บทที่ 94 การเปลี่ยนแปลงของอสรพิษนิลกาฬ
กระดองของเจ้าเสวียนอู่มีความหนาเพิ่มมากขึ้น ลวดลายก็ชัดเจนกว่าเมื่อก่อนใช่น้อย
ส่วนเจ้าอสรพิษนิลกาฬนั้น เกล็ดของมันเปรียบเสมือนแร่นิลดำสนิท มิเพียงเท่านั้น ใต้ท้องเรียบเงาของมัน คล้ายมีส่วนของอะไรบ้างอย่างงอกออกมาสองชิ้น ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตกระดิกดิ้นไปมา
หยางเสี่ยวเทียนยังสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเจ้าอสรพิษนิลกาฬ ขณะเพ่งมองดู เขาก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ ไฉนมันกลับมีรูปลักษณ์พิศดารนัก
หรือว่า เจ้าอสรพิษนิลกาฬกำลังจะคลอดลูกสองตัวงั้นรึ
ไม่สิ ดูท่ามิใช่เช่นนั้น ดูจากลักษณะมันคล้ายจะเป็น… ปรสิตรือ
จะว่าใช่ก็ไม่เชิง แล้วมันคืออะไรกันแน่ หยางเสี่ยวเทียนสะบัดหัวคลายความคิดพิลึกของตนทิ้ง จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ที่มันจะคลอดลูกหรือมีปรสิต หากไตร่ตรองดีๆ เสวียนอู่สัตว์เทพผู้พิทักษ์จตุรทิศในตำนานมิน่าเป็นเช่นนี้
ยิ่งเขาคิดมากเท่าใด ยิ่งพานให้หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ครั้นลองพินิจถึงความเป็นไปได้ หัวใจก็พลางเต้นระรัวราวจะหลุดจากอก
ยามนี้เขาอยากรู้ยิ่งนัก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับวิญญาณยุทธ์อสรพิษนิลกาฬคืออะไรกันแน่ แม้จะอยากไปหอคัมภีร์ตอนนี้ก็มิอาจทำได้แล้ว เขาจึงต้องเก็บสิ่งนี้ไว้ในอกรอจนถึงรุ่งสาง
เมื่อแสงอ่อนจากทิวากรสาดส่องท้องนภา เขาก็รีบปรี่ออกจากจวนรุดหน้าไปยังหอคัมภีร์ เพื่อไขข้อข้องใจเกี่ยวกับวิญญาณยุทธ์อสรพิษนิลกาฬให้กระจ่างทันที
แต่เขามิได้ไปหอคัมภีร์เพียงเพราะเรื่องเดียว เนื่องจากเขาได้ฝึกฝนวรยุทธที่แลกเปลี่ยนวานนี้จนบรรลุขั้นฉลาดล้ำเลิศแล้ว ครั้งนี้จึงไปยังหอคัมภีร์ของสำนักเสินเจี้ยน เพื่อเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชาเล่มใหม่อีกเล่ม
ณ หอคัมภีร์สำนักเสินเจี้ยน
ทันทีที่มาถึง เขาก็เปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชา และยังคงค้นหาคัมภีร์เกี่ยวกับวิญญาณยุทธ์ต่ออย่างไม่เร่งรีบออกไปในทันที
ไม่ช้าเขาก็หาคัมภีร์ที่ต้องการเจอ ซึ่งในคัมภีร์เกี่ยวกับวิญญาณยุทธ์เล่มหนึ่ง มีบันทึกคลายข้อสงสัยของหยางเสี่ยวเทียนได้
มันระบุไว้ว่า ที่วิญญาณยุทธ์อสรพิษนิลกาฬของเขามีบางสิ่งงอกออกมาใต้ท้อง เป็นสัญญาณว่ามันกำลังจะกลายร่างเป็นมังกร
“มังกรดำงั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนสูดหายใจเข้าลึก
ตามตำนาน มังกรดำถือเป็นจักรพรรดิแห่งเผ่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ มีลักษณะดวงตาลึกน่ากลัว ลมหายใจเป็นกรดร้อนมีพิษ เชื่อกันว่าเวลามันพ่นไฟจะเกิดพายุหมุนฟาดสายอัสนีไปทั่วสวรรค์พิภพ
ซึ่งความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกันกับมังกรสุวรรณศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ หยางเสี่ยวเทียนยังรู้สึกว่าวิญญาณยุทธ์มังกรดำของเขา คล้ายจะไม่ใช่มังกรดำธรรมดาทั่วไป
ส่วนมันเป็นมังกรดำแบบไหนนั้น ต้องรอจนกว่าวิญญาณยุทธ์มังกรดำของเขาจะเติบโตสมบูรณ์และเผยร่างที่แท้จริง
ครั้นได้ทราบเช่นนั้นแล้ว หยางเสี่ยวเทียนพลันปิดคัมภีร์ลงและหันหน้าย่างเท้าออกจากหอคัมภีร์ไป
ลู่เจ๋อหลินมองตามร่างผอมของหยางเสี่ยวเทียนที่กำลังเดินผ่านเขาไป ด้วยความสับสนพิกลในดวงตา ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้
เพราะวานนี้ เขาก็เป็นอีกคนที่ได้ประสบเห็นกับแสงของปราณกระบี่ ส่องพุ่งตรงยังท้องนภามิต่างจากสุริยันอีกหนึ่งดวงในจัตุรัสร้อยกระบี่ แม้จะอยากไปดูให้เห็นกับตา แต่ด้วยหน้าที่ยังหอคัมภีร์จึงมิสามารถไปจัตุรัสได้
แต่หลังจากนั้น เขาก็ได้ทราบว่าผู้ที่สามารถหยั่งรู้เคล็ดวิชาในศิลากระบี่คือหยางเสี่ยวเทียน ซึ่งนั่นทำให้ลู่เจ๋อหลินแสดงทีท่าเฉกเช่นเพลานี้
อีกเรื่องหนึ่งที่เขาได้รู้มา คือหยางเสี่ยวเทียนใช้เพลงกระบี่ปีศาจและเพลงกระบี่ชางไห่เอาชนะซูหลี่จนสิ้นท่าเมื่อวานนี้
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้น คือเพลงกระบี่ปีศาจและเพลงกระบี่ชางไห่ของหยางเสี่ยวเทียน ได้ฝึกฝนจนบรรลุระดับสูงสุดของขั้นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งคู่
“บรรลุระดับสูงสุดของขั้นสมบูรณ์แบบ!”
“อีกแค่ก้าวเดียว ก็ขั้นวรยุทธไร้เทียมทาน!”
ลู่เจ๋อหลินพึมพำกับตนเอง เพราะมิเคยได้ยินเรื่องที่น่าพิศวงเช่นนี้ หากเป็นวิญญาณยุทธ์เต่าระดับสอง จะสามารถทำเรื่องอย่างนี้ได้จริงหรือ
ก่อนหน้านี้ เขากับหูซิงมักจะขบขันทุกครั้งที่ได้พบหยางเสี่ยวเทียนนำคัมภีร์มาเปลี่ยน ด้วยคิดว่าคนอย่างหยางเสี่ยวเทียนคงไม่เข้าใจและไม่มีทางเข้าใจมันจริงๆ จึงเอามาคืนทุกรุ่งเช้า
ปรากฏว่า ผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็คือพวกเขา ไฉนข้าถึงเป็นคนเลียผิวหนังวิจารย์กระดูกเช่นนี้
เพราะหยางเสี่ยวเทียนดันสามารถเข้าใจมันได้จริงๆ สิ่งที่เขาพูดไว้วันนั้นมันคือเรื่องจริง!
“ในอีกสองปี เขาจะเอาชนะหูซิงได้หรือไม่นะ” ลู่เจ๋อหลินพึมพำอีกหน
กว่าหนึ่งเดือนก่อน หยางเสี่ยวเทียนเคยกล่าวปรายๆ เอาไว้ ว่าเขาจะเอาชนะหูซิงในอีกสองปี ด้วยวาจาโอ้อวดของเขา ทำให้ตอนนั้นหยางเสี่ยวเทียนกลายเป็นตัวตลกของบรรดาอาจารย์และศิษย์ทุกคนในสำนักเสินเจี้ยน
แต่ตอนนี้ ดูท่าแล้วจะ…
ในระหว่างที่ลู่เจ๋อหลินพึมพำกับตนเองเงียบๆ จู่ๆ ศิษย์คนหนึ่งในหอคัมภีร์กลับวิ่งปราดออกจากหอคัมภีร์พร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังว่า
“เร็วเข้าๆ รีบไปดู ตอนนี้หยางเสี่ยวเทียนมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสร้อยกระบี่เพื่อหยั่งรู้เคล็ดวิชาในศิลากระบี่อีกแล้ว”
ร่างกายของลู่เจ๋อหลินสั่นสะท้านทันทีที่ได้ยินดังนั้น
หยางเสี่ยวเทียนเพิ่งเปลี่ยนคัมภีร์วรยุทธเล่มของวานนี้ไป ไฉนหลังออกจากหอคัมภีร์เขาก็ตรงหาจัตุรัสร้อยกระบี่เพื่อหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้อีก
แต่วันนี้ หยางเสี่ยวเทียนจะสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่สองได้หรือไม่นะ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของลู่เจ๋อหลินก็สั่นสะท้านไปทั้งทรวง จนมิอาจหยุดไหวแรงได้อีก
ข่าวดังสนั่นหูในยามนี้ คือหยางเสี่ยวเทียนกำลังรุดหน้าไปยังจัตุรัสร้อยกระบี่เพื่อหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่สองในวันนี้ ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็ถึงหูซิง
ครั้นได้ยินเช่นนี้ หูซิงพลันลุกตัวกระโดดจากเก้าอี้ด้วยตกใจ ร่างกายมิฟังคำสั่งยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้นสักพักหนึ่ง
คราตั้งสติได้ เขาก็กำมือกระชับแน่นแสดงแววตาราวกับสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง “หยางเสี่ยวเทียน ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้เจ้าจะสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่สองได้!”