ตอนที่แล้วระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 194 เขตแดนลับอีกครา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 196 มาถึงเขตแดนลับ

ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 195 พลังโชคชะตาวิวัฒนาการอีกครั้ง


ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 195 พลังโชคชะตาวิวัฒนาการอีกครั้ง

กู่หยางยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก

ม่านแสงนั้นก็กะพริบแวบวาบเป็นภาพเศษเสี้ยว

ฉากแรกดูเหมือนจะเป็นสถานที่มืดสลัว

รอบด้านมืดสนิท

ต่อมาในฉากถัดไปก็ปรากฏร่างประหลาดราวกับศพเดินได้ แสยะยิ้มเปล่งเสียงประหลาด

ภาพปรากฏวูบวาบเป็นฉาก ๆ

ครู่ถัดมา

ม่านตาของกู่หยางหดเข้าเล็กน้อย

เพราะในม่านภาพนั้น ปรากฏเงาร่างของเย่ชิงเฉิงขึ้นมาอย่างชัดเจน

เห็นนางกำลังเก็บผลไม้รูปร่างประหลาดชนิดหนึ่ง นำเข้าปากเคี้ยวให้แหลกละเอียด...

หลังจากนั้นปราณของนางก็พุ่งทะยานขึ้นฉับพลัน

ก็พอดีกับช่วงเวลานี้เอง

ภาพนิมิตก็จางหายไปโดยสิ้นเชิง

ม่านแสงที่ปรากฏเหนือศีรษะของเย่ชิงเฉิงเมื่อครู่นี้ก็หายวับไป

ตอนนี้กู่หยางถึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา

เขาเหมือนจะ...

เห็นเรื่องราวที่เย่ชิงเฉิงกำลังจะเจอในอนาคต?

หรือจะพูดว่า... โอกาส?

"หรือว่าพลังโชคชะตากับความสามารถจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว?"

ความสามารถในการมองชะตากรรมและควบคุมโชคชะตาดูเหมือนจะผสมผสานเข้าด้วยกันแล้ว

เขาถึงได้เห็นเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นกับเย่ชิงเฉิงในอนาคต

แม้กระทั่งเห็นถึงโอกาสที่เย่ชิงเฉิงจะได้รับ!

"นี่ก็คือผลหลังจากปรับแต่งแสนปีอย่างนั้นหรือ?"

พอคิดได้ดังนี้ กู่หยางก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเล็กน้อย

ส่วนทางด้านเย่ชิงเฉิงเห็นท่าทางของกู่หยาง

ก็ทำสีหน้าฉงนสนเท่ห์

"นายน้อยกู่ เป็นอะไรหรือเปล่า?"

นางมองกู่หยางอย่างงุนงง

"ไม่มีอะไร"

กู่หยางโบกมือไปมา แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องถามขึ้น "จริงสิ พวกเราจะไปสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับเมื่อไหร่?"

เห็นเช่นนั้น เย่ชิงเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

จากนั้นก็ค่อย ๆ กล่าวว่า "สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับจะเปิดให้คนนอกเข้าทุก 3 ปี จนกว่าจะถึงการเปิดครั้งถัดไป ก็ยังเหลือเวลาอีก 3 เดือน ดังนั้นเวลายังเพียงพอมาก"

ฟังดังนั้น ใจของกู่หยางก็สบายขึ้น

"ถ้าเช่นนั้น... ออกเดินทางกันเถอะ!"

แววตาของกู่หยางเปล่งประกาย พยักหน้าเบา ๆ

"ได้ ส่วนเรื่องน้องหสาวลิงเอ้อร์นั้น..."

เย่ชิงเฉิงก็ผงกศีรษะน้อย ๆ แล้วกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอดีน้ำเสียงชะงักไป

และทันทีที่นางพูดจบ

ฉู่หลิงเอ้อร์ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มละมุนบนใบหน้า

"สามี ครั้งนี้ออกไปต้องระวังตัวให้มาก ๆ ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นวุ่นวายมาก มักจะเกิดสงครามครั้งใหญ่บ่อย ๆ"

ฉู่หลิงเอ้อร์โอบแขนของกู่หยาง

"อืม อย่าห่วงเลย สามีเจ้าแกร่งกล้าจะตาย"

กู่หยางยิ้มและขยี้จมูกน่ารักของฉู่หลิงเอ้อร์เบา ๆ

"อืม เช่นนั้นเจ้ากับพี่สาวชิงเฉิงก็เดินทางดี ๆ ... ต้องคว้าโอกาสให้ดีล่ะ!"

ฉู่หลิงเอ้อร์พยักหน้าหงึก ๆ แล้วพูดอะไรบางอย่างกระซิบที่ข้างหูของกู่หยางเสียงเบามาก

กู่หยางชะงัก

คว้าโอกาสอะไรกัน?

เด็กคนนี้พูดอะไรออกมา?

หรือว่ากำลังส่งสัญญาณให้เขา?

หือ?

กู่หยางเหลือบมองแววตาเจ้าเล่ห์ในดวงตาของฉู่หลิงเอ้อร์

แล้วก็มองเย่ชิงเฉิงที่อยู่ตรงข้าม

แล้วก็เข้าใจในทันที

เด็กคนนี้...

ที่แท้ก็กำลังทำหน้าที่เป็นคนกลางจับคู่ให้เขาอยู่หรือ?

ไม่รอให้กู่หยางเอ่ยปาก

ฉู่หลิงเอ้อร์ก็ปล่อยมือจากแขนของกู่หยาง ยืนยิ้มหวานอยู่ข้าง ๆ โบกมือลา

"สามี หลิงเอ้อร์จะรอเจ้ากลับมา!"

เห็นเช่นนี้ กู่หยางก็อดที่จะใจเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้

ก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่หลิงเอ้อร์ทันที

แล้วโน้มตัวลงจูบนางเลย

"ต่อไปหากกล้าดื้อดันทำอะไรแบบนี้อีก ระวังข้าตีก้นเจ้า!"

ทิ้งคำพูดเอาไว้แล้ว

กู่หยางก็ไม่รอช้าอีกต่อไป

พยักหน้าให้เย่ชิงเฉิงเล็กน้อย แล้วเดินออกจากเรือนไปพร้อมกัน

ตอนนี้ใบหน้าของฉู่หลิงเอ้อร์แดงก่ำยิ่งนัก

"หลิงเอ้อร์ไม่อยากโดนสามีตีก้นหรอก!"

"ฝันไปเถอะ!"

ทั้งที่ปากพูดเช่นนี้ แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังกลับทำให้รู้ถึงความคิดที่แท้จริงของนาง

"อยากเป็นผู้ใหญ่ยิ่งนัก แบบนั้นก็จะได้ทำอะไรกับสามีได้..."

ฉู่หลิงเอ้อร์ส่ายหน้าน้อย ๆ ด้วยความเสียดาย แล้วกลับไปยังห้องของตัวเองทันที

เดินอยู่บนถนนที่ออกจากเมืองไป

เย่ชิงเฉิงก็อดที่จะคิดในใจไม่ได้

"ความสัมพันธ์ของนายน้อยกู่กับน้องสาวหลิงเอ้อร์ช่างดีจริง ๆ"

ได้ยินแล้ว กู่หยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วเย้าว่า "ทำไมล่ะ? เจ้าอยากได้แบบนั้นด้วยหรือ?"

"ก็อยากได้"

เย่ชิงเฉิงตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลย

"ด้วยรูปโฉมของเจ้า ผู้ที่ตามจีบเจ้าน่าจะต่อแถวยาวจากประตูเมืองไปจนถึงชานเมืองกระมัง?"

กู่หยางยิ้มน้อย ๆ

"แต่คนพวกนั้น ข้าไม่ชอบสักคน"

"คนที่ข้าชอบ ต้องแข็งแกร่งกว่าข้า พรสวรรค์ต้องดีกว่าข้า เก่งกาจในวิถีจะดีมาก เป็นปีศาจน้อยที่มีความเฉลียวฉลาดสูง..."

เย่ชิงเฉิงพูดอย่างเนิบ ๆ

คำพูดของนางพอเอ่ยออกมา

สีหน้าของกู่หยางก็แปลกไปทันที...

เงื่อนไขแต่ละข้อก็ไม่ธรรมดาเลย!

แต่ทำไมมันถึงได้คุ้นหูยิ่งนัก?

นี่มันไม่ใช่กำลังพูดถึงเขาหรอกหรือ?

ในตอนที่บรรยากาศเริ่มแปลกประหลาดขึ้นมา

ทั้งสองคนก็มาถึงประตูเมืองพอดี

เย่ชิงเฉิงกำลังจะหยิบเรือเหาะออกมาจากแหวนเก็บของโดยสัญชาตญาณ

แต่ถูกกู่หยางขัดจังหวะไป

"เรือเหาะมันช้าไป"

"ช้าไป?"

เย่ชิงเฉิงงงงวย

แต่ครู่ต่อมา เสียงนกร้องสดใสก็ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก

นางสะดุ้งตกใจในทันที

แล้วก็เห็นอินทรีวิญญาณเพลิงตัวหนึ่งที่ดูสง่างามมากกำลังร่อนลงมาจากท้องฟ้า

ลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา

"กรู้วว!"

อินทรีวิญญาณเพลิงซุกหัวเข้าหาตัวกู่หยางอย่างเป็นกันเอง ใช้ขนพิเศษบนหัวมันถูไถตัวของกู่หยาง

"เจ้าเด็กเหลือขอน้อย ไม่ได้เจอกันนานเลย"

กู่หยางก็ลูบตัวมันเบา ๆ สักพัก

อินทรีวิญญาณเพลิงก็ส่งเสียงร้องแผดสุดตื่นเต้น

ดูเหมือนว่ามันจะดีใจมาก

เย่ชิงเฉิงก็เห็นเหตุการณ์นี้...

สัตว์บินขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้?

การจับสัตว์บินพวกนี้ยากเย็นแสนเข็ญ แล้วต่อให้จับได้ การฝึกให้เชื่องก็ยากยิ่งนัก!

แต่กู่หยางกลับเลี้ยงอินทรีวิญญาณเพลิงตัวนี้จนมีความจงรักภักดีถึงเพียงนี้?

ไม่รู้ทำไม นางรู้สึกว่าอินทรีวิญญาณเพลิงตัวนี้ของกู่หยาง ดูเหมือนจะแตกต่างจากอินทรีวิญญาณเพลิงตัวอื่น ๆ ทั่วไปอยู่บ้าง

แต่ว่าแตกต่างกันตรงไหนนั้น นางก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

"ขึ้นมาเถอะ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว"

กู่หยางโบกมือให้เย่ชิงเฉิง แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนหลังอินทรีวิญญาณเพลิงทันที

เย่ชิงเฉิงเห็นเช่นนั้น ก็รีบก้าวเท้าน้อย ๆ ขึ้นไป นั่งอยู่บนหลังอินทรีวิญญาณเพลิงด้วย

"กรู้วว!"

อินทรีวิญญาณเพลิงเปล่งเสียงร้องดังสนั่นฟ้าสนั่นดิน ปีกใหญ่กว้างสะบัดสั่นทันใด

ร่างกายที่ใหญ่โตก็บินวนสูงขึ้นไป พุ่งทะยานขึ้นฟากฟ้า

เมื่อรับรู้ได้ถึงปราณอันมหาศาลบนร่างของอินทรีวิญญาณเพลิง

กู่หยางก็อดที่จะซาบซึ้งใจไม่ได้

ตั้งแต่เขาช่วยอินทรีวิญญาณเพลิงปลุกสายเลือดอินทรีศักดิ์สิทธิ์เขียวเข้มบรรพกาล ความเร็วในการเพิ่มขอบเขตของอินทรีวิญญาณเพลิงก็สูงจนน่าตกใจ!

ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ มันกำลังใกล้จะทะลวงขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้ระดับ 10 แล้ว!

"สามารถปรับแต่งสายเลือดมันไปได้อีกครั้งแล้ว"

กู่หยางนึกถึงตรงนี้ แต่ก็ไม่ได้รีบร้อน

ถึงอย่างไรการปรับแต่งครั้งนี้ก็คือถึง หนึ่งแสนปี!

สายเลือดต้องเข้มข้นยิ่งขึ้นแน่นอน การเปลี่ยนแปลงก็ต้องมหาศาลอย่างยิ่ง

การปรับแก้ไขโดยตรงตอนนี้ชัดเจนว่าไม่ได้

รอหาโอกาสที่ดีแล้วค่อยปรับแก้ก็แล้วกัน

กู่หยางกับเย่ชิงเฉิงก็นั่งอยู่บนหลังอินทรีวิญญาณเพลิง มุ่งหน้าตรงไปยังดินแดนรกร้างที่เป็นจุดตัดของ 3 ราชวงศ์ใหญ่อย่างเร่งรีบ

ระหว่างทาง

พวกเขาก็เห็นผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนไม่น้อยกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังดินแดนรกร้างเช่นกัน

ซึ่งในนั้นยังมียอดฝีมือขอบเขตแก่นสุญตาปะปนอยู่ด้วย

ระหว่างทางพวกเขาจับตามองกู่หยางอย่างแปลกใจเล็กน้อย

แต่ก็ไม่มีทีท่าจะลงมือ

ชัดเจนว่า...

ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ล้วนได้รับรู้ข่าวว่ามียอดฝีมือขอบเขตผันแปรปรากฏตัวที่ดินแดนรกร้างและทิ้งเขตแดนลับสืบทอดไว้

ต่างก็รีบร้อนไปที่นั่นกันทั้งนั้น

กู่หยางยังไล่ตามฉู่เสินเซียวและอัจฉริยะฟ้าประทานคนอื่น ๆ ที่มาถึงก่อนแล้วอีกด้วย

แต่พวกเขาก็ทักทายกันแล้วก็รีบเดินทางต่อ

"ตลอดทางไม่เห็นมียอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันมาใกล้เลยแม้แต่น้อย"

กู่หยางเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดถึงสิ่งผิดปกติที่เขาเห็นระหว่างทาง

เย่ชิงเฉิงก็ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้

นางยิ้มอ่อน ๆ แล้วบอกว่า "ถึงแม้ว่าดินแดนรกร้างจะเป็นที่ไร้เจ้าของ แต่ตำแหน่งที่เขตแดนลับปรากฏขึ้นครั้งนี้เป็นหุบเขาที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในดินแดนรกร้าง"

"ในหุบเขานี้มีค่ายกลประหลาดขัดขวางอยู่ ยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันไม่สามารถเข้าใกล้ได้"

"ดังนั้นอาจจะมียอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันซุ่มซ่อนอยู่รอบ ๆ ดินแดนรกร้าง แต่ที่บริเวณใกล้เคียงเขตแดนลับนั้น ยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันไม่กล้าเข้าใกล้"

"ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?"

ฟังดังนั้น กู่หยางก็อดประหลาดใจไม่ได้

แต่ถ้าเป็นอย่างนี้... ก็เท่ากับลดคู่แข่งลงไปได้ไม่น้อยเลย!

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเขตแดนลับสืบทอดของยอดฝีมือขอบเขตผันแปร!

หากมียอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันจำนวนมากบุกเข้าไปข้างใน การจะแย่งชิงโอกาสสำคัญจากมือของยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันพวกนี้ ความยากลำบากนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!

"หากไม่มีค่ายกลนี้ ข้าคงไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้าหรอก"

"เพราะพวกเราไม่มีทางแย่งชิงโอกาสอะไรมาจากมือของยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันได้อยู่แล้ว"

เย่ชิงเฉิงแบมือ เผยสีหน้าเต็มไปด้วยความหมดหวัง

"ก็ใช่อยู่หรอก"

กู่หยางพยักหน้า แม้ว่าเขาจะมั่นใจในพลังของตัวเองมาก

แต่ไม่เคยได้ต่อสู้กับยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันมาก่อน เขาก็ไม่กล้าฟันธงว่าตัวเองจะสามารถสังหารยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันได้

ดังนั้นคำพูดของเย่ชิงเฉิงก็ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงเท่าไหร่นัก

"แต่ครั้งนี้ก็มีอัจฉริยะฟ้าประทานหลายคนมาเหมือนกัน"

"เมื่อครู่เรือเหาะลำที่อยู่ด้านหลัง เป็นเรือเหาะของราชวงศ์ชิงเฟิง คนที่นั่งอยู่ข้างใน ก็คงเป็นหลัวเฟ่ยฟานอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งของราชวงศ์ชิงเฟิง"

"ความสามารถของหลัวเฟ่ยฟานก็ไม่เลว แต่สู้ข้าไม่ได้ ไม่ต้องใส่ใจมากหรอก"

เย่ชิงเฉิงเริ่มแนะนำขึ้นเรื่อย ๆ

ในฐานะอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งของราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว นางก็ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับอัจฉริยะฟ้าประทานของสองสามราชวงศ์ใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ อยู่พอสมควร

ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของนางจะสูงมาก แต่ก็ไม่ได้เหนือชั้นมากเพียงนั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด