บทที่ 41 นางเอกคนที่สองฉู่รั่วเสวี่ยมาแล้ว!
บทที่ 41 นางเอกคนที่สองฉู่รั่วเสวี่ยมาแล้ว!
วันที่สอง นางเอกคนที่สองฉู่รั่วเสวี่ยนำทีมไปยังบริษัทหลินอินเวสเมนท์
หลินเป่ยฝานเป็นเจ้าของสถานที่ จึงต้องออกมาต้อนรับและทักทายอย่างอบอุ่น “ฮ่า ฮ่า! ยินดีต้อนรับประธานฉู่ การมาเยือนของเธอทำให้ที่นี่มีชีวิตชีวาขึ้นจริงๆ”
“เอาเป็นว่าฉันขอรับคำชมนี้ไว้แล้วกัน ยังไงวันนี้ก็รบกวนด้วยนะ” ฉู่รั่วเสวี่ยยิ้มอย่างสดใส มันสง่างาม ดูเป็นธรรมชาติและน่าดึงดูดมากไม่มีสัญญาณของเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
ว่ากันตามจริง คนที่สามารถเป็นประธานได้ จะมีคนธรรมดาซักกี่คน? ในโลกธุรกิจต้องซ่อนธรรมชาติของตนเอาไว้ สุภาพกับทุกคนที่คุณพบ นี่คือการวางตัวขั้นพื้นฐานที่สุด!
“ประธานฉู่ ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จัก ....”
หลินเป่ยฝานแนะนำผู้พนักงานในบริษัทการลงทุนของเขาทีละคน ไล่ตั้งแต่ผู้จัดการมาถึงประธานกรรมการ
ฉู่รั่วเสวี่ยมองหลินเป่ยฝาน “ดูท่านายจะทำได้ดีทีเดียวนะ”
ในโลกธุรกิจ มีกฏการต้อนรับผู้มาเยือนที่รู้ๆกันอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือทหารต้องรับหน้ากับทหาร ขุนพลต้องรับหน้ากับขุนพล ระดับจะต้องเท่ากัน ไม่อย่างนั้นอาจมีเรื่องวุ่นวายตามมา รังแต่จะทำให้คนดูถูก
การที่หลินเป่ยฝานออกมารับหน้าและสนทนากับฉู่รั่วเสวี่ยตรงๆ แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่เข้ามาแทรกตำแหน่งในบริษัท แต่มีอำนาจในการควบคุมบริษัทอย่างแท้จริงแล้ว
“ก็เฉยๆนะ ฉันแค่ทำได้ไม่เลว” หลินเป่ยฝานหัวเราะ
ในทุกวันนี้ แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในนามรองประธานก็ตาม แต่ด้วยสมรรถนะอันน่าทึ่ง และภูมิหลังของตัวเอง เขาจึงได้กลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในบริษัทหลินอินเวสเมนท์แล้ว
“ข้างนอกลมแรง.. ประธานูฉู่เชิญเข้ามาข้างใน”
ทุกคนเดินเข้าไปในห้องประชุม หลังจากดื่มชาสักถ้วย ฉู่รั่วเสวี่ยก็พูดด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างแดง “ฉันมาที่นี่ครั้งนี้ เพราะต้องการยืมเงินจากนายไปหมุน”
ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือก เธอคงไม่มาหาเพลย์บอยหลินเป่ยฝาน ขณะนี้เศรษฐกิจโลกเกิดภาวะถดถอย ทุกคนกำลังหมดเงิน ธนาคารกำลังเข้มงวดเรื่องเงิน การกู้ยืมเป็นเรื่องยากมาก
และในทุกอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบหนัก
กลุ่มลี่เฉิงของพวกเธออยู่ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เน้นการพัฒนาซูเปอร์มาร์เก็ตแบบครบวงจรเป็นหลัก แต่ขณะนี้เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ไม่มีทางที่จะกู้ยืมเงินจากธนาคารได้ จึงเกิดปัญหาใหญ่ในห่วงโซ่ทุน
วันนี้ เธอมีปัญหาเรื่องเงิน เมื่อคืนชนกับหลินเป่ยฝาน และคิดได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลงทุนอยู่ สมควรมีเงิน จึงตัดสินใจแวะมาหา
“ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง” หลินเป่ยฝานพยักหน้า อันที่จริงเขาเดาได้ตั้งนานแล้ว
ในพล็อตเดิม ฉู่รั่วเสวี่ยก็ประสบปัญหานี้ แต่นั่นคืออีกหลายเดือนจากนี้ เศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์มีความร้ายแรงมากขึ้น ทุกข์จนต้องขายที่ดิน
แต่สุดท้ายตัวเอกเย่ซิงเฉินก็ลอบช่วยจนผ่านพ้นไปได้ ระหว่างปกป้องอีกฝ่ายในฐานะบอดี้การ์ด เขาใช้ทุนและอิทธิพลของตนเอง ช่วยให้ฉู่รั่วเสวี่ยเอาชนะความยากลำบาก ผ่านพ้นมันไปด้วยกัน ระหว่างทางตบหน้าตัวร้าย เป็นพล็อตเรื่องที่โบราณมาก
อย่างไรก็ตาม แผนการของอีกฝ่ายยังไม่เริ่ม แต่กลับถูกหลินเป่ยฝานขัดขวาง
ในเวลานั้น หลินเป่ยฝานค่อนข้างร่ำรวยอยู่แล้ว เขาทุ่มเงินหลายพันล้านโดยไม่ลังเล เขาไม่เพียงช่วยให้อีกฝ่ายเอาผ่านความยุ่งยากเท่านั้น แต่ยังได้ครองใจอีกฝ่ายด้วย
“เธอต้องการยืมเท่าไหร่?” หลินเป่ยฝานถาม
ฉู่รั่วเสวี่ยรีบพูดว่า “เราต้องการเงิน 1,000 ล้าน เท่านี้ก็จะฟื้นฟูทุนหมุนเวียนได้ ส่วนเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ เราสามารถจ่ายให้สูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร 1%”
หลินเป่ยฝานใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะเป็นจังหวะ จมหายไปในความคิด
ระหว่างนี้ฉู่รั่วเสวี่ยลอบสำรวจหลินเป่ยฝาน พบว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างกังวล หัวใจของเธอก็หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด หลินเป่ยฝานก็เอ่ยออกมา
“ในความเห็นของฉัน ต่อให้เธอยืมเงินไปพันล้าน ก็คงแก้ปัญหาอะไรได้ไม่มาก”
“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น?”
หลินเป่ยฝานวิเคราะห์อย่างรอบคอบ “ตอนนี้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย ทุกคนไม่มีเงิน อุตสาหกรรมไหนๆ ก็ทำได้ไม่ดีนัก ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
“อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เช่นเธอที่ต้องอาศัยเงินทุนในการขับเคลื่อนก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ สถานการณ์เลวร้ายกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆมาก ดังนั้นเงินทุนพันล้าน เมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่ของเธอ มันจะช่วยให้หายใจได้นานขนาดไหน? มันก็แค่การพังกำแพงด้านตะวันออกเพื่อซ่อมกำแพงด้านตะวันตก!”
ฉู่รั่วเสวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น “ยังดีกว่าล้มละลาย!”
สถานการณ์นี้เธอไม่รู้ได้อย่างไร? แค่มันไม่มีตัวเลือกก็เท่านั้น!
ทุกวันนี้ ทุกคนต่างรัดเข็มขัดเพื่อเอาชีวิตรอด ที่ต้องมาลุ้นคือใครมันจะทนอยู่ได้นานกว่ากัน!
และหลังจากผ่านพ้นมันไปได้ ก็ยังมีความหวังรออยู่!
แต่ถ้าทนไม่ถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็เป็นอันจบสิ้น!
จู่ๆ หลินเป่ยฝานก็ถามขึ้นมาว่า “กลุ่มลี่เฉิงของเธอมีที่ดินในเจียงหนานใช่หรือเปล่า?”
ฉู่รั่วเสวี่ยงงงวยสงสัย “ก็ใช่ แล้วมันทำไม?”
“ฉันสนใจที่ดินผืนนั้นมาก!” หลินเป่ยฝานยิ้มแล้วพูดว่า “สนใจขายต่อไหม?”
“นาย...อยากซื้อที่ดินผืนนั้นเหรอ?” ฉู่รั่วเสวี่ยรู้สึกสับสน
หลินเป่ยฝานผายมือ “ทำไมจะไม่ล่ะ?”
ฉู่รั่วเสวี่ยส่ายหัว “พูดตามตรง นายคงไม่ไหว”
หลินเป่ยฝาน “ทำไมถึงไม่ไหว?”
“เพราะนายมีเงินไม่พอ! ที่ดินผืนนั้น ทางเราต้องใช้เงินกว่า 6,000 ล้านหยวนเพื่อซื้อมัน! และถ้านายสนใจจริงๆหรือฉันยอมขายให้ในราคาถูก ก็ต้องใช้เงินอย่างน้อย 5,000 ล้านหยวน แล้วนายมีเงินมากขนาดนั้นเหรอ?”