บทที่ 31 ภูมิปัญญาของการเป็นพ่อ!
เหตุผลที่ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ คิดเช่นนั้นก็เพราะพวกเขาได้เรียนรู้ว่าหลินซวนเป็นคนรักและตามใจบุตรสาวของเขามาก
เวลานั้นเขายังปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกันแกนอสูรราชสีห์เหล็กขั้นเก้าเลย.
ตอนนี้เด็กอยากเล่นกับอสรพิษหลามนภาเก้าเศียร เขายังจะไม่เห็นด้วยหรือ?
เพียงแต่……
ตบะอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรนี้มีขอบเขตเทียบเท่าจ้าววิญญาณ มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งน่าเกรงขาม ตี้ฟู่จะทำตามคำขอของบุตรสาวอย่างไร?
ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ รีบถอยกลับไปอยู่ข้าง ๆ หลินซวนอย่างรวดเร็ว และมองดูเขาด้วยความเคารพและคาดหวัง
ด้วยความสามารถของตี้ฟู่ การจัดการกับอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรย่อมไม่มีปัญหา
สิ่งสำคัญที่สุด พวกเขาต้องการดูว่าตี้ฟู่จะทำเช่นไรให้อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรเชื่อฟัง.
หลินซวน ไม่สนใจว่าทุกคนจะคิดอย่างไร เขามองไปที่ เสวียนหยู ที่คาดหวัง"ตกลง พ่อจะนำมันมาให้เป็นของเล่นของเจ้า!"
เสวียนจู่ และคนอื่น ๆ ได้ยิน ก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เสวียนจู่ ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกอดต้นขาของ หลินซวน และสั่นไปมาด้วยท่าทางหดหู่
"เสด็จพ่อ อสรพิษยักษ์ตัวนี้ตัวใหญ่และดุร้ายมาก หากนำมันกลับไปจะต้องอันตรายแน่!"
เสวียนซี พยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว"ใช่ ๆ บางครั้ง เสวียนหยู ก็ทำให้พวกเรากลัวด้วยอสรพิษเก้าลายด้วย"
“ถ้านำอสรพิษยักษ์ตนนี้กลับไปอีก ข้าจะต้องกลัวและร้องไห้แน่!”
เสวียนหานเห็นด้วยเช่นกัน กับคำเอ่ยของพี่สาวทั้งสองคน: "ใช่! ใช่! ข้าก็จะกลัวและร้องไห้เหมือนกัน!"
เมื่อเห็นบุตรสาวทั้งสามคนโต้แย้ง ขมวดคิ้วและ ทำหน้าบูดบึ้ง หัวใจของ หลินซวน แทบจะล้นทะลักไปด้วยความรัก
เด็ก ๆ เหล่านี้ดูน่ารักมาก ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม
ตอนนี้ปัญหาคือ เสวียนหยู ต้องการหลามนภาเก้าเศียร แต่เสวียนจู่ และคนอื่น ๆ ไม่ต้องการ
หลินซวนต้องสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อไม่ให้ทำร้ายจิตใจบุตรสาวของเขา
เมื่อมองไปที่เสวียนจู่,เสวียนซี และ เสวียนหาน แล้ว หลินซวน ก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "เจ้ากลัวสุนัขสวรรค์(เถิงกู่)หรือเปล่า?"
เสวียนจู่ส่ายหน้า: "ไม่กลัวเลย!"
เสวียนซีส่ายหน้าด้วย: "ข้าคิดว่าสุนัขสวรรค์น่ารักมาก!"
เสวียนหานพยักหน้า: "ข้ามักจะเล่นกับสุนัขสวรรค์"
หลินซวนถามอีกครั้ง: "แล้วถ้าพ่อทำให้อสรพิษยักษ์เรียนรู้แสดงตัวเหมือนกับสุนัขสวรรค์ล่ำ เจ้าจะยังกลัวมันอยู่ไหม?"
เสวียนจู่ เสวียนซี และเสวียนหานส่ายหน้าพร้อมกัน: "ไม่!"
พวกนางรู้สึกว่ามีเพียงสัตว์อสูรที่น่ารักเท่านั้นที่สามารถส่งเสียงน่ารักได้ เหมือนกับสุนัขสวรรค์
ถ้าอสุรพิษยักษ์สามารถร้องแบบนั้นได้ มันก็ต้องเป็นสัตว์อสูรที่น่ารักเหมือนกัน
เมื่อ เสวียนหยู ได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นทันที: "เสด็จพ่อ เช่นนั้นก็ทำแบบนั้นเลย!"
"ตกลง!" หลินซวนหันกลับมาและเอ่ยกับอสรพิษหลามสวรรค์เก้าเศียรว่า "มาที่นี่และเรียนรู้วิธีร้องแบบ สุนัขสวรรค์ซะ!"
พรสวรรค์ของปรมาจารย์อสูรในการควบคุมสัตว์ร้ายนั้นไร้ความปรานี สามารถปราบปรามสัตว์อสูรตัวใหญ่ที่อยู่ต่ำกว่าลำดับสามได้อย่างง่ายดาย
เพียงการมองจากหลินซวนเพียงครั้งเดียวก็สามารถสื่อถึงการบังคับอย่างไม่มีที่สิ้นสุดต่ออสรพิษหลามนภาเก้าเศียรแล้ว
แม้แต่วิญญาณของมันยังถูกหลินซวนสั่นคลอน
คำพูดของหลินซวน กลายเป็นความยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด ส่งผลต่อภูมิปัญญาของมัน.
จากส่วนลึกของจิตวิญญาณ มันรู้สึกยอมจำนนอย่างราบคาบต่อหลินซวนทันที.
วู้~
อสรพิษหลามเก้าเศียรตัวใหญ่สูญเสียเจตนาฆ่าและความน่าเกรงขามไปพร้อม ๆ กัน.
จากนั้นมันก็ล่วงหล่นลงที่สระน้ำบนภูเขา ก่อนที่จะเร่งรีบว่ายนำมาหาหลินซวนทันที.
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ ก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึงงัน.
เพียงคำพูดเดียวจากตี้ฟู่ อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรก็เชื่อฟังอย่างง่ายดาย.
ช่างเป็นพรสวรรค์ในการควบคุมอสูรที่ร้ายกาจจริงๆ!
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คืออสรพิษหลามนภาเก้าเศียร ได้กระทำดั่งเช่นที่หลินซวนสั่งจริง ๆ.
อู้ว~
มันร้องออกมาสามครั้งติดต่อกันเหมือนกับสุนัขสวรรค์
หลังจากฝึกฝนมาเกือบห้าพันปี อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรตัวนี้ได้กินสุนัขสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนไป ดังนั้นมันจึงเรียนรู้และเข้าใจตัวตนของสุนัขสวรรค์ได้อย่างเชี่ยวชาญ.
เมื่อเห็นฉากดังกล่าวนี้ เสวียนจู่,เสวียนซี และ เสวียนหาน ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นพวกนางก็หัวเราะชอบใจออกมา
"ฮ่าฮ่า มันสนุกมาก มันสามารถเรียนรู้วิธีร้องแบบสุนัขสวรรค์ได้จริง ๆ!"
“ข้าไม่กลัวมันเลย!”
"เสด็จพ่อ ข้าคิดว่ามันน่ารักจริงๆ!"
เมื่อเห็นว่าพี่สาวทั้งสามเปลี่ยนทัศนคติต่ออสรพิษหลามนภาเก้าเศียร เสวียนหยูก็มีความสุขและปรบมือของนางเช่นกัน
หลินซวนเผยยิ้มออกมา แล้วในที่สุดก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อเห็นว่า หลินซวน แก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างเด็ก ๆ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ไป่เฟิงซินและคนอื่น ๆ ต่างก็ชื่นชมเป็นอย่างมาก
การกระทำของ หลินซวน ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันทรงพลังในการควบคุมสัตว์อสูรเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาอันล้ำเลิศของการเป็นบิดาอีกด้วย
"ตี้ฟู่ของเป่ยเสวียนเทียน ถูกกำหนดให้เป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดา!"
ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ ต่างแสดงอารมณ์คล้าย ๆ กันในใจ
“เสด็จพ่อ มันชื่ออะไร?” เสวียนจู่และคนอื่น ๆ ถามพร้อมกัน
“มันถูกเรียกว่าอสรพิษหลอมนภาเก้าเศียร” หลินซวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสวียนหยูถามอย่างคาดหวัง: "ถ้าอย่างนั้นข้าขอเรียกมันว่าเสี่ยวจิ่วได้ไหม"
“เจ้าจะเรียกมันว่าอะไรก็ได้ ตามที่เจ้าต้องการ” หลินซวน ยกมือของเขา ชี้ไปยังอสรพิษหลามนภาเก้าเศียร "ลดขนาดร่างกายของเจ้าให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
เท่าที่เขารู้ อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรซึ่งเป็นอสูรยักษ์นั้นสามารถปรับขนาดร่างกายได้อย่างอิสระ
ขนาดของอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรที่อยู่ข้างหน้าเขานั้นใหญ่เกินไป การนำมันกลับไปที่วังหยกเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้คนรับใช้กลุ่มหนึ่งหวาดกลัว
นอกจากนี้การทำให้มันมีขนาดเล็กลงก็ทำให้มันดูน่ารักขึ้นมากด้วย.
อสรพิษหลามนภาเก้าเศียร พยักหัวทั้งเก้าของมันพร้อม ๆ กัน
แสงสีเทาที่ลึกลับส่องประกาย และมันก็ลดขนาดจนมีขนาดเท่ากับฝ่ามือเท่านั้น
หลินซวน ยิ้มและมองไปที่ เสวียนหยู และคนอื่น ๆ: "ตอนนี้พวกเจ้าสามารถเล่นกับพวกมันได้สบาย ๆ แล้ว"
"ยอดเยี่ยม!"
เด็ก ๆ อดไม่ได้ที่จะดีใจกันยกใหญ่
เมื่อมองอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรขนาดเท่าฝ่ามือแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักจริง ๆ
หลังจากนั้น เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ตะโกนว่า "เสี่ยวจิ่ว" และก็ " เสี่ยวจิว " พร้อมกับเล่นสนุกอย่างมีความสุข
ไป่เฟิงซินเห็นภาพฉากนี้ในสายตาของพวกเขา และพวกเขาก็เชื่อมั่นในตัวหลินซวนอย่างสมบูรณ์
หลินซวนเป็นคนแรกที่สามารถควบคุมอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรได้อย่างราบคาบ และยังปล่อยให้เล่นกับเด็ก ๆ อีกด้วย.
การเปิดของอาณาจักรลับนั้นมีเวลาจำกัด และบนภูเขาก็น่าจะยังมีสมบัติที่ไม่รู้จักคงอยู่
ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ จึงตัดสินใจขึ้นไปบนภูเขาต่อไปเพื่อตามล่าหาสมบัติ
ครืนนนน~
ขณะที่พวกเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ภูเขาที่สูงจนมองไม่เห็นยอดก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว.
และคราวนี้ภูเขาก็แยกออกจากกัน เริ่มพังทลายลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ก้อนหินที่น่าสะพรึงกลัวลอยกระเด็นออกไปรอบ ๆ ราวกับห่าฝน กระจายไปทั่วอาณาจักรลับทั้งหมด.
“หะ อาณาจักรลับกำลังล่มสลาย!”
ไป๋เฟิงซินผู้มีประสบการณ์และคนอื่น ๆ สามารถเห็นอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แค่อาณาจักรลับที่จะล่มสลาย พวกเขาทั้งหมดเองก็ต้องได้รับผลกระทบจากการพังทลายด้วยเช่นกัน.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นอาณาจักรลับขนาดใหญ่เช่นนี้ด้วย หากพวกเขาหนีไม่ทัน ก็คงต้องตายอย่างแน่นอน.
ไป๋เฟิงซินเดาว่าอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรน่าจะเป็นแกนกลางของอาณาจักรลับแห่งนี้
ตอนนี้มันถูกกำราบลงแล้ว ซึ่งทำให้อาณาจักรลับแห่งนี้ล่มสลายลงโดยตรง.
สายเกินไปที่จะคิดเรื่องนี้
"หนี!"
ไป๋เฟิงซินคำรามและหนีไปพร้อมกับลูกศิษย์ของเขาทันที.
เสวียนจู และคนอื่น ๆ มองมาที่ หลินซวน ทันที และเด็กหญิงทั้งสี่ก็เอ่ยต่อหลินซวน: "เสด็จพ่อ มันอันตรายมาก ไปกันเถอะ!"
เสวียนหานเงยหน้ามองออกไป เห็นหลิงหรงอยู่ไม่ไกล แล้วรีบเอ่ยว่า "เสด็จพ่อ คุณน้าจะตายโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือไหม"
เสวียนซีพึมพำ "ดูเหมือนนางจะอ่อนแอกว่าพวกเราด้วยซ้ำ!"
เสวียนจู พยักหน้า: "ใช่ นางได้รับบาดเจ็บสาหัส"
“ไม่ต้องห่วง นางจะไม่ตายหรอก”
หลินซวนไม่ได้ตั้งใจที่จะจากไปแบบนี้ มีบุตรสาวคอยดูอยู่เช่นนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องแสดงด้านดีที่สุดออกมา.
“มาอยู่ข้าง ๆ ข้า”หลินซวน เหลือบมองไปยังหลิงหรง กพร้อมกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก.
"รับด้วยเกล้า!" หลิงหรงเข้ามาหาหลินซวนโดยไม่ต้องคิด
หลังจากเข้ามาใกล้อีกฝ่าย นางก็พบว่า เวลานี้นางได้เข้าสู่โลกใหม่.
ไม่ว่าอาณาจักรลับจะวุ่นวายแค่ไหน นางก็จะไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยแม้แต่น้อย.
ในเวลานี้ อาณาจักรลับได้แตกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
ภูเขานับพันและต้นไม้ในป่า
มันเหมือนกับทุกอย่างตกลงไปในกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ แล้วก็หายไป.
ไป่เฟิงซินและคนอื่นๆ ที่หลบหนีออกมาหลายร้อยลี้ รีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเห็นเพียงแค่ฝุ่นผงที่ลอยคลุ้ง เศษดินหินที่กระจายไปทั่วท้องฟ้า.
อย่างไรก็ตามชายชุดขาวพร้อมธิดาทั้งสี่คนและสตรีหญิงหนึ่งคน ยังคงยืนอยู่ท่ามกลางพายุที่ถล่มลงมาอย่างไม่กลัวเกรง.