บทที่ 37 ความลับเล็ก ๆ ของเสวียนซี!
“มีเรื่องอะไรรึ?” หลินซวนเอ่ยถาม
ราชครูหยาง ชี้ไปที่ม้วนภาพแล้วเอ่ยออกมาว่า "ม้วนภาพนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณโดยกำเนิดของเต๋าวรรณกรรมของพวกเรา"
“ว่ากันว่าม้วนภาพนี้ถูกสร้างขึ้นโดยกึ่งปราชญ์เมื่อ 30,000 ปีก่อน มันได้บรรจุอำนาจปราชญ์ก่อเกิดที่สามารถหล่อเลี้ยงสถาบันศึกษาทั้งหมดได้”
หลินซวน พยักหน้า: "เจ้าต้องการเปิดข้าเปิดใช้งานอำนาจปราชญ์ให้ใช่หรือไม่?"
ตามที่ราชครูหยางเอ่ย กลิ่นอายปราชญ์นั้นเปรียบได้เหมือนกับเส้นชีพจรจิตวิญญาณที่หล่อเลี้ยงนิกาย หากเปิดใช้งานได้ ก็จะมีกลิ่นอายปราชญ์ที่สามารถปล่อเลี้ยงสถาบันศึกษาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน.
ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในแวดวงวรรณกรรมและวิถีเต๋าวรรณกรรม แต่ยังช่วยเพิ่มชื่อเสียงและส่งต่อเป็นมรดกของสถาบันศึกษาได้อีกด้วย
ต้องไม่ลืมว่านี่คือโลกของผู้ฝึกตน.
เส้นโลหิตจิตวิญญาณก่อกำเกิดนั้น สามารถสนับสนุนนิกายได้นับพันนับหมื่นปี.
นี่แสดงให้เห็นว่ากลิ่นอายปราชญ์กอเกิดนั้นย่อมสำคัญมากเช่นกัน.
“ไม่อาจซ่อนอะไรจากตี้ฟู่ได้เลย”ราชครูหยางเอ่ยด้วยความเคารพ.
“เพื่อทดสอบพรสวรรค์เต๋าวรรณกรรมให้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ครึ่งปราชญ์ได้ผนึกกลิ่นอายปราชญ์เอาไว้ในม้วนภาพนี้.”
“กล่าวได้ว่ามีเพียงภาพและอักขระที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถเปิดใช้งานม้วนภาพนี้ได้!”
“ช่างน่าเศร้าบุรุษชราผู้นี้มีเชาว์ปัญญาน้อยเกินไป ไม่อาจถอดรหัสได้แม้นว่าจะค้นคว้ามากว่าสองร้อยปีแล้ว.”
“การมาในวันนี้ จึงใคร่ขอให้ตี้ฟู่ ได้ช่วยเปิดใช้งานม้วนภาพนี้ให้ด้วยเถิด.”
หลินซวน เผยยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเอ่ยของเขา"เป็นเรื่องที่น่าสนใจเล็กน้อย"
ภายในใจของเขาที่ทำการค้นหาภาพฉากและคำบรรยายเกี่ยวกับแผนภาพที่มีในตำราสวรรค์เสวียนเจี่ยทันที.
ราชครูหยางที่เผยท่าทางดีใจจากท่าทางของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าตี้ฟู่จะสามารถถอดรหัสได้อย่างแน่นอน.
หลินซวนหยิบพู่กันขึ้นมาและบรรจงเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ 12 ตัวลงบนม้วนภาพ.
ทิวทัศน์เป่ยเสวียน เหมันต์พันลี้ หยาดฟ้าพันลี้!
(北国风光,千里冰封,万里雪飘)
ตัวอักษรทั้งสิบสองตัวที่สลักลงไป และทำให้ภาพดังกล่าวสั่นไปมา ก่อนที่จะระเบิดแสงสีทองออกมา
พลังปราชญ์ที่ทรงพลังกำลังรวมตัวกันก่อรูปเป็นเมฆเจ็ดสีลอยขึ้นไปบนอากาศ.
ยิ่งใหญ่อลังการ ราวกับจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดรกาล.
เมื่อเห็นสิ่งดังกล่าว ราชครูหยางที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พร้อมกับคำนับหลินซวนสามครั้งติดต่อกัน.
"มหัศจรรย์มาก มันมหัศจรรย์จริง ๆ!"
“อักขระของตี้ฟู่ สง่างาม งดงาม สวยสง่าไร้ที่สิ้นสุดจริง ๆ!”
ราชครูหยางที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจ.
การเลือกสามีของจักรพรรดินิเสวียนปิง ช่างมีสายตาที่เฉียบแหลมอย่างแท้จริง.
ตี้ฟู่มีพรสวรรค์มาก จักรพรรดินิคงรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหมาะที่จะเป็นคนให้การศึกษาแก่ธิดา นอกจากนี้ยังเปี่ยมด้วยความรักอีกด้วย.
ดูเหมือนว่าวันที่รอคอยจะมาถึงแล้ว.
ไม่เพียงแค่สามารถปฏิบัติตามพระราชดำริของจักรพรรดินิได้เท่านั้น เขายังสามารถลาออกจากการเป็นพระอาจารย์ได้ด้วย.
ด้วยความช่วยเหลือจากตี้ฟู่ ทำให้เขาได้รับม้วนปราชญ์ต้นกำเนิดในครั้งนี้ด้วย.
การเดินทางมาครั้งนี้นับว่ายิงนกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวจริง ๆ!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ราชครูหยาง ถือม้วนภาพด้วยความตื่นเต้นดีใจและหันหลังกลับ
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะแขวนม้วนภาพนี้ในสถาบันการศึกษาที่เขาสร้างขึ้นในเวลานี้เลย
ให้เหล่าสาวกของทั้งสถาบันแสดงความเคารพต่อคำทองคำสิบสองคำ ซึ่งเป็นตัวอักษรของหลินซวน
แม้นว่าตัวอักษรของอีกฝ่ายจะดูคดเคี้ยวไปสักหน่อย แต่ก็บอกได้ว่ามันสมบูรณ์แบบ.
ภายใต้แสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยสีสัน อักขระที่เขียนลงไปนั้นกับดูกลมกลืนคืนกลับสู่พื้นฐานเข้ากันได้อย่างแยบยล
ในมุมมองของราชครูหยาง บางทีในระดับเทพวรรณกรรมแล้ว อักขระที่เขาเขียนนั้นมันลึกล้ำไม่อาจหยั่งรู้ได้.
เมื่อเห็นว่าราชครูหยางที่เร่งรีบจากไป แทบไม่ได้กล่าวลา หลินซวนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและเผยยิ้ม
ไม่คาดคิดเลยว่าลายมือของเขาที่เขียนลงไปนั้น กลับทำให้ราชครูหยางเห็นมันเป็นเหมือนกับสมบัติล้ำค่า.
เพื่อประโยชน์ในการให้ความรู้แก่เด็ก ๆ มันควรเป็นของขวัญสำหรับเขามากกว่า
“ว้าว เสด็จเสด็จพ่อน่าทึ่งมาก!”
“เสด็จเสด็จพ่อเป็นครูของเราได้ ข้าจะเสด็จเสด็จพ่อว่าครูชรา!”
เสวียนจู และคนอื่น ๆ ปรบมืออย่างมีความสุข ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้น เสวียนหาน ก็กลายเป็นคนประหลาดและตั้งชื่อใหม่ให้ หลินซวน
หลินซวนเกาจมูกของเสวียนหานด้วยความรัก: "ธิดาที่รัก ถ้าเจ้าเรียกเสด็จพ่อว่าครูชรา เจ้าไม่กลัวว่า เสด็จพ่อว่าแก่เหรอ?"
"จะเป็นไปได้อย่างไร?" จู่ ๆ เสวียนหานก็แสดงท่าทางเขินอาย นางเอียงศีรษะครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า "เสด็จพ่อก็คือเสด็จพ่อ แม้ว่าจะเป็นครู แต่ก็ยังเป็นเสด็จพ่อของเรา!"
“เอ่ยได้ดี ฉลาดมาก!” หลินเสวียนหอมใบหน้าอ้วน ๆ ของสาวน้อยอย่างตั้งใจ
"เสด็จเสด็จพ่อ ท่านต้องต้องหอมเราด้วย!"
เสวียนจู,เสวียนซี และ เสวียนหยู ต่างก็ชี้ไปที่ใบหน้าของพวกนาง
"ตกลง!"
แน่นอนว่าหลินซวนย่อมต้องทำให้บุตรสาวของเขาพอใจทีละคน
หลังจากการหอมแล้ว หลินซวนก็พร้อมที่จะสอนบทเรียนให้กับบุตรสาวของเขา
การครอบครองหนังสือสวรรค์เสวียนเจี่ย ทำให้เขามีความรู้มากมายนับไม่ถ้วน.
ตั้งแต่ศาสตร์ดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ ไปจนถึงประเพณีวัฒนธรรม ครอบคลุมทุกอย่าง
เรียกได้ว่า ไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้.
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุตรสาวที่ฉลาดทั้งสี่คน เขามีความมั่นใจเต็มที่ว่าจะสามารถปลูกฝังให้พวกนางกลายเป็นอัจฉริยะตัวน้อยที่รอบรู้และเจิดจรัสได้
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียนการสอน หลินซวน ได้ขอให้คนรับใช้ หาช่างฝีมือเฉพาะเพื่อสร้างห้องใหม่และติดตั้งกระดานดำจากไม้หนานมู่ที่ดูหรูหรา.
เมื่อเห็นความคิดอันชาญฉลาดของหลินซวน อดไม่เลยที่คนรับใช้และช่างฝีมือต่างก็ยกย่องภูมิปัญญาของเขา
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มีความสนใจมากขึ้นและเอ่ยคุยกันรอบกระดานดำอยู่พักหนึ่ง
ต่อไปหลินซวน จะใช้กระดานดำนี้เพื่อสอนความรู้โดยการเขียนลงไป
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงโดยไม่ได้ตั้งใจ และเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ยังสนใจ.
พวกนางพบว่าสิ่งที่เสด็จเสด็จพ่อสอนนั้นน่าสนใจและน่าดึงดูดมากกว่า อาจารย์ไท่ฟู่มาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเวลาผ่านไปนานเหมือนกัน เหล่าสาวน้อยก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทางของพวกนาง หลินซวนก็ให้พวกนางได้พักผ่อนสักพัก กินเค้กและผลไม้ที่คนรับใช้นำมา.
ในขณะที่น้องสาวอีกสามคนกำลังกินของว่าง เสวียนซีก็แอบมาหาหลินซวน
นางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาอย่างลับ ๆ แสดงให้หลินซวนดู
“เสด็จพ่อ คำนี้อ่านอย่างไร”
หลินซวน มองลงไปและเห็นอักขระตัวหนึ่งเขียนไว้บนนั้น
หลินซวน เผยยิ้ม: "คำนี้ออกเสียงว่า 'สั่น'(‘摇’)
"โอ้ว!" เสวียนซีพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดูแปลกไปเล็กน้อย หลินซวนจึงถามว่า "เจ้าจำไม่ได้รึว่าคำนี้ คือ อะไร"
เสวียนซีแสดงความเขินอายและพยักหน้า: "ใช่ อาจารย์ไท่ฟู่สอนข้าหลายครั้งแล้ว แต่เพียงไม่นานข้าก็จะลืมมันไป"
“พี่สาวและน้องสาวจำได้ทั้งหมด แต่ข้ามักจะลืมเสมอ!”
นางกอดแขนของหลินซวน ด้วยใบหน้าย่น: "เสด็จพ่อ ข้าโง่กว่าพวกนางหรือเปล่า?"
"ไม่แน่นอน!" หลินซวนลูบหัวเล็ก ๆ ของนาง “พวกเจ้าทุกคนฉลาดพอ ๆ กัน!”
เขาเข้าใจ เพราะเสวียนซีจำคำนั้นไม่ได้ นางจึงรู้สึก ด้อยกว่าเล็กน้อย
“แล้วทำไม ข้าถึงลืมตลอดล่ะ”เสวียนซี กระพริบตาโตของนาง
ด้วยการฝึกสอนเสด็จเสด็จพ่อที่สมบูรณ์แบบ หลินซวน รู้เหตุผลอย่างแน่นอน!
เขาเอ่ยอย่างอ่อนโยน: "อันที่จริง เด็กทุกคนจะมีคำศัพท์ที่ไม่สามารถจดจำได้ในขั้นตอนการอ่าน"
“แต่พ่อมีวิธีอันวิเศษที่จะทำให้เจ้าไม่มีวันลืมมันอีก”
เขารับรู้วิธีผ่านบทช่วยสอนพ่อผู้สมบูรณแบบ
หากต้องการให้เด็ก ๆ เชี่ยวชาญการอ่านออกเขียนได้เร็วยิ่งขึ้น พวกเขาจะต้องไม่สอนอย่างเข้มงวด
วิธีที่ดีที่สุดคือความบันเทิงและให้ความรู้
ใช้เรื่องราวที่สดใสหรือเพลงสำหรับเด็กจะช่วยเพิ่มความทรงจำให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“เสด็จพ่อ บอกข้ามาเร็ว ๆ!” เสวียนซีแทบรอไม่ไหว
หลินซวนยิ้มและเอ่ยว่า "นี่เป็นเพลงสำหรับเด็ก เจ้าและพ่อ มาร้องด้วยกัน!"
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็เริ่มร้องเพลงเด็กดัดแปลงออกมา
“เขย่า เขย่า เขย่า เขย่า ไปที่สะพานคุณยาย”
“สะพานคุณยาย กองดินสามกอง เขย่าไปพร้อมกับข้า”
“ข้าถามว่าทูเอ๋อร์ชื่ออะไร และชื่อของมันก็ชื่อ เขย่าด้วย”
เสวียนซีร้องเพลงตาม ดวงตาของนางก็สว่างขึ้น: "กองดินสามกองหรือที่เรียกว่า เขย่า!"
“ใช่ นั่นแหละความหมาย” หลินซวนถาม “ตอนนี้เจ้าจำได้ไหม?”
"แน่นอน!" เสวียนซีร้องเพลงเด็กดัดแปลงอีกครั้งทันที คำต่อคำ
ติ๊ง!
ในเวลานี้ เสียงกลไกของระบบก็ดังขึ้น
“โฮสน์สอนบุตรสาวคนที่สองให้จำคำศัพท์ใหม่ รางวัล: กายาศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้น!”