อย
เพราะในม่านภาพนั้น ปรากฏเงาร่างของเย่ชิงเฉิงขึ้นมาอย่างชัดเจน
เห็นนางกำลังเก็บผลไม้รูปร่างประหลาดชนิดหนึ่ง นำเข้าปากเคี้ยวให้แหลกละเอียด...
หลังจากนั้นปราณของนางก็พุ่งทะยานขึ้นฉับพลัน
ก็พอดีกับช่วงเวลานี้เอง
ภาพนิมิตก็จางหายไปโดยสิ้นเชิง
ม่านแสงที่ปรากฏเหนือศีรษะของเย่ชิงเฉิงเมื่อครู่นี้ก็หายวับไป
ตอนนี้กู่หยางถึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา
เขาเหมือนจะ...
เห็นเรื่องราวที่เย่ชิงเฉิงกำลังจะเจอในอนาคต?
หรือจะพูดว่า... โอกาส?
"หรือว่าพลังโชคชะตากับความสามารถจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว?"
ความสามารถในการมองชะตากรรมและควบคุมโชคชะตาดูเหมือนจะผสมผสานเข้าด้วยกันแล้ว
เขาถึงได้เห็นเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นกับเย่ชิงเฉิงในอนาคต
แม้กระทั่งเห็นถึงโอกาสที่เย่ชิงเฉิงจะได้รับ!
"นี่ก็คือผลหลังจากปรับแต่งแสนปีอย่างนั้นหรือ?"
พอคิดได้ดังนี้ กู่หยางก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเล็กน้อย
ส่วนทางด้านเย่ชิงเฉิงเห็นท่าทางของกู่หยาง
ก็ทำสีหน้าฉงนสนเท่ห์
"นายน้อยกู่ เป็นอะไรหรือเปล่า?"
นางมองกู่หยางอย่างงุนงง
"ไม่มีอะไร"
กู่หยางโบกมือไปมา แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องถามขึ้น "จริงสิ พวกเราจะไปสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับเมื่อไหร่?"
เห็นเช่นนั้น เย่ชิงเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
จากนั้นก็ค่อย ๆ กล่าวว่า "สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับจะเปิดให้คนนอกเข้าทุก 3 ปี จนกว่าจะถึงการเปิดครั้งถัดไป ก็ยังเหลือเวลาอีก 3 เดือน ดังนั้นเวลายังเพียงพอมาก"
ฟังดังนั้น ใจของกู่หยางก็สบายขึ้น
"ถ้าเช่นนั้น... ออกเดินทางกันเถอะ!"
แววตาของกู่หยางเปล่งประกาย พยักหน้าเบา ๆ
"ได้ ส่วนเรื่องน้องหสาวลิงเอ้อร์นั้น..."
เย่ชิงเฉิงก็ผงกศีรษะน้อย ๆ แล้วกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอดีน้ำเสียงชะงักไป
และทันทีที่นางพูดจบ
ฉู่หลิงเอ้อร์ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มละมุนบนใบหน้า
"สามี ครั้งนี้ออกไปต้องระวังตัวให้มาก ๆ ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นวุ่นวายมาก มักจะเกิดสงครามครั้งใหญ่บ่อย ๆ"
ฉู่หลิงเอ้อร์โอบแขนของกู่หยาง
"อืม อย่าห่วงเลย สามีเจ้าแกร่งกล้าจะตาย"
กู่หยางยิ้มและขยี้จมูกน่ารักของฉู่หลิงเอ้อร์เบา ๆ
"อืม เช่นนั้นเจ้ากับพี่สาวชิงเฉิงก็เดินทางดี ๆ ... ต้องคว้าโอกาสให้ดีล่ะ!"
ฉู่หลิงเอ้อร์พยักหน้าหงึก ๆ แล้วพูดอะไรบางอย่างกระซิบที่ข้างหูของกู่หยางเสียงเบามาก
กู่หยางชะงัก
คว้าโอกาสอะไรกัน?
เด็กคนนี้พูดอะไรออกมา?
หรือว่ากำลังส่งสัญญาณให้เขา?
หือ?
กู่หยางเหลือบมองแววตาเจ้าเล่ห์ในดวงตาของฉู่หลิงเอ้อร์
แล้วก็มองเย่ชิงเฉิงที่อยู่ตรงข้าม
แล้วก็เข้าใจในทันที
เด็กคนนี้...
ที่แท้ก็กำลังทำหน้าที่เป็นคนกลางจับคู่ให้เขาอยู่หรือ?
ไม่รอให้กู่หยางเอ่ยปาก
ฉู่หลิงเอ้อร์ก็ปล่อยมือจากแขนของกู่หยาง ยืนยิ้มหวานอยู่ข้าง ๆ โบกมือลา
"สามี หลิงเอ้อร์จะรอเจ้ากลับมา!"
เห็นเช่นนี้ กู่หยางก็อดที่จะใจเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้
ก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่หลิงเอ้อร์ทันที
แล้วโน้มตัวลงจูบนางเลย
"ต่อไปหากกล้าดื้อดันทำอะไรแบบนี้อีก ระวังข้าตีก้นเจ้า!"
ทิ้งคำพูดเอาไว้แล้ว
กู่หยางก็ไม่รอช้าอีกต่อไป
พยักหน้าให้เย่ชิงเฉิงเล็กน้อย แล้วเดินออกจากเรือนไปพร้อมกัน
ตอนนี้ใบหน้าของฉู่หลิงเอ้อร์แดงก่ำยิ่งนัก
"หลิงเอ้อร์ไม่อยากโดนสามีตีก้นหรอก!"
"ฝันไปเถอะ!"
ทั้งที่ปากพูดเช่นนี้ แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังกลับทำให้รู้ถึงความคิดที่แท้จริงของนาง
"อยากเป็นผู้ใหญ่ยิ่งนัก แบบนั้นก็จะได้ทำอะไรกับสามีได้..."
ฉู่หลิงเอ้อร์ส่ายหน้าน้อย ๆ ด้วยความเสียดาย แล้วกลับไปยังห้องของตัวเองทันที
เดินอยู่บนถนนที่ออกจากเมืองไป
เย่ชิงเฉิงก็อดที่จะคิดในใจไม่ได้
"ความสัมพันธ์ของนายน้อยกู่กับน้องสาวหลิงเอ้อร์ช่างดีจริง ๆ"
ได้ยินแล้ว กู่หยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วเย้าว่า "ทำไมล่ะ? เจ้าอยากได้แบบนั้นด้วยหรือ?"
"ก็อยากได้"
เย่ชิงเฉิงตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลย
"ด้วยรูปโฉมของเจ้า ผู้ที่ตามจีบเจ้าน่าจะต่อแถวยาวจากประตูเมืองไปจนถึงชานเมืองกระมัง?"
กู่หยางยิ้มน้อย ๆ
"แต่คนพวกนั้น ข้าไม่ชอบสักคน"
"คนที่ข้าชอบ ต้องแข็งแกร่งกว่าข้า พรสวรรค์ต้องดีกว่าข้า เก่งกาจในวิถีจะดีมาก เป็นปีศาจน้อยที่มีความเฉลียวฉลาดสูง..."
เย่ชิงเฉิงพูดอย่างเนิบ ๆ
คำพูดของนางพอเอ่ยออกมา
สีหน้าของกู่หยางก็แปลกไปทันที...
เงื่อนไขแต่ละข้อก็ไม่ธรรมดาเลย!
แต่ทำไมมันถึงได้คุ้นหูยิ่งนัก?
นี่มันไม่ใช่กำลังพูดถึงเขาหรอกหรือ?
ในตอนที่บรรยากาศเริ่มแปลกประหลาดขึ้นมา
ทั้งสองคนก็มาถึงประตูเมืองพอดี
เย่ชิงเฉิงกำลังจะหยิบเรือเหาะออกมาจากแหวนเก็บของโดยสัญชาตญาณ
แต่ถูกกู่หยางขัดจังหวะไป
"เรือเหาะมันช้าไป"
"ช้าไป?"
เย่ชิงเฉิงงงงวย
แต่ครู่ต่อมา เสียงนกร้องสดใสก็ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก
นางสะดุ้งตกใจในทันที
แล้วก็เห็นอินทรีวิญญาณเพลิงตัวหนึ่งที่ดูสง่างามมากกำลังร่อนลงมาจากท้องฟ้า
ลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา
"กรู้วว!"
อินทรีวิญญาณเพลิงซุกหัวเข้าหาตัวกู่หยางอย่างเป็นกันเอง ใช้ขนพิเศษบนหัวมันถูไถตัวของกู่หยาง
"เจ้าเด็กเหลือขอน้อย ไม่ได้เจอกันนานเลย"
กู่หยางก็ลูบตัวมันเบา ๆ สักพัก
อินทรีวิญญาณเพลิงก็ส่งเสียงร้องแผดสุดตื่นเต้น
ดูเหมือนว่ามันจะดีใจมาก
เย่ชิงเฉิงก็เห็นเหตุการณ์นี้...
สัตว์บินขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้?
การจับสัตว์บินพวกนี้ยากเย็นแสนเข็ญ แล้วต่อให้จับได้ การฝึกให้เชื่องก็ยากยิ่งนัก!
แต่กู่หยางกลับเลี้ยงอินทรีวิญญาณเพลิงตัวนี้จนมีความจงรักภักดีถึงเพียงนี้?
ไม่รู้ทำไม นางรู้สึกว่าอินทรีวิญญาณเพลิงตัวนี้ของกู่หยาง ดูเหมือนจะแตกต่างจากอินทรีวิญญาณเพลิงตัวอื่น ๆ ทั่วไปอยู่บ้าง
แต่ว่าแตกต่างกันตรงไหนนั้น นางก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
"ขึ้นมาเถอะ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว"
กู่หยางโบกมือให้เย่ชิงเฉิง แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนหลังอินทรีวิญญาณเพลิงทันที
เย่ชิงเฉิงเห็นเช่นนั้น ก็รีบก้าวเท้าน้อย ๆ ขึ้นไป นั่งอยู่บนหลังอินทรีวิญญาณเพลิงด้วย
"กรู้วว!"
อินทรีวิญญาณเพลิงเปล่งเสียงร้องดังสนั่นฟ้าสนั่นดิน ปีกใหญ่กว้างสะบัดสั่นทันใด
ร่างกายที่ใหญ่โตก็บินวนสูงขึ้นไป พุ่งทะยานขึ้นฟากฟ้า
เมื่อรับรู้ได้ถึงปราณอันมหาศาลบนร่างของอินทรีวิญญาณเพลิง
กู่หยางก็อดที่จะซาบซึ้งใจไม่ได้
ตั้งแต่เขาช่วยอินทรีวิญญาณเพลิงปลุกสายเลือดอินทรีศักดิ์สิทธิ์เขียวเข้มบรรพกาล ความเร็วในการเพิ่มขอบเขตของอินทรีวิญญาณเพลิงก็สูงจนน่าตกใจ!
ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ มันกำลังใกล้จะทะลวงขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้ระดับ 10 แล้ว!
"สามารถปรับแต่งสายเลือดมันไปได้อีกครั้งแล้ว"
กู่หยางนึกถึงตรงนี้ แต่ก็ไม่ได้รีบร้อน
ถึงอย่างไรการปรับแต่งครั้งนี้ก็คือถึง หนึ่งแสนปี!
สายเลือดต้องเข้มข้นยิ่งขึ้นแน่นอน การเปลี่ยนแปลงก็ต้องมหาศาลอย่างยิ่ง
การปรับแก้ไขโดยตรงตอนนี้ชัดเจนว่าไม่ได้
รอหาโอกาสที่ดีแล้วค่อยปรับแก้ก็แล้วกัน
กู่หยางกับเย่ชิงเฉิงก็นั่งอยู่บนหลังอินทรีวิญญาณเพลิง มุ่งหน้าตรงไปยังดินแดนรกร้างที่เป็นจุดตัดของ 3 ราชวงศ์ใหญ่อย่างเร่งรีบ
ระหว่างทาง
พวกเขาก็เห็นผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนไม่น้อยกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังดินแดนรกร้างเช่นกัน
ซึ่งในนั้นยังมียอดฝีมือขอบเขตแก่นสุญตาปะปนอยู่ด้วย
ระหว่างทางพวกเขาจับตามองกู่หยางอย่างแปลกใจเล็กน้อย
แต่ก็ไม่มีทีท่าจะลงมือ
ชัดเจนว่า...
ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ล้วนได้รับรู้ข่าวว่ามียอดฝีมือขอบเขตผันแปรปรากฏตัวที่ดินแดนรกร้างและทิ้งเขตแดนลับสืบทอดไว้
ต่างก็รีบร้อนไปที่นั่นกันทั้งนั้น
กู่หยางยังไล่ตามฉู่เสินเซียวและอัจฉริยะฟ้าประทานคนอื่น ๆ ที่มาถึงก่อนแล้วอีกด้วย
แต่พวกเขาก็ทักทายกันแล้วก็รีบเดินทางต่อ
"ตลอดทางไม่เห็นมียอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันมาใกล้เลยแม้แต่น้อย"
กู่หยางเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดถึงสิ่งผิดปกติที่เขาเห็นระหว่างทาง
เย่ชิงเฉิงก็ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้
นางยิ้มอ่อน ๆ แล้วบอกว่า "ถึงแม้ว่าดินแดนรกร้างจะเป็นที่ไร้เจ้าของ แต่ตำแหน่งที่เขตแดนลับปรากฏขึ้นครั้งนี้เป็นหุบเขาที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในดินแดนรกร้าง"
"ในหุบเขานี้มีค่ายกลประหลาดขัดขวางอยู่ ยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันไม่สามารถเข้าใกล้ได้"
"ดังนั้นอาจจะมียอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันซุ่มซ่อนอยู่รอบ ๆ ดินแดนรกร้าง แต่ที่บริเวณใกล้เคียงเขตแดนลับนั้น ยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันไม่กล้าเข้าใกล้"
"ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?"
ฟังดังนั้น กู่หยางก็อดประหลาดใจไม่ได้
แต่ถ้าเป็นอย่างนี้... ก็เท่ากับลดคู่แข่งลงไปได้ไม่น้อยเลย!
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเขตแดนลับสืบทอดของยอดฝีมือขอบเขตผันแปร!
หากมียอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันจำนวนมากบุกเข้าไปข้างใน การจะแย่งชิงโอกาสสำคัญจากมือของยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันพวกนี้ ความยากลำบากนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!
"หากไม่มีค่ายกลนี้ ข้าคงไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้าหรอก"
"เพราะพวกเราไม่มีทางแย่งชิงโอกาสอะไรมาจากมือของยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันได้อยู่แล้ว"
เย่ชิงเฉิงแบมือ เผยสีหน้าเต็มไปด้วยความหมดหวัง
"ก็ใช่อยู่หรอก"
กู่หยางพยักหน้า แม้ว่าเขาจะมั่นใจในพลังของตัวเองมาก
แต่ไม่เคยได้ต่อสู้กับยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันมาก่อน เขาก็ไม่กล้าฟันธงว่าตัวเองจะสามารถสังหารยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันได้
ดังนั้นคำพูดของเย่ชิงเฉิงก็ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงเท่าไหร่นัก
"แต่ครั้งนี้ก็มีอัจฉริยะฟ้าประทานหลายคนมาเหมือนกัน"
"เมื่อครู่เรือเหาะลำที่อยู่ด้านหลัง เป็นเรือเหาะของราชวงศ์ชิงเฟิง คนที่นั่งอยู่ข้างใน ก็คงเป็นหลัวเฟ่ยฟานอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งของราชวงศ์ชิงเฟิง"
"ความสามารถของหลัวเฟ่ยฟานก็ไม่เลว แต่สู้ข้าไม่ได้ ไม่ต้องใส่ใจมากหรอก"
เย่ชิงเฉิงเริ่มแนะนำขึ้นเรื่อย ๆ
ในฐานะอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งของราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว นางก็ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับอัจฉริยะฟ้าประทานของสองสามราชวงศ์ใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ อยู่พอสมควร
ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของนางจะสูงมาก แต่ก็ไม่ได้เหนือชั้นมากเพียงนั้น