บทที่ 100 ไฟศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด
แต่มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่เขาไม่เห็น นั่นคือหูซิง ครั้นคิดได้ดังนั้นเขาก็เผยยิ้มมุมปาก มาตรว่าหูซิงเพลานี้ คงกำลังทุบหน้าดินอยู่เรือนเขาเป็นแน่
ซึ่งก็เป็นดั่งหยางเสี่ยวเทียนคาดไว้ เพราะในเวลานี้ หูซิงกำลังขุดดินอยู่ในสนามหญ้าหน้าลานด้วยความเกรี้ยวโกรธทวียิ่ง
หลินหยงและเฉินหยวนที่เพิ่งมาถึงหลังจากฝ่าแสงอันเจิดจรัสของปราณกระบี่
ทั้งสองรีบปรี่เข้าหาหยางเสี่ยวเทียน ด้วยสีหน้าท่าทางตะลีตะลานอย่างตื่นเต้น
เฉกเช่นเดียวกับวานนี้ เฉินหยวนพ่นคำถามหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยความกังวลทันที ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้างหรือไม่
หยางเสี่ยวเทียนส่ายศีรษะแล้วยกมือประสานกำหมัดบอกกล่าวว่าไม่เป็นไร
เมื่อได้รู้ว่าหยางเสี่ยวเทียนสบายดี ทั้งสองคนก็ถึงกับยกมือขึ้นทาบอกผ่อนลม ด้วยรู้สึกโล่งใจพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นสำราญใจยิ่ง
ครู่ต่อมา หยางเสี่ยวเทียนก็กล่าวลาผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนจากไปเขาก็ยังมิลืมหันเหลือบมองเฉิงเป้ยเป้ยซึ่งนางก็มิได้ถอนสายตาจากเขาแต่อย่างใด
เขาเพียงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ส่งให้เฉิงเป้ยเป้ย เมื่อนางเห็นทีท่าเช่นนั้นก็ถึงกับมุ่ยหน้าด้วยความหงุดหงิดเป็นที่สุด ชิงชังเป็นที่สุด
จากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็ขยับร่างผอมออกจากจัตุรัสร้อยกระบี่ภายใต้การจ้องมองของทุกคนเช่นเคย
……
ขณะเขากำลังเดินถึงจวน ก็พลันประสบพบเข้ากับหลินหยวนผู้ยืนรอเขาอยู่หน้าประตูทางเข้าจวนได้สักพักแล้ว
ซึ่งทันทีที่หลินหยวนเห็นหยางเสี่ยวเทียน เขาก็เผยยิ้มให้กับใบหน้าของเด็กน้อยที่กำลังประหลาดใจทันใด หลินหยวนมาหาเขาเพื่อจะรบเร้าเรื่องการแข่งขันหลอมโอสถอีกงั้นหรือ
“ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยหยาง ที่สามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้ถึงสามเล่ม” หลินหยวนยกมือประสานหมัดของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มจากระยะไกล
หยางเสี่ยวเทียนยกมือประสานหมัดแน่นและกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านราชครูหลินชมกันเกินไปแล้ว” จากนั้นเขาก็เชิญหลินหยวนเข้ามานั่งสนทนาในจวน
หลินหยวนซึ่งได้รับคำเชิญเช่นนั้น ก็พลางยินดีมีสำราญที่หยางเสี่ยวเทียนตอนรับเขาขนาดเชื้อเชิญเข้าจวน “ถ้าเช่นนั้น ข้าต้องขอรบกวนนายน้อยแล้ว”
เมื่อทั้งสองมาถึงห้องโถงด้านหน้าแล้วนั่งลง อัตและอาลีก็ยกชาจิตวิญญาณคุณภาพสูงออกมาต้อนรับ เพียงหลินหยวนยกใส่ปากจิบหนึ่ง ดวงตาเขาได้พลันเบิกกว้างทันที
เขารีบยกซดจนหมดขณะรับรู้ถึงรสชาติจากชาในมือเพียงจิบนิดๆ หลังได้ดื่มมัน หลินหยวนก็เริ่มรู้สึกสบายกาย พร้อมไม่ลืมเปิดปากถามหยางเสี่ยวเทียนด้วยใคร่รู้มากยิ่ง
“นายน้อยหยาง เจ้าซื้อชาแห่งจิตวิญญาณนี้ที่ไหน”
หยางเสี่ยวเทียนยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าทำมันขึ้นมาเอง หากท่านราชครูหลินชอบดื่มมัน ไว้มาคราหน้า ข้าจะเตรียมให้ท่านหนึ่งชั่งนำกลับไปด้วย”
หลินหยวนรีบลุกขึ้นยืนยกมือประสานหมัดแน่น และขอบคุณหยางเสี่ยวเทียนก่อนจะถามเกี่ยวกับการแข่งขันหลอมโอสถ
“ท่านราชครูหลินไม่ต้องเป็นกังวล ครั้นถึงเวลาข้าจะเข้าร่วมแน่นอน” หยางเสี่ยวเทียนตอบด้วยรอยยิ้ม
เนื่องจาก ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันหลอมโอสถ จะสามารถเข้าแช่ตัวในสระโอสถพันปีเพื่อบ่มเพาะพลังยุทธ์ให้แข็งแกร่งได้ จึงเป็นรางวัลการแข่งขันที่ล้ำค่าใช่น้อย
และที่สำคัญสุด คือหูซิงก็เข้าร่วมด้วย
ในเมื่อครานี้ มีรายชื่อหูซิงเข้าร่วมการแข่งขันอีกคน เขาจำต้องขอลองเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเสียหน่อย
เขายังคงจำเหตุการณ์หน้าประตูสำนักเมื่อเดือนก่อนได้อย่างชัดเจน ที่หูซิงบอก “น้ำหน้าอย่างเจ้าน่ะหรือ จะเอาชนะข้าในอีกสองปี”
วาจาเช่นนี้ จะมิให้เขาแค้นเคืองได้อย่างไร
ครั้นได้ยินว่าหยางเสี่ยวเทียนยืนยันจะเข้าร่วม ใบหน้าของหลินหยวนก็เต็มไปด้วยความสุขพลางกล่าวว่า “ขอบคุณนายน้อยหยาง หากนายน้อยหยางเข้าร่วมการแข่งขันหลอมโอสถครั้งนี้ วันแข่งจะต้องสนุกแน่นอน”
หยางเสี่ยวเทียนโบกมือปัดด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าควรเป็นผู้กล่าวขอบคุณท่านราชครูหลินมากกว่า”
เมื่อมองดูหลินหยวนที่อยู่ตรงหน้า หัวใจหยางเสี่ยวเทียนก็พลางสั่นไหวหลังนึกถึงสิ่งหนึ่ง ที่หลินหยวนจะพอให้คำตอบแก่เขาได้ “ท่านราชครูหลิน ท่านพอจะรู้เรื่องไฟศักดิ์สิทธิ์ไหม”
หลินหยวนชะงักกึก นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นยิ้มเจื่อนๆ พลางกล่าวว่าน้ำเสียงฟังติดขัด “ข้าพอรู้เกี่ยวกับไฟศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง”
จากนั้น เขามองหยางเสี่ยวเทียนแล้วยิ้ม “นายน้อยหยางสนใจไฟศักดิ์สิทธิ์กระนั้นหรือ อย่างไรก็ตาม ไฟศักดิ์สิทธิ์นั้นควบคุมได้ยากยิ่ง แม้นจะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่ก็มิมีใครสามารถพิชิตมันได้สำเร็จ”
“ท่านราชครูหลินรู้ว่าไฟศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหนเช่นนั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนลุกพรวดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
หลินหยวนส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ตัวข้านั้นไม่รู้ แต่ข้าก็พอรู้จักผู้ที่สามารถบอกเจ้าได้”
“จริงหรือ” หยางเสี่ยวเทียนอุทานด้วยตื่นเต้น รู้สึกยินดียิ่งที่ได้ยินดังนั้น “ข้าใคร่สงสัยนัก ว่าท่านราชครูหลิน กำลังกล่าวถึงผู้ใด”
“เขาคือเฉินฉางชิง ผู้อาวุโสของตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยนเจ้า และเขายังเป็นหนึ่งในห้าเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักเสินเจี้ยนเช่นกัน”
หลินหยวนมิได้คิดปิดบังแต่อย่างใด เขากล่าวเสริมว่า “เขาเป็นผู้ที่รู้เรื่องไฟศักดิ์สิทธิ์ศมากสุด แต่ไม่เคยออกจากตำหนักกระบี่มาหลายปีแล้ว เพราะยุ่งอยู่กับการศึกษาศาสตร์แห่งวิถีกระบี่สูงสุด หากจะเข้าพบเขานั้นมันไม่ง่ายเลย”
“เว้นแต่ว่าเจ้า จะสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ถึงสิบเล่มเสียก่อน”
“ศิลากระบี่สิบเล่มงั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนไหวตัวขึ้นทันทีด้วยความตกใจ
หลินหยวนพยักหน้า “นี่เป็นกฎของสำนักเสินเจี้ยนที่มีมาช้านาน ต้องแตกฉานศิลากระบี่สิบเล่มขึ้นไปเท่านั้น เจ้าจึงจะเข้าพบกับผู้อาวุโสทั้งห้าของสำนักเสินเจี้ยนได้”
แตกฉานศิลากระบี่สิบเล่มขึ้นไปงั้นรึ? หยางเสี่ยวเทียนคิดกับตัวเอง
ดูเหมือนว่าข้า จำเป็นต้องเร่งการหยั่งรู้ศิลากระบี่เสียแล้วสิ