บทที่ 24 ฉันมีอาจารย์เก้าคน
บทที่ 24 ฉันมีอาจารย์เก้าคน
ซ่งมู่หยางตกตะลึง
ครู่หนึ่งต่อมา
ซ่งชิ่งเผิงเบิกตากว้าง ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงแหลมคม “เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เชื่อ ไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้ จะสามารถเซ็นสัญญากับตระกูลเซี่ยได้ยังไง?”
ซ่งมู่หยางขมวดคิ้ว มองไปที่ซ่งเสียหยาง
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ซ่งเสียหยางจงใจพูดแบบนี้ เพื่อปกป้องฉู่เฉิน
สิ่งที่เขาคิดไม่ออกคือ ฉู่เฉินไม่มีสถานะอะไรเลยในตระกูลซ่ง ทำไมวันนี้ซ่งเสียหยางถึงได้ปกป้องเขา
“ไอ้ปัญญาอ่อนที่ว่า คือใคร?” ฉู่เฉินตอบกลับ
ซ่งชิ่งเผิงยิ่งโกรธ
แน่นอนว่าเขาจะไม่หลงกลมุขเสี่ยวๆ แบบนี้ แต่แบบนี้กลับยิ่งทำให้ซ่งชิ่งเผิงรู้สึกว่า ฉู่เฉินกำลังดูถูกสติปัญญาของเขา
“ว่าใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก” ซ่งชิ่งเผิงคำราม
“พี่ใหญ่ ไอ้หมอนี่ทำให้หรงซื่อกรุ๊ปกับคุณชายเย่ไม่พอใจเมื่อคืน ไม่ว่าจะยังไง ตระกูลซ่งก็เก็บมันไว้ไม่ได้แล้ว” ซ่งมู่หยางพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ผมหวังว่า พี่ใหญ่จะคิดถึงตระกูล”
ซ่งมู่หยางพาซ่งชิ่งเผิงที่ไม่ยอมแพ้จากไป
“คุณพ่อ คุณอาหมายความว่ายังไง?” ซ่งเหยียนขมวดคิ้ว
“คุณชายเซี่ยมาที่ตระกูลซ่ง แน่นอนว่าเราปิดบังไม่ได้ อาลูกแค่มาลองเชิง” ซ่งเสียหยางกล่าว “คำพูดหนึ่งของคุณชายเย่เส้าหวงเมื่อคืน ทำให้พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก อของลูกกำลังรอคอยที่จะดูละคร แต่ผลลัพธ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ”
ซ่งเสียหยางมองไปที่ฉู่เฉินอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง จากนั้นก็จากไป
ในตอนนี้ ฉู่เฉินไม่มีทางออกจากตระกูลซ่งไปได้
“ภรรยา พวกเรากลับกันเถอะ” ฉู่เฉินเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาทันใด “ซ่งมู่หยางกับพวกคุณ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกันมาโดยตลอดลั้นเหรอ?”
ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉิน “กฎของตระกูลซ่ง ตำแหน่งผู้นำตระกูล ผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง คุณพ่อกับคุณอา สามารถพูดได้ว่าแข่งขันกันมาตั้งแต่เด็ก แต่โดยพื้นฐานแล้วคุณพ่อจะเหนือกว่า ดังนั้น ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็เลยตกเป็นของพ่อ ส่วนคุณอา ท่านไม่เคยยอมรับ แถมคุณอายังมีลูกชายสี่คน ซ่งชิ่งเผิงเป็นคนเล็ก พวกเขาเรียกตัวเองว่าสี่พยัคฆ์แห่งซ่ง ยังประกาศในงานหลายครั้งว่า พวกเขามีสิทธิ์เป็นตัวแทนของตระกูลซ่งมากกว่า”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีแค่ภรรยาของผมเท่านั้น ที่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนของตระกูลซ่ง” ฉู่เฉินพูดอย่างองอาจ
ซ่งเหยียนกลอกตาอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่า พวกเขาแพ้มาหลายปีแบบนี้ จะใช้วิธีพิเศษอะไรบ้างหรือเปล่า?” ฉู่เฉินพึมพำกับตัวเอง
รูม่านตาของซ่งเหยียนหดเล็กลงเล็กน้อย เข็มเงินบนแส้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอโดยไม่รู้ตัว
หัวใจของเธอเต้นแรง
ซ่งเหยียนส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีทาง ไม่ว่าจะยังไง เสี่ยวชิวก็เป็นหลานชายของเขา”
บ้านหลังหนึ่งของตระกูลซ่ง
ใบหน้าของซ่งชิ่งเผิงเต็มไปด้วยโทสะ เขาร้องคำรามออกมา
น้ำลายร้อยตระกูล เป็นความอัปยศอดสูที่เขาไม่มีวันลืม
“พี่สอง ผมต้องการแก้แค้น” ซ่งชิ่งเผิงกัดฟันแน่น
ภายในห้อง ซ่งชิ่งเหอ พี่ชายคนที่สองของซ่งชิ่งเผิง ดวงตาของเขาดูมืดมน คมกริบ “ฉันไปสำนักอู๋เสินเพื่อขอเป็นศิษย์ สามปีก่อนกลับมา ตั้งใจจะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำ แต่ไม่คิดเลยว่า ข้างกายซ่งเสียหยางจะมีผู้เชี่ยวชาญวิชาลับที่มีความสามารถสูงส่งคอยช่วยเหลือ ฉันอดทนมาสามปี ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญวิชาลับคนนั้นออกจากซ่งเสียหยางไปแล้ว ซ่งเสียหยางกับครอบครัว ฉันอยากให้พวกเขาตายยังไง พวกเขาก็ต้องตายยังงั้น”
ซ่งชิ่งเผิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “พี่สอง พี่เรียนวิชามนตร์ดำเป็นแล้วเหรอ?”
“เอาวันเดือนปีเกิดของคนตระกูลซ่งมา รวมถึงเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่ติดตัว ฉันก็จะสามารถทำให้พวกเขาดวงซวย เจอแต่เรื่องร้ายๆ หรือแม้กระทั่ง โชคร้ายจนถึงขั้นเลือดตกยางออกได้” ซ่งชิ่งเหอกล่าว “พี่สามซ่อนเข็มพิษไว้ในแส้ เป็นวิธีที่งี่เง่า ถ้าถูกจับได้ เขาก็หนีความผิดไม่พ้น”
“นักเล่นของที่มีชื่อเสียงที่พี่สามจ้างมาด้วยเงินจำนวนมาก ผมได้ยินพี่สามบอกว่า เขายังจะลงมืออีก” ซ่งชิ่งเผิงกำหมัดแน่น “ถึงตอนนั้น ฉันจะต้องทำให้ฉู่เฉินตายอย่างอนาถ”
“ครั้งนี้ ซ่งเสียหยางต้องจบเห่แน่” ซ่งชิ่งเหอกล่าว “ไม่มีผู้เชี่ยวชาญวิชาลับคนนั้นอยู่ข้างๆ เขาควรจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลซ่งให้คนอื่นตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว”
แววตาของซ่งชิ่งเหอเปล่งประกายที่คมกริบออกมา
แม้ว่าเขาจะเรียนวิชามนตร์ดำมาแค่เล็กน้อย แต่ซ่งชิ่งเหอมั่นใจว่า เพียงพอที่จะจัดการกับซ่งเสียหยางและครอบครัว
“แต่ ผมรอไม่ไหวแล้ว ผมอยากจะสั่งสอนฉู่เฉิน” ซ่งชิ่งเผิงกัดฟันแน่น
“ง่ายมาก” ซ่งชิ่งเหอหรี่ตา ยิ้มออกมา “พวกเราสี่พยัคฆ์แห่งซ่ง ไม่มีทางปล่อยให้ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านคนนี้ทำตัวอวดดี” ซ่งชิ่งเหอถือถุงใบหนึ่งอยู่ในมือ
“พี่สอง นี่คืออะไร?” ซ่งชิ่งเผิงรีบถาม
“งู ถ้าถูกกัดจะเจ็บแปลบ ชาไปสามวัน แต่ไม่ตาย”
ดวงตาของซ่งชิ่งเผิงเป็นประกายขึ้นมาทันที พูดอย่างตื่นเต้น “พวกเราสี่พยัคฆ์แห่งซ่ง พี่ใหญ่กำลังตามจีบคุณหนูตระกูลหวง อาจจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลหวง พี่สองตอนนี้วิชามนตร์ดำก็แสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาแล้ว พี่สามก็มีนักเล่นของคอยช่วยเหลือ ส่วนผมก็มีพี่ชายสามคน! พวกเขาจะสู้กับพวกเราได้ยังไง? จะพึ่งลูกสาวที่แต่งออกไปสองคน ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านหนึ่งคน แล้วก็ไอ้ซ่งชิวที่เป็นนักบู๊งั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ซ่งชิ่งเผิงเดินไปที่หน้าต่าง เปิดหน้าต่างออก มองไปที่บ้านหลังนั้นที่อยู่ไกลๆ “ตรุษจีนปีนี้ พวกเราต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นให้ได้”
ช่วงเย็น
ห้องชุดเล็กของบ้าน
ซ่งเหยียนผลักประตูออกมา ดวงตาของเธอล้า เธอจัดระเบียบข้อมูลความร่วมมือระหว่างตระกูลซ่งกับตระกูลเซี่ย และหาข้อมูลเกี่ยวกับวงการยาของเมืองฉาน ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ซ่งเหยียนก็ยิ่งรู้สึกปวดหัว
“ภรรยา ชงชาเสร็จแล้ว มาดื่มชากันเถอะ” ฉู่เฉินกล่าว
ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉิน
เธอรู้สึกหมดหนทาง
ไอ้หมอนี่ไม่เอาถ่านจริงๆ
ก่อนที่เธอจะเข้าห้อง เธอมอบข้อมูลฉบับหนึ่งให้ฉู่เฉิน แต่ตอนนี้ซ่งเหยียนออกมา เธอก็เห็นอย่างชัดเจนว่า ข้อมูลไม่ได้ถูกเปิดดูเลย
“นายเนี้นยนะ ทั้งวันเย็บปักถักร้อย ชงชาเสิร์ฟน้ำ ไม่คิดจะทำอะไรจริงจังบ้างเลยเหรอ?”
ซ่งเหยียนพบว่า ตัวเองยิ่งชอบกลอกตาใส่ฉู่เฉินมากขึ้น
“ผมบอกกับเซี่ยเป่ยแล้วว่า เรื่องความร่วมมือให้คุณเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ผมยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องทำอีกเยอะ” ฉู่เฉินกล่าว
“นี่คือ...สิ่งที่นายทำอยู่เหรอ?” ซ่งเหยียนเหลือบมอง
“การชงชาก็เป็นการฝึกฝนตัวเอง” ฉู่เฉินยิ้ม “ภรรยา ให้ผมบอกกับคุณเถอะ ผมมีอาจารย์เก้าคน อาจารย์ใหญ่สอนวิชามวยให้ผม อาจารย์รองสอนดนตรี หมากรุก อักษรวิจิตร และภาพวาดให้ผม อาจารย์สามเก่งที่สุด สอนวิชาลับให้ผม...”
“เงียบ” ซ่งเหยียนยังคงกลอกตาอีก “มีอาจารย์สอนให้นายไม่คุยโม้บ้างไหม?”
ฉู่เฉินตกตะลึง “อาจารย์เก้าบอกว่า หลังจากลงจากเขาแล้ว ต้องทำตัวติดดิน”
ซ่งเหยียน “...”
“ภรรยา ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณลองยื่นมือมา ผมจะดูลายมือให้คุณ รับรองว่าแม่นกว่าจางเต้าซื่อที่พวกคุณเคารพนับถือเยอะ” ฉู่เฉินกระตือรือร้น
ซ่งเหยียนแค่นเสียง “ไม่เป็นไร”
ซ่งเหยียนดื่มชาหนึ่งอึก ไม่คิดจะคุยเรื่องไร้สาระกับฉู่เฉิน นวดดวงตาของตัวเอง “ความแข็งแกร่งของตระกูลเซี่ยไม่ต้องสงสัย แต่แบบนี้ การที่ตระกูลเซี่ยจู่ๆ ก็เล็งเป้าหมายมาที่เมืองฉาน จะทำให้ตระกูลต่างๆ ในเมืองฉานรู้สึกว่า ‘หมาป่ามาแล้ว’ อาจจะถูกต่อต้านร่วมกันก็ได้ ตระกูลซ่งของเราในวงการยา ก็มีแค่พลังของตระกูลหลินที่พอจะยืมมาใช้ได้ อยากจะเปิดสถานการณ์ มันยากมาก”
ฉู่เฉินดื่มชาหนึ่งอึก “คุณมั่นใจเหรอว่า สามารถยืมพลังของตระกูลหลินมาใช้ได้?”
รูม่านตาของซ่งเหยียนหดเล็กลงเล็กน้อย
“ความร่วมมือระหว่างตระกูลซ่งกับตระกูลเซี่ยเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว หลินซิ่นผิงแทบจะรอไม่ไหวให้คุณขอเขามาช่วย จากนั้นเขาในฐานะลูกเขยของตระกูลซ่งจะมารับช่วงต่อ” ฉู่เฉินยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง มีผมอยู่ ผมมีอาจารย์เก้าคน ไม่มีเรื่องอะไรที่สามารถทำให้ผมลำบากใจได้”
ซ่งเหยียน “...”
คุยโม้ไม่หยุดไม่หย่อนจริงๆ…