บทที่ 18 โลกต้องการคนจน
จ้าวเหลียงตกตะลึงอย่างมาก
เขาจะรังแกเด็กใหม่ แต่กลับถูกทุบตีเสียเอง
เด็กใหม่ในปัจจุบันพวกเขานิสัยเสียขนาดนั้นเลยเหรอ?
เขาต้องการที่จะต่อสู้กลับ แต่เกาเถิงไม่ให้โอกาสเขาเลย เกาเถิงยกร่างของจ้าวเหลียงทุบร่างเข้ากับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนถนนคอนกรีต
กระดูกของจ้าวเหลียงแตกเป็นเสี่ยงๆรุนแรงจนเขาไม่มีพลังที่จะต้านทานได้เลย
จ้าวเหลียงทำได้เพียงจ้องมองท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า
ท้องฟ้าของหลิวฮุนสดใสเป็นพิเศษ
ทันใดนั้นความเจ็บปวด สับสน ตกตะลึง ก็โผล่เข้ามาในใจของเขา
เกาเถิงรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมาก เขาโบกมือราวกับไล่แมลงและพูดกับเพื่อนร่วมทีมทั้งสองของจ้าวเหลียงว่า "พาเขาออกไป ฉันสนุกมากพอแล้ว"
ทั้งสองคนนี้ตกตะลึงจนไม่สามารถกลับมามีสติได้เป็นเวลานาน
“เฮ้ ยังมีสติอยู่หรือเปล่า?”
เสียงของเกาเถิงดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา วิญญาณของพวกเขาก็กลับมาจึงได้สติอีกครั้ง
“นาย...นายจะทำอะไร?”
ทั้งสองคนตื่นตระหนกและร่างกายของพวกเขาก็ตั้งท่าป้องกัน
“หยุดสร้างปัญหากับฉันได้แล้ว พวกเธอแค่พาเพื่อนร่วมทีมออกไปจากที่นี่ซะ”
ทั้งสองมองหน้ากันและเห็นความโกรธในดวงตาของกันและกัน ช่างน่าละอายจริงๆ!
"อา~"
จ้าวเหลียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด รูปร่างและหน้าตาของเขายับเยินมาก คาดว่ามีกระดูกเพียงไม่กี่ชิ้นที่ยังไม่หัก
ทันใดนั้นความโกรธในสายตาของทั้งสองก็ลดลงและพวกเขาก็เต็มไปด้วยความนิ่งเฉย
พวกเขาอุ้มจ้าวเหลียงขึ้นบนหลังอย่างรวดเร็วและหายไปในพริบตา
จากนั้นฟางเหมิงก็ได้สติจากการตกใจ เธอกลืนน้ำลายแล้วถามว่า "เกาเถิงนายแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วเหรอ?"
เกาเถิงพูดด้วยความประหลาดใจ: "ทำไมเธอยังมีคำถาม?”
"เรื่องเมื่อกี้มันชัดเจนไม่พอเหรอ?"
"แต่... ความแข็งแกร่งของนายพัฒนาขึ้นเร็วเกินไป..."
"เร็ว?" เกาเถิงรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นจึงพูดอย่างสงบว่า "ฉันคิดว่ามันปกติมาก ฉันอาจต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีกว่าจะถึงระดับ S"
ริมฝีปากของฟางเหมิงเม้มเป็นรอย
เธอไม่สามารถเอาชนะเกาเถิงได้ ไม่เช่นนั้นเธอคงจะถูกฆ่าโดยชายผู้นี้ไปหลายร้อยครั้ง
“เกาเถิง ฉันมีเรื่องจะถามนาย”
การแสดงออกของฟางเหมิงเริ่มจริงจัง
เกาเถิงกล่าวว่า "ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร เธออยากจะถามฉันว่าฉันฝึกอย่างไร ให้ฉันช่วยสอนวิธีการของฉันได้ไหม"
ดวงตาของฟางเหมิงแสดงความคาดหวัง "แล้วสอนฉันได้หรือเปล่า?"
เกาเถิงโบกมือ “อย่าคิดมากฉันไม่เคยฝึกฝนอย่างจริงจังมาก่อน อย่างที่ฉันบอกเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันเป็นอัจฉริยะและการฝึกเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังได้”
ฟางเหมิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มสุภาพ
เธออยากจะทุบตีใครสักคน
"พวกเราไปทำภารกิจให้เสร็จกันเถอะ"
ฟางเหมิงยอมแพ้เธอถอนหายใจ ชี้ไปที่เฉินหยวนผู้น่าสงสารแล้วถามว่า"แล้วเขาล่ะ?"
เกาเถิงเกาหัว "ถ้าเธอไม่พูดฉันคงจะลืมเขาไปแล้ว คงจะลำบากหากพาเขาไปด้วย เธอรอฉันอยู่ที่นี่ก็แล้วกันฉันจะไปจัดการภารกิจเอง"
"ฉันอยากไปด้วย" ฟางเหมิงกล่าว"ช่องว่างระหว่างนายกับฉันเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหากเป็นแบบนี้ฉันจะเป็นเพียงแค่ตัวถ่วงของนาย"
"ทำไมเธอถึงคิดแบบนี้"
"ฉันก็ต้องคิดอยู่แล้ว“ฟางเหมิงยิ้มอย่างขมขืน”ตอนนี้นายบังคับให้ฉันต้องแข็งแกร่งเพื่อตามนายให้ทัน"
“ไม่ใช่เรื่องนั้น ถึงยังไงเธอก็เป็นตัวถ่วงอยู่แล้ว ลองคิดถึงภารกิจแรกของพวกเรา…”
ก่อนที่คำพูดของเกาเถิงจะจบ ฟางเหมิงก็จากไปด้วยความโกรธ
ผู้ชายคนนี้น่ารำคาญจริงๆ
ไม่นานหลังจากนั้นฟางเหมิงก็กลับมาพร้อมกับเลือดสองสามหยดบนใบหน้าของเธอ
หลังจากระบายออกไปเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก
"จบเรื่องแล้วงั้นหรอ?"
ฟางเหมิงพยักหน้า “ใช่”
"งั้นไปกันเถอะ"
เกาเถิงลากแขนของเฉินหยวนเหมือนหมูที่ตายไปแล้ว
"เจ็บ..มันเจ็บ...."
เฉินหยวนตะโกนเขามีบาดแผลเต็มตัว และพฤติกรรมหยาบๆของเกาเถิงดูเหมือนกำลังจะฆ่าเขา
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว หากนายไม่เจ็บนายก็คงเป็นศพ”
“นายฆ่าฉันซะเถอะ!”
เกาเถิงหยุดชั่วคราว มองไปที่ฟางเหมิงแล้วพูดว่า "สำนักงานความมั่นคงบอกว่าจะต้องจับทั้งเป็นหรือเปล่า?"
ฟางเหมิงส่ายหัว "เพราะผู้ปลุกความสามารถเป็นอันตรายต่อสังคมมาก หากถูกหมายจับโดยสำนักงานความมั่นคง สามารถจับพวกเขาทั้งเป็นหรือตายได้"
“ฉัน... ฉันแค่พูดไร้สาระได้โปรดอย่าจริงจังเลย”
เฉินหยวนขอร้องอย่างสมเพช ทำให้คนที่อยู่ในหลิวฮุนรู้สึกสงสารเขาอย่างมาก
เกาเถิงและฟางเหมิงมองหน้ากัน ยิ้มแล้วเดินออกไป
เมื่อเดินออกจากถนนหลิวฮุนจะมีถนนใหญ่อยู่ด้านนอก ที่นี่เป็นเขตเมืองที่คนพลุกพล่านและเจริญ
สวรรค์และนรกอยู่ห่างกันเพียงแค่นิดเดียว
ฟางเหมิงกล่าวด้วยอารมณ์บางอย่าง: "หากสำนักงานความมั่นคงต้องการแก้ไขปัญหาที่หลิวฮุน พวกเขาสามารถทำได้หรือเปล่า?"
“แต่โลกต้องการคนจน” เกาเถิงกล่าว "ให้ฉันวิเคราะห์คุณประโยชน์ให้เธอเถอะ”
ข้อที่ 1 คือมีการกำหนดชนชั้นอย่างชัดเจน ทำให้ชนชั้นสูงรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า
ข้อที่ 2 คือกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของผู้คน หากไม่อยากมีชีวิตที่ย่ำแย่ก็ต้องทำงานอย่างหนักทุกวัน
ข้อที่ 3 ความยากจนก่อให้เกิดอาชญากรรมและทำลายความมั่นคงทางสังคม หากทุกที่มีแต่ความสงบสุข สันติภาพ ความดี ก็จะไม่มีเหตุผลที่ต้องมีสำนักงานความมั่นคงอีกต่อไป
ฟางเหมิงกล่าวว่า "นายคิดในแง่ร้ายเกินไป ไม่แน่บางทีคนจากหลิวฮุนแม้จะได้อยู่ในเมืองที่เจริญ แต่ที่นั่นอาจจะกลายเป็นหลิวฮุนอีกแห่งนึง"
เกาเถิงกลอกตา "ความคิดเห็นของเธอไม่ได้ดีไปกว่าของฉันมากนักหรอก"
ฟางเหมิงยิ้ม “ความคิดของพวกเราบางทีอาจจะเป็นความจริง”
“อะไรนะ? เธอคิดว่าสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องตลกเหรอ?
"ฉันพูดจริงจังนะ!"
เกาเถิงปล่อยมือเฉินหยวน ชายคนนั้นเจ็บปวดมากจนเขาตกอยู่ในอาการโคม่า เขากล่าวต่อว่า "ฉันฝากชายคนนี้ให้เธอจัดการ แล้วเจอกันในภารกิจต่อไป"
ทั้งสองกล่าวคำอำลาซึ่งกันและกัน หลังจากที่ฟางเหมิงส่งภารกิจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็นำเงินทั้งหมดโอนไปให้เกาเถิง
เธอรู้สึกว่าเฉินหยวนถูกจัดการโดยเกาเถิงเพียงคนเดียว เธอไม่มีเหตุผลที่จะรับเงินนี้
เกาเถิงคิดว่าเธอคงรู้ตัวเองดี จึงชื่นชมเธอด้วยความโล่งใจอย่างยิ่ง
เมือได้รับคำชมฟางเหมิงดูมีความสุขมาก วางสายโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดีบางทีเธออาจจะไปดื่มเฉลิมฉลอง
ไม่นานก็ถึงวันรุ่งขึ้น
เกาเถิงได้รับความสามารถใหม่ [ไวต่อกลิ่น] หลังจากใช้ความสามารถนี้ การดมกลิ่นของเกาเถิงเพิ่มขึ้นอย่างมากเปรียบเสมือนสุนัขตำรวจ
หลังทานอาหารเช้าฟางเหมิงไม่ได้โทรมา เธอคงหาภารกิจที่เหมาะสมไม่ได้
เกาเถิงตัดสินใจอุทิศเวลาให้กับการฝึกซ้อม วิดพื้น แบ็คอัพ สควอช กระโดด มวย..
ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน
หลังจากที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น เกาเถิงก็เปลี่ยนไปมากจริงๆ เขาใช้เวลาฝึกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป เขายังคงกระฉับกระเฉงและไม่รู้สึกเหนื่อยล้า