บทที่ 36 ตงหวงจื่อโหยวที่ตื่นตะลึง
พระราชวังปิศาจ อาณาจักรหมื่นปิศาจ.
ตงหวงจื่อโหยว สวมชุดเกราะฟีนิกซ์เหินสีม่วงทอง ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ โดยมีมือไพล่ด้านหลัง
หลังจากการสู้รบอันดุเดือดเป็นเวลาสองวันเต็ม กองทัพของเป่ยเสวียนเทียนก็ยึดพระราชวังปิศาจได้ในที่สุด
ซึ่งหมายความว่าต่อจากนี้ไป อาณาจักรหมื่นปีศาจจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเป่ยเสวียนเทียน
“การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมาก ศัตรูที่ซ่อนอยู่ในความมืด จะไม่นั่งรออยู่เฉย ๆ แน่!”
ตงหวงจื่อโหยวแอบคิดในใจ.
สี่ปีที่แล้ว ยอดฝีมือเสมือนจักรพรรดิสิบสองคนที่ลอบซุ่มโจมตีนาง นางเองสามารถบอกได้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เช่นกัน.
ทำให้นางระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก มีการเตรียมตัวอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับอาณาจักรหมื่นปิศาจครั้งนี้.
“ฝ่าบาท!”รูปร่างที่เพรียวบางและร้อนแรงของโหรวหยิง โผล่ออกมาเห็นเป็นเงาแสงสีดำ
ตงหวงจื่อโหยว เอ่ยถามโดยไม่หันศีรษะกลับไป "เจ้าได้รับข่าวอะไรมาบ้าง"
เมื่อสถานการณ์โดยรวมของอาณาจักรหมื่นปิศาจถูกตัดสินแล้ว นางก็ให้โหรวหยิงส่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงเพื่อสืบข่าวเกี่ยวกับสถานะการณ์รอบ ๆ อาณาจักรหมื่นปิศาจทันที.
โหรวหยิงพยักหน้า: "ตามรายงานของสายลับที่อยู่แนวหน้า ในพื้นที่ห่างจากชายแดนหมื่นปีศาจ 300,000 ลี้ มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเผ่าอสูร"
“เผ่าอสูร?!” ตงหวงจื่อโหยวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แม้แต่พวกสัตว์อสูรก็มีส่วนร่วมด้วย
ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะซับซ้อนกว่าที่นางจินตนาการไว้เล็กน้อย
"เพค่ะ!" โหรวหยิงพยักหน้า "ตามที่คาดไว้ ฝ่าบาท ดูเหมือนพวกเขาจะต้องการซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่น สถานที่ที่เป็นไปได้มากที่สุด ก็คือหุบเขาทงเทียน"
“เจ้าช่วยระบุสถานที่สุดท้ายได้ไหม ส่วนไหนของหุบเขาทงเทียน?” ตงหวงจื่อโหยวหันกลับมา
โหรวหยิง ส่ายหน้า: "โดยธรรมชาติแล้วสัตว์อสูรนั้นมีสัมผัสที่แหลมคมมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของพวกเราไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป"
ตงหวงจื่อโหยว โบกมือไปมา ขณะหยิบแผนที่ขนาดใหญ่ออกมาจากความว่างเปล่า
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
นางหรี่ตาที่สวยงามของนางแล้วเอ่ยออกมาว่า "หากมีใครต้องการซุ่มโจมตีพวกเรา สถานที่ที่ดีที่สุดคือหุบเขาทงเทียน"
โหรวหยิง พยักหน้าเล็กน้อย
ตงหวงจื่อโหยว ไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในบริหารราชการบ้านเมืองเท่านั้น
ในสนามรบ นางก็ยังเป็นอัจฉริยะ เชี่ยวชาญกลยุทธ์และกลอุบายต่าง ๆ ด้วย
“ฝ่าบาท พวกเราจะเอาชนะความยากลำบากนี้ได้อย่างไร” โหรวหยิงถาม
หลังจากได้รับชัยชนะที่อาณาจักรหมื่นปีศาจแล้ว ตงหวงจื่อโหยวจะต้องนำกองกำลังของนางกลับไปที่เป่ยเสวียนเทียน
หากมีการซุ่มโจมตีในหุบเขาทงเทียน ด้วยสภาพเวลานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านไปได้
ตงหวงจื่อโหยว จ้องมองไปที่แผนที่ หายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยออกมาว่า "เวลานี้ เมื่อไม่ทราบพลังของศัตรู การบุกโจมตีอย่างแข็งกร้าวก็ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด"
“ข้าคิดว่าพวกเราควรแบ่งทหารออกเป็นสามกอง ให้กลุ่มที่แข็งแกร่งเดินทางมุ่งตรงกลาง และมีสองกองคอยสนับสนุนปีกทั้งสองข้าง.”
โหรวหยิงพยักหน้า“เพค่ะ เฉินจะทำการแจ้งแม่ทัพวางแผนการจัดทัพใหม่ให้พร้อมโจมตีและสนับสนุนกันโดยตลอด”
หลังจากที่นางหันหลังกลับเตรียมออกไป ก็มีร่าง ๆ หนึ่งเร่งรีบเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่
"รายงาน!"
ผู้มาเยือนคือผู้นำของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกลุ่มที่สองของโหรวหยิงที่ส่งออกไปนั่นเอง.
โหรวหยิง: "มีอะไรหรือไม่?"
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเอ่ยตอบ "มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ในหุบเขาทงเทียน และสัตว์อสูรที่ซุ่มโจมตีที่นั่นล้วนถูกสังหารโดยยอดฝีมือที่ไม่รู้จัก!"
“จากซากศพของสัตว์อสูรและสถานที่ที่พวกเขาถูกซุ่มโจมตี เฉินคาดเดาว่ามีสัตว์อสูรอย่างน้อย 10,000 ตน และยังมีสัตว์อสูรลำดับแรก สามร้อยกว่าตัวด้วย!”
เมื่อได้ยินรายงานดังกล่าว ตงหวงจื่อโย่วก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ: "จริงอย่างงั้นหรือ?"
"เป็นเรื่องจริง!" ผู้นำของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "เฉินนำผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปสำรวจในหุบเขาด้วยตนเอง และยืนยันว่าทหารที่ซุ่มโจมตีที่นั่นตายกันหมดแล้ว!"
"นี่……"
ตงหวงจื่อโหยว อดไม่ได้ที่จะอ้าปากเล็ก ๆ ของนาง
ในช่วงเวลาสั้น ๆ สัตว์อสูรหลายหมื่นตัวถูกสังหารในคราวเดียว และมีสัตว์อสูรลำดับแรกกว่าสามร้อยตัวในหมู่พวกมัน
พลังเช่นนี้คือใครกัน?
เหตุใดเขาถึงได้โจมตีกลุ่มอสูรที่ซุ่มโจมตีอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้?
กระทำเพื่อเป่ยเสวียนเทียน หรือ เพื่อเหตุผลอื่น?
ตงหวงจื่อโหยวที่เป็นคนฉลาดมาก หากแต่กับสับสนไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวเลย.
อย่างไรก็ตาม ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย การซุ่มโจมตีถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ดี
ตงหวงจื่อโหยวสั่งทันที: "สั่งกองทัพทั้งสามให้รวมตัวกัน และจัดทัพกันใหม่ พวกเราจะกลับเป่ยเสวียนเทียนภายในครึ่งชั่วโมง!"
-
หนานเสวียนเทียน ตำหนักภายในราชวงศ์
ริ้วแสงเงาสีขาวที่พุ่งตัดผ่านความว่างเปล่ามาปรากฏขึ้น.
จักรพรรดิสวรรค์หนานเสวียน ฉินซ่างยื่นมือออกไปบีบกลุ่มแสงและเงา
แสงและเงานี้เป็นวิธีการสื่อสารพิเศษสำหรับสัตว์อสูรที่เรียกว่า "ขนนกโบยบิน"
หลังจากส่งพลังวิญญาณออกมาเพื่อเปิดขนนกที่บินมา ข่าวต่าง ๆ ก็ปรากฏดังขึ้นในหูของฉินซ่าง
“ผู้นำผู้นี้ได้ส่งกองกำลังออกไปซุ่มโจมตีจักรพรรดินีเสวียนปิงแล้ว ทว่าพวกเขาทั้งหมดถูกสังหารโดยคนลึกลับในชั่วข้ามคืน และศพก็กระจายเกลื่อนเต็มหุบเขา!”
“จักรพรรดินีเสวียนปิงจึงสามารถกลับไปยังเป่ยเสวียนเทียนได้โดยไม่มีอุปสรรคตลอดทาง!”
“ภารกิจนี้ถูกประกาศว่าล้มเหลว!”
ฉินซ่าง กำหมัดแน่น แขนของเขา สั่นไปมาอย่างรุนแรง
“บ้าเอ๊ย เป็นไปได้ยังไงเนี่ย!”
"ใครที่ทำแบบนี้?!"
โอกาสที่สวรรค์มอบให้นั้น ถูกทำลายโดยคนลึกลับจริง ๆ ไม่มีอะไรน่าอายไปกว่านี้อีกแล้ว!
หนำซ้ำเวลานี้ คำขอที่ได้รับจากเผ่าอสูรได้หายไปแล้ว ทว่าจักรพรรดินิเสวียนปิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรด้วยซ้ำ.
นี่มัน เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึกจริง ๆ
ในหัวใจของ ฉินซ่าง ทั้งโกรธเกรี้ยวและหดหู สุมอยู่ในอกของเขา.
อย่างไรก็ตามเวลานี้เขาทำได้แค่ สูดหายใจ เข้ามาสองสามครั้ง ดวงตาของเขาที่เผยความเย็นชาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.
“ตงหวงจื่อโหยว เจ้าหนีพ้นวันนี้ แต่ไม่มีทางหนีพ้นพรุ่งนี้แน่!”
“ข้าฉินซ่างมีวิธีที่ลึกล้ำมากมายเหนือกว่าที่เจ้าจินตนาการ ล้างคอรอไว้เลย ไม่ว่าใครจะช่วยเจ้า ข้าก็จะกำราบเจ้าให้มาอยู่แทบเท้าของข้า!”
เพื่อสงบความโกรธของตัวเองไว้ ฉินซ่าง จึงหัวเราะเผยยิ้มที่เย็นชาออกมา.
ราชวงศ์หนานเสวียนเทียนนั้นมีวิชาต้องห้ามที่เรียกว่า“ทักษะทลายประสาทหลัก” เขาที่ใช้เวลาสั้น ๆ สำเร็จขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว.
ในเวลานี้เขาทรงพลังแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ และเริ่มแตะขอบเขตมหาปราชญ์เรียบร้อยแล้ว!
ในวันที่เขาตัดผ่านขอบเขตมหาปราชญ์ เขาก็จะทำให้ตงหวงจื่อโหยวสิ้นหวัง ได้แต่นั่งเฝ้ามองเป่ยเสวียนเทียนถูกกลืนกิน.
-
เป่ยเสวียนเทียน พระราชวังหยก
ดวงตะวันทอแสงแดงยามเช้าส่องมายังพระราชวังหยก ส่องประกายแสงระยิบระยับ ราวกับดินแดนฝัน ดูงดงามสว่างตา.
หลังจากอาบน้ำให้กับบุตรสาวเสร็จ หลินซวนก็เตรียมอาหารเช้าที่เข้มข้นและแสนอร่อยให้พวกนาง
หลังรับประทานอาหารเสร็จ บุรุษชราสวมเสื้อคลุมสีขาวและดูอบอุ่นนิสัยดีได้ก้าวเดินเข้ามาในประตู
“คารวะตี้ฟู่!”
บุรุษชราผู้นี้ คือ ราชครูหยางเหวินเฉิง ของวังเสวียนปิงนั่นเอง.
“ราชครูหยาง สวัสดีตอนเช้า” หลินซวนพยักหน้าตอบ.
หยางเหวินเฉิงนั้นเป็นราชครูที่ได้รับการแต่งตั้งจากตงหวงจื่อโหยวให้มาสอนเด็ก ๆ เป็นพิเศษ.
หยางเหวินเฉิงยังมีอีกหนึ่งสถานะ นั่นก็คือหนึ่งในสิบของผู้นำปรมาจารย์เต๋าของเป่ยเสวียนเทียนนั่นเอง.
เขามีชื่อเสียงพอ ๆ กับ เจียงจิวไป่,เสิ่นหยากัง และเหล่าปราชญ์วรรณกรรมที่ได้รับความเคารพจากผู้คน.
หากตงหวงจื่อโหยวไม่มีเวลาสอนธิดา ก็จะให้หยางเหวินเฉิงมายังวังหยกเป็นครั้งคราวเพื่อสอนพวกนาง.
เมื่อเห็นหยางเหวินเฉิง เสวียนจู่และคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและยืนเป็นแถวเพื่อทักทายเขา: "สวัสดี ท่านอาจารย์ไท่ฟู่!"
"เยี่ยม ยอดเยี่ยม!" ราชครูหยาง เผยยิ้ม “เด็ก ๆ ฉลาดมาก!”
เสวียนจู ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "อาจารย์ วันนี้ท่านมาสอนพวกเราอยู่หรือเปล่า?"
หยางเหวินเฉิงส่ายหน้าไปมา จ้องมองไปยังหลินซวนด้วยความเคารพ.
“ตี้ฟู่คือมหาราชครูตัวจริง เฉินจะกล้าแสดงเป็นผู้มีขวานต่อหน้าเขาได้อย่างไร”
“มีมหาอาจารย์เช่นนี้สอนองค์หญิง ข้าเพียงแค่กึ่งอาจารย์ก็ถึงเวลาเกษียณแล้ว”
หลินซวนพยักหน้าเล็กน้อย
ราชครูหยางนั้นต้องการช่วยตงหวงจื่อโหยวบริหารราชกิจด้วย ทำให้เขาไม่สามารถทุ่มพลังและความสามารถทั้งหมดเพื่อมาสอนราชธิดาของนางได้.
ในเมื่อเวลานี้มีบิดาที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่เขาจะต้องแบ่งเวลามาสอนองค์หญิง.
“มีเสด็จเสด็จพ่อเป็นอาจารย์สอนจะต้องสนุกแน่นอน!”
ในเวลานั้นราชครูหยางที่หยิบภาพวาดสีน้ำมันออกมาจากแขนเสื้อ ก้าวมาด้านหน้าพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า“ตี้ฟู่ ผู้ใต้บังคับบัญชามาที่นี่ มีสิ่งหนึ่งที่ต้องการขอความช่วยเหลือ.”
หลินซวนจ้องมองภาพวาดที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง เหมือนกับเป็นภาพฉากหนึ่งของเป่ยเสวียนเทียน.