บทที่ 38 มีพ่อก็ลืมแม่!
"ช่วยเสวียนซี จดจำคำศัพท์ ให้รางวัล กายาศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้น ระบบนี้ ใจดีมาก!"
เมื่อเห็นรางวัลที่ระบบมอบให้ หลินซวนก็ดีใจมาก
กายาศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้น ซึ่งเป็นร่างกายระดับเทพโดยกำเนิดที่หายากมาก ๆ
ในการจัดอันดับกายาระดับเทพของดินแดนอมตะเก้าสวรรค์ในปัจจุบัน มันอยู่ในอันดับแรก!
ด้วยร่างกายาศักดิ์สิทธิ์นี้ เขาสามารถดูดซับพลังเต๋าไร้สิ้นสุด อำนาจฮุ่นตุ้นจากกาลอากาศที่ไร้สิ้นสุดในจักรวาลได้.
ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเขาทรงพลังแข็งแกร่ง อยู่ยงคงกระพันในโลกหล้า
อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นกายาที่แข็งแกร่งโดยที่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนใด ๆ.
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่อาจป้องกันพลังที่ผิดปรกติได้
ถ้าจะบอกว่าหลินซวนไม่มีความสุข คงเป็นเรื่องโกหก!
ติ๊ง!
“ต้องการถอนรางวัลหรือไม่?”
"ถอน!"
"โหลดกายาศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้นสำเร็จ!"
ทันใดนั้น หลินซวน ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลง ในระดับสั่นสะเทือนสวรรค์ทันที
กระดูกทุกชิ้น ชีพจร เลือดเนื้อ ทั้งหมดถูกทำลายและจัดโครงสร้างใหม่ในระดับอนุภาค
ร่างกายของเขาราวกับกลายเป็นจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ที่บรรจุดาวเคราะห์และดวงดารานับหมื่นล้านดวง ที่โคจรหมุนวนไปตามกฎเกณฑ์ใหม่.
เพียงแค่หนึ่งลมหายใจเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์.
หลินซวนรู้สึกว่าทุกเซลล์ของเขาดูเหมือนจะสะท้อนสั่นพ้องกับศูนย์กลางแห่งพลังฮุ่นตุ้นที่ลึกล้ำและกว้างใหญ่
แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่นิ่ง ทว่าเขาก็สามารถตัดผ่านความว่างเปล่าและดูดพลังเต๋าไร้สิ้นสุดเข้ามาสู่ร่างกายของเขาได้ในทันที.
“เป็นไปอย่างที่คาดไว้ กายาศักดิ์สิทธิ์ มันแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างแท้จริง ๆ!”
หลินซวนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจออกมา เมื่อสัมผัสรับรู้การเปลี่ยนแปลงนี้อย่างรอบครอบแล้ว
“เสด็จพ่อ ข้าร้องเพลงไม่เก่งเหรอ?” เมื่อเห็นว่า หลินซวน เงียบและงงงวยไปชั่วครู่ หัวใจของเสวียนซี ก็บีบรัดขึ้นมาทันที
หลินซวนดึงสติ คืนกลับมาอย่างรวดเร็ว ส่ายหน้าแล้วยิ้ม: "ไม่แน่นอน! เสวียนซีลูกน้อยของพ่อร้องเพลงได้ดีมาก!"
บุตรสาวที่น่ารักได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ และ หลินซวน ก็ได้รับกายาศักดิ์สิทธิ์ หลินซวนรู้สึกพึงพอใจอย่างที่สุด!
"ฮิฮิ!"เสวียนซี ยิ้มอย่างมีความสุข เผยให้เห็นลักยิ้มเล็ก ๆ น่ารักสองดวง
ตราบใดที่นางจำเพลงกล่อมเด็กนี้ได้ นางก็ไม่ต้องกลัวที่จะจำคําศัพท์ดังกล่าวไม่ได้อีกต่อไป
เสวียนจู, เสวียนหาน และ เสวียนหยู เข้ามาใกล้ด้วยเช่นกัน.
ตอนนี้พวกนางได้ยินเสวียนซี ร้องเพลง ทำให้พวกนางคิดว่ามันฟังดูน่าสนใจ
“เสวียนซี เมื่อกี้เจ้าร้องเพลงอะไร?” เสวียนจู่ถาม
เสวียนซียิ้มแล้วเอ่ยว่า "เป็นเพลงสำหรับเด็กที่เสด็จพ่อสอนข้า มาร้องด้วยกันเถอะ!"
"ตกลง!" เสวียนหานปรบมือของนางอย่างมีความสุข
เสวียนหยูตั้งตารอ แม่มดตัวน้อยผู้นี้ ไม่เพียงแค่ชอบเล่นซนเท่านั้น แต่ยังชอบร้องเพลงอีกด้วย
พี่สาวทั้งสี่คนก็ร้องเพลงและเต้นอยู่ในบริเวณนั้นดูมีความสุขมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่มีเสน่ห์เข้ามา: "ธิดาที่รัก เจ้าร้องเพลงอะไร ไพเราะจัง?"
ตงหวงจื่อโหยว สวมเสื้อคลุมสีม่วงทอง และก้าวขึ้นบันไดดอกบัวเข้ามาหา
เด็กหญิงทั้งสี่รีบวิ่งเข้าไปล้อมรอบนางทันที
“เสด็จแม่ เพลงของลูก เสด็จพ่อสอนพวกเรา เพราะมาก”
หลังจากเอ่ยจบ สาว ๆ ก็ร้องเพลงเด็กด้วยกัน
"ดีมาก!" ตงหวงจื่อโหยวเผยความสุข และเหลือบมองหลินซวนในระยะไกลออกไปเล็กน้อย.
โดยไม่คาดคิดว่าเขาจะมีพรสวรรค์เช่นนี้ นางเอ่ยกับตัวเองในใจ.
เมื่อเห็นตงหวงจื่อโหยวมาหาเด็ก ๆ หลินซวนก็ถามอย่างสบาย ๆ ว่า "วันนี้ไม่ยุ่งกับราชกิจอย่างงั้นรึ? ถึงได้มาเยี่ยมเยือนเด็ก ๆ ได้"
"ใช่." ตงหวงจื่อโหยว พยักหน้า "ด้วยความช่วยเหลือของผู้สูงศักดิ์ ทำให้เรื่องของอาณาจักรหมื่นปิศาจสามารถจัดการได้อย่างราบรื่นมาก ดังนั้นข้าจึงมีเวลาว่างสามารถใช้กับลูก ๆ ได้หนึ่งวัน"
"โอ้ว." หลินซวนดูสบาย ๆ เขารู้โดยธรรมชาติว่าผู้สูงศักดิ์ที่นางเอ่ยถึงคือตัวเขาเอง
ตงหวงจื่อโหยว ส่ายหน้าอย่างมืดมน
ถ้าคนอื่นได้ยินคำพูดของนาง พวกเขาจะต้องถามอย่างสงสัยอย่างแน่นอนว่า ผู้สูงศักดิ์คนนั้นคือใคร
อย่างไรก็ตาม หลินซวน กลับมีสีหน้าไม่แยแส
ท้ายที่สุดเขาไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เขาทะเยอทะยานได้เลย.
ตงหวงจือโหยว ยิ้มเล็กน้อยแล้วถามเสวียนจู่และคนอื่น ๆ ว่า "ไม่กี่วันมานี้พวกเจ้าเกียจคร้านฝึกกระบี่และไม่ทำการบ้านหรือไม่?"
"ไม่!"
“เมื่อมีเสด็จพ่ออยู่กับเรา พวกเราทุกคนจะต้องทำงานหนัก!”
เมื่อได้ยินคำเอ่ยของเด็ก ๆ ตงหวงจื่อโหยวก็เผยยิ้มลึกยิ่งขึ้น
ไม่ว่ายังไง ลูก ๆ ของ หลินซวน ก็ยังคงโดดเด่น
เมื่อเขาเฝ้าดู การบ้านของเด็ก ๆ และ วิถีต่อสู้ของเด็ก ๆ ก็เป็นการยืนยันได้ถึงการพัฒนา
นอกเหนือจากการเรียนแล้ว ตงหวงจื่อโหยวยังคงกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับการฝึกฝนเต๋าต่อสู้ของเด็ก ๆ
นางแอบตัดสินใจว่าในอีกปีหนึ่ง หลังจากที่เด็ก ๆ ได้ฝึกฝน "เทคนิคกระบี่เทียนเจา" อย่างถี่ถ้วนแล้ว นางจะสอนวิชากระบี่ระดับสูงกว่านี้ให้พวกนาง
“เอาล่ะ วันนี้เสด็จแม่ว่าง พวกเราจะไปเล่นที่ไหนดี?” ตงหวงจื่อโหยวมองดูเด็ก ๆ ที่จ้องมองมา.
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่เริ่มใช้สมองและพูดคุยกันสักพักก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไปเล่นที่ ภูเขาเซิ่งจิง
เพราะพวกนางได้ยินมาว่าที่นั่นมีฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี และเป็นสถานที่แห่งเดียวในเป่ยเสวียนเทียนที่พวกนางจะได้เห็นฤดูใบไม้ผลิ
“เอาล่ะ งั้นเราไปที่ภูเขาเซิ่งจิงกัน” ตงหวงจื่อโหยวที่โบกมือออกไป ก่อนที่บนท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยรัศมีแสงสีทอง.
มังกรยักษ์เก้าตนลากราชรถหยกเสวียนปิงลงมาจากก้อนเมฆและมาหยุดอยู่ที่สนามหญ้าด้านหน้า
"ไปกันเถอะ." ตงหวงจื่อโหยวเอ่ยกับหลินซวน
จากนั้นหลิน ซวนก็ก้าวตามนางและพาเด็ก ๆ ไปที่ราชรถหยกเสวียนปิง
ตามที่คาดไว้สำหรับรถที่สูงส่งที่สุดในเป่ยเสวียนเทียน ระดับความหรูหราของราชรถหยกเสวียนปิงนั้นเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง.
เมื่อเปรียบเทียบกับราชรถหยกวิหคปีกฟ้านั้นเป็นเพียงระดับพลเรือนเท่านั้น
ภายในราชรถหยกมีที่นั่งสองแถวหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งทั้งหมดแกะสลักด้วยนกฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งดูหรูหราและอลังการมาก
หลังจากที่ หลินซวน และ ตงหวงจื่อโหยว นั่งเผชิญหน้ากัน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่ก็รีบโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของ หลินซวน ทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ตงหวงจื่อโหยวก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากเล็ก ๆ ของนาง และความรู้สึกอิจฉาเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง
“สาวน้อย...มีเสด็จพ่อแล้วลืมเสด็จแม่ไปแล้ว!”
เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเด็กผู้หญิงสี่คนที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงซวน เห็นท่าทางตงหวงจื่อโหยวก็ทำอะไรไม่ถูก
หลังจากนั้นไม่นานเสวียนจู่ ก็หันกลับมาและก้าวมาที่ตงหวงจื่อโหยว
"ลูกรัก เจ้ามาที่นี่ เพื่อมาอยู่กับเสด็จแม่ของเจ้าหรือเปล่า..." ตงหวง จือโหย่ว มีความสุขมาก เสวียนจู่เป็นบุตรสาวคนโตของนาง เป็นคนที่นางเอ็นดูเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะเอ่ยจบเสวียนจู่ ก็คว้ามือหยกของนางเอาไว้
จากนั้นก็ได้ยินเสวียนจู่เอ่ยออกมาว่า: "เสด็จแม่ท่านมานั่งบนตักเสด็จพ่อกับพวกเราด้วยกันเร็ว!"
แก้มของตงหวงจื่อโหยว เริ่มร้อนขึ้นชั่วขณะหนึ่ง และใบหน้าทั้งสองก็แดงขึ้นด้วย.
“เสด็จแม่นั่งบนตักเสด็จพ่อไม่ได้!” นางส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
"ทำไม?" ไม่เพียงแต่เสวียนจู่ เท่านั้น แต่เด็กหญิงตัวน้อยอีกสามคนที่หันหน้าไปมองด้วยความงุนงงเช่นกัน
ตงหวงจื่อโหยว สงบใจบังคับตัวเองไม่ให้เขินอาย: "เพราะเสด็จแม่โตแล้ว มันจะทำให้ขาเสด็จพ่อบาดเจ็บ"
"โอ้ว!" เสวียนจู่และคนอื่น ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะคำเอ่ยของเสด็จแม่ฟังดูสมเหตุสมผลเสมอ
“แต่มันแปลกมากที่เสด็จแม่นั่งตรงข้าม!” เสวียนหานส่ายหน้าไปมา
ครอบครัวควรนั่งด้วยกัน
"มานั่งที่นี่เถิด" แน่นอนว่าหลินซวนเข้าใจความคิดของบุตรสาวได้
ตงหวงจื่อโหยว คิดอยู่พักหนึ่ง พยักหน้า และข้ามมานั่งในแถวเดียวกับหลินซวน
ระหว่างคนทั้งสอง มีเด็กหญิงสี่คนนั่งแทรกไปมา ทำให้ดูเหมือนกับครอบครัวที่มีสมาชิกหกคนขึ้นมาเหมือนกัน.
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ แก้มของตงหวงจื่อโหยว ร้อนขึ้นเล็กน้อย และหัวใจของนางเองก็เต้นไปมาเช่นกัน.
ในรอบสี่ปี นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ใกล้ชิดกับหลินซวนมากขนาดนี้
โชคดีที่การแสดงออกของ หลินซวนดูเฉยเมย ซึ่งช่วยแก้ไขบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจได้ ระหว่างทางทำให้ตงหวงจื่อโหยวที่ผ่อนคลายลง
หลังจากมาถึงเทือกเขาเซิ่งจิง ที่นี่เป็นฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี
ดอกไม้มีสีแดงและต้นหลิวเป็นสีเขียว เป็นฤดูใบไม้ผลิที่อุดมสมบูรณ์
ทั้งสองเล่นกับเด็ก ๆ อยู่พักหนึ่ง
ตงหวงจื่อโหยว ยืนข้าง ๆ มองดูหลินซวนและเด็ก ๆ ด้วยสายตาที่อ่อนโยน
แม้ว่า หลินซวน จะแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ๆ อีกฝ่ายไม่มีความตั้งใจจะฝึกฝนเต๋าต่อสู้ แม้แต่ไร้ความทะเยอทะยานใด ๆ.
อย่างไรก็ตาม วันนี้อีกฝ่ายกับดูอบอุ่นและยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
นางเป็นจักรพรรดินีเป่ยเสวียนเทียน ขอบเขตจักรพรรดิผู้แข็งแกร่ง หากแต่บางครั้งนางก็รู้สึกกดดันเช่นกัน
บางครั้งนางก็คาดหวังให้หลินซวนช่วยแบ่งปันความกดดันด้วยเช่นกัน.
ทว่าการที่เขาเป็นเช่นนี้ ก็เป็นอะไรที่ดีเหมือนกัน.
เรื่องราวใด ๆ ในโลกที่ดูวุ่นวายนั้น ปล่อยให้นางแบกมันไว้คนเดียวก็พอ.
ตงหวงจื่อโหยวคิดอย่างขบขัน ดวงตาของนางก็กลายเป็นแน่วแน่ คล้ายกับว่าได้ตัดสินใจครั้งสำคัญไปแล้วเช่นกัน.