ตอนที่ 175 ข้อเสนอของ ซูเหวิน
“โอ้ย~”
“เสี่ยวเหยา เธอมาหยิกฉันทำไมเนี่ย?”
จู่ๆ จี้หยวี่ ก็กรีดร้องขึ้นมา
เธอลูบแขนตัวเองไปพลางมอง เซี่ย ซินเหยา ด้วยสีหน้าตกใจ และคับค้องใจมาก
“แล้วใครสั่งให้เธอยิ้มร้ายกาจขนาดนั้นล่ะจ้ะ?”
เซี่ย ซินเหยา ถามเท้าความอีกฝ่าย
ผู้หญิงคนนี้ปกติมักมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ..
ทำไมเมื่อมาถึงช่วงเวลาสำคัญ ถึงได้มีความคิดแย่ๆ แบบนี้นะ?
“แฮ่แฮ่ ขอโทษ.. ฉันผิดไปแล้ว โอเค คราวหน้าฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”
“แต่แล้วฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ เธอกับ ซู สุดหล่อ เป็นแฟนกัน อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอนอนห้องสวีทกับเขา กลัวอะไรล่ะ?”
จี้หยวี่ ยิ้มให้เธอหลังจากพูดจบ แล้วรีบเข้าควงแขนของ เซี่ย ซินเหยา ไปพลางจับล็อกไว้ โดยเกรงว่าจะถูกอีกฝ่าย ‘ทำร้าย’ อีก
“ถูกต้อง ไม่ช้าก็เร็วเธอกับ ซู สุดหล่อ จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว การนอนห้องเดียวจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของพวกเธอได้อีกด้วยนะ!”
วัง ซิ่วซิ่ว พลางยิ้มไปพลางกล่าวเสริมด้วยอีกคน
“ปากมาก..”
เซี่ย ซินเหยา หน้าแดงเล็กน้อย
หลังจากถูกเพื่อนสนิทสองคนพูด เธอก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที
อันที่จริงสําหรับการจัดสรรของ จี้หยวี่ เมื่อกี้ ใช่ว่า เซี่ย ซินเหยา มีปัญหาอะไร..
ท้ายที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เธอ กับซูเหวิน แชร์ห้องสวีทร่วมกัน
อีกอย่างตอนนี้พวกเรายังเป็นแฟนกัน…
เพียงแค่ จี้หยวี่ ความคิดของผู้หญิงคนนี้นั้น ..แย่เกินไป
ทุกครั้งที่มีบางอย่างก็มักจะคิดกลอุบายได้เสมอ จากนั้นเธอก็จะแสดงสีหน้าซุกซนจนคนเห็นรู้สึกหมั่นไส้ และนั่นมันจึงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหยิกอีกฝ่าย
(?ì _ í?)
“เอาล่ะ เราขึ้นไปข้างบนกันก่อนเถอะ!”
สำหรับรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่าง เซี่ย ซินเหยา กับเพื่อนซี้คนสนิททั้งสองของเธอ ซูเหวิน คุ้นเคยมานานแล้ว
เขายิ้มเล็กน้อย เดินไปกับพวกพ้องของเขา
ภายใต้การนําของบริกรคนหนึ่ง พวกเขาได้มาที่ห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทที่ชั้นบน
เช่นเดียวกับครั้งล่าสุดที่ ชิงเต่า
ทุกคนได้แบ่งห้องตามคำแนะนำของ จี้หยวี่ จริงๆ
และยังคงเป็น ซูเหวิน กับเซี่ย ซินเหยา และจี้หยวี่ กับวัง ซิ่วซิ่ว
ส่วน จูเหยี่ยน เฉินหมิง และเหอ เหวินเฟิง อยู่ห้องเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ห้องสวีทมีมากกว่าหนึ่งห้อง และใช่ว่ามีเตียงเดียว ดังนั้นมันจึงไม่สําคัญ
หลังจากจัดสรรห้องแล้ว
ซูเหวิน มองดูเวลา เมื่อเห็นว่ามันเกือบจะ 10 โมงแล้ว
เขา และเพื่อนๆ จึงตกลงว่าจะพักผ่อนกันกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อน
รอจนถึง 11 โมงกว่าๆ ซูเหวิน ก็เรียกให้ทุกคนออกมา เพื่อลงไปทานอาหารมื้อใหญ่ที่โรงแรม เซียงเก๋อแห่งนี้
หลังจากกินดื่มกันอิ่มแล้ว ช่วงบ่ายย่อมต้องออกไปเดินเที่ยวเล่นข้างนอก
ซูเหวิน ได้ทำไกด์ไว้แล้วก่อนจะมาถึงเมืองซู เขาได้หาข้อมูลทางวัฒนธรรมของเมืองซูมาบ้าง จึงรู้ว่าที่ไหนน่าเที่ยว
ดังนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อทุกคนได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว
เขาจึงออกเดินทางไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ
ต้องบอกว่าเมืองซู สมควรแล้วที่เป็นเมืองระดับหนึ่ง
แม้ว่าจะเล็กกว่าเมืองม่อมาก แต่พื้นที่ในเมืองยังคงครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 400 ตารางกิโลเมตร
แนวคิดนี้คืออะไร?
แม้ว่าคุณจะขับรถซุปเปอร์คาร์ โดยขับไปรอบๆ ทั่วทั้ง เมืองซู เป็นเวลาหนึ่งวัน คุณอาจไม่สามารถไปได้ทั่วทุกที่สำเร็จ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ซูเหวิน เลือกไปสถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่แห่ง เช่น เมืองโบราณ(เมืองเก่า), วัดหานกวาง(寒光寺), สวนป่าสิงโต(狮子林), อุทยานเมืองซู(苏城园林, สวนโบราณแห่งซูโจว)...
แน่นอน.. มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่บ่ายวันเดียวเราจะไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ได้มากมายขนาดนี้?
ดังนั้นเมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ซูเหวิน จึงพาพวกพ้องไปยังสถานที่เป้าหมายต่างๆ ต่อไปเพื่อเพลิดเพลินกับมัน
แต่นี่เป็นทริปเที่ยว กินดื่ม และเล่นสนุก
สองวันมานี้ก็ได้ใช้เงินไปไม่น้อยจริงๆ
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่ค่าที่พักโรงแรมก็ใช้เงินไปแล้วกว่า 1 ล้าน
ใช้จ่ายกินเที่ยวก็หมดไปหลายแสน
นับได้กว่า 2 ล้านที่หายไป
แต่สําหรับ ซูเหวิน สิ่งนี้นับเป็นอะไรได้?
อย่าว่าแต่ 2 ล้านเลย ต่อให้ใช้เงินไปมากกว่า 20 ล้าน เขาก็ขี้เกียจจะกระพริบตาด้วยซ้ำ
“ว้าว ดีจริง ฉันไม่คิดเลยว่าเมืองซูจะสนุกขนาดนี้!”
“ใช่แล้ว! จริงๆ แล้วที่นี่มันดีมากๆ เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่การวางผังเมืองของเมืองซูนี้ก็ถือว่าเป็นเมืองระดับท็อปของประเทศแล้ว”
“เสียดายที่พรุ่งนี้วันจันทร์แล้ว แถมเรายังต้องไปเรียน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันยังอยากจะอยู่เที่ยวเล่นอีก 2 วันจริงๆ”
ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซูเหวิน กําลังนั่งทานอาหารกลางวันอยู่กับเพื่อนๆ ของเขาพลางพูดคุยไปด้วย บรรยากาศเวลานี้ช่างเต็มไปด้วยอารมณ์เบิกบานใจ
ดูเหมือนว่าเพราะเที่ยวเล่นกันเพลินในช่วงสองวันมากเกินไปหน่อย เพื่อนๆ จึงยังคงรู้สึกตื่นเต้นจนถึงตอนนี้ และไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่าพวกเขามีความสุขแค่ไหน
สำหรับ ซูเหวิน แทบไม่ต้องพูดถึง เขามีความสุขมากกว่าคนอื่นๆ เสียอีก
หลังจากมีเงิน เขาก็สามารถไปเที่ยวเล่นได้ทุกที่
เช่นนี้เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
เมื่อคิด ซูเหวิน ก็ยิ้มอย่างสงบ : “ถ้าคิดว่าที่นี่สนุก งั้นเราอยู่เที่ยวเล่นต่ออีกสองสามวัน และอีกไม่กี่วันค่อยกลับไป!”
“เอ่อ.. มันจะได้เหรอ เรายังไม่ได้รายงานเรื่องนี้กับทางมหาลัยเลยนะ!”
“ใช่ เราไม่ได้ขอลาแบบนี้ จะเที่ยวเล่นสนุกได้ยังไง?”
“ขาดเรียนโดยไม่แจ้งแบบนี้ มัน.. ก็ออกจะไม่ดี?”
เพื่อนๆ อึ้งทันที และต่างรู้สึกว่ามันดูไม่เหมาะสมนิดหน่อย
พวกเขาชอบที่นี่มาก แม้ว่าพวกเขายังอยากอยู่เที่ยวเล่นอีกสองสามวันก็ตาม
แต่ยังไม่ได้ทำเรื่องลากับทางมหาลัย คือ..จะให้โดดเรียนกันง่ายๆ แบบนี้เหรอ?
ถ้าจัดการไม่ดี พวกเขาอาจต้องเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์
เซี่ย ซินเหยา นั้นไม่เป็นไร ตัวตนของเธอแตกต่างออกไป แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไร แต่กลับพวกเขาหลายคนนั้น…
“กลัวอะไร ยังมีฉันอยู่!”
“อย่าลืม.. ฉันมีช่องทางติดต่ออาจารย์ใหญ่ ไม่ใช่ว่าเราสามารถรายงานทุกคนได้?”
เมื่อเผชิญกับความกังวลของทุกคน ซูเหวิน ก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างใจเย็น พร้อมกับพูดออกไปอย่างมั่นใจ
และทันทีที่เขาพูดคํานี้ออกมา ทุกคนก็ตอบสนองทันที
ใช่!
ทำไมพวกเขาถึงลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปได้?
ซูเหวิน มีความสัมพันธ์กับอาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเทียนเวย
ก่อนหน้านี้ ซูเหวิน ได้เชิญดาราดังมากมายมาจัดคอนเสิร์ตฟรีให้กับทางมหาลัย
อาจารย์ใหญ่ รู้สึกขอบคุณ ซูเหวิน เป็นอย่างมาก..
สำหรับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างทำเรื่องลาในตอนนี้ มันไม่ง่ายเลยเหรอ?
เมื่อคิดถึงจุดนี้.. ทุกคนก็เผยสีหน้าประหลาดใจในทันที
และแทบจะกระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ต้องรู้ก่อนว่าเมืองซูแห่งนี้มีสถานที่ให้เที่ยวสนุกมากมายจริงๆ ที่สำคัญพวกเขายังเที่ยวเล่นไม่พอเลย!
ตอนนี้หากสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้อีกสองสามวัน มันจะไม่ทำให้พวกเขามีความสุขได้อย่างไร?
จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็พยักหน้า และเห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเสนอนี้ของ ซูเหวิน
ในขณะที่ทุกคนกําลังตื่นเต้น โทรศัพท์ของ ซูเหวิน ก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นข้อความจากบริษัท เถิงฮุ้ย เทคโนโลยี
เนื้อหาคือ เริ่มแบ่งจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทแล้ว และรายได้จะเข้าบัญชีเร็วๆ นี้…
เห็นข่าวนี้แล้ว
ซูเหวิน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขในใจขึ้นมาทันที
มีเงินทุนกำลังจะเข้าบัญชีอีกแล้ว แบบนี้จะไม่ให้ปลื้มใจได้อย่างไร?
เขาคำนวณมันอย่างคร่าวๆ
บริษัท เถิงฮุ้ย เทคโนโลยี มีกําไรสุทธิอยู่ที่ 1.35 พันล้านในปีที่แล้ว
และเขาถือหุ้น 51% ในบริษัท เถิงฮุ้ย เทคโนโลยี
หลังจากหักภาษีส่วนบุคคล 20% แล้ว เขาจะได้รับรายได้ 500-600 ล้านหยวน
อย่างไรก็ตาม เขาเข้าควบคุมบริษัทได้เพียงสองเดือนกว่าเท่านั้น
ดังนั้นผลประโยชน์ในช่วง 9 เดือนแรก จริงๆ แล้วเป็นของอดีตประธาน ไม่ใช่ของเขา
สิ่งที่เขาได้รับจริงๆ มีเพียง 120 ล้านกว่าๆ เท่านั้น
ที่เหลือคงตกเป็นของอดีตประธานอย่างแน่นอน
ถึงกระนั้น ซูเหวิน ก็พอใจแล้ว
มากกว่า 100 ล้าน ถือว่าไม่น้อยจริงๆ
และนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป รายได้ 51% นี้เป็นของเขาคนเดียว ดังนั้นจะกังวลอะไร?
ขณะที่ ซูเหวิน กําลังคิด โทรศัพท์ของเขาได้รับข้อความอีกฉบับหนึ่ง
ครั้งนี้มาจากธนาคาร
บัตร CCB (China Construction Bank) ของเขามีการโอนเงินเข้าบัญชี 124.7 ล้าน และยอดคงเหลือในบัตร CCB ของเขาเกิน 370 ล้านหยวน
มากกว่า 370 ล้านหยวน ซูเหวิน เพียงแค่คิดถึงมันก็มีความสุขแล้ว..
แล้วเมื่อไหร่กันที่เขาเคยมีเงินมากขนาดนี้?