บทที่ 30 อสรพิษหลามนภาเก้าเศียร ของเล่นชิ้นใหม่?
"ปรากฏว่าสามารถรับรางวัลเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์เช่นนี้ได้!"
หลินซวนดีใจเป็นอย่างมาก
เขาสามารถรับรางวัลที่ดีที่สุดแบบสบาย ๆ และยังสามารถตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ใช้ชีวิตดั่งฝันและมีความสุขเช่นนี้ได้.
สำหรับพรสวรรค์ปรมาจารย์อสูร ตามคำแนะนำของระบบ สัตว์อสูรที่อยู่ต่ำกว่าอสูรยักษ์ลำดับสาม สามารถควบคุมได้ทันที.
ระดับอสูรยักษ์ เทียบกับขอบเขตการบ่มเพาะของมนุษย์ ก็คือขอบเขตจ้าววิญญาณนั่นเอง.
ยอดเยี่ยม
หลินซวนพอใจกับรางวัลนี้มาก
เขายังคงพาบุตรสาวของเขา ก้าวลึกเข้าไปในอาณาจักรลับ
แม้ว่าตอนนี้พวกนางจะหวาดกลัวกับสัตว์อสูรหมาป่าระดับสี่ แต่เสวียนจู่ และน้องสาว ก็ยังไม่ได้ตัดใจ.
ในใจพวกนาง ตราบใดที่เสด็จพ่อยังอยู่ที่นั่น พวกนางก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอันตรายใด ๆ !
เมื่ออยู่กับ หลินซวน เด็กหญิงตัวเล็กทั้งสี่คน ก็เริ่มทำการรังแกสัตว์อสูรระดับต่ำมากมายตลอดทาง
และระดับทักษะของพวกนางก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน.
มีความเข้าใจโดยปริยายในความร่วมมือระหว่างกันและกัน ทำให้หลินซวนยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ว่ากันว่ามีการสื่อสารทางจิตวิญญาณระหว่างฝาแฝดตั้งแต่กำเนิดแล้ว.
การแสดงของเสวียนจู่ และน้อง ๆ ทำให้ หลินซวน ยืนยันว่านี่อาจเป็นเรื่องจริง
แสงในอาณาจักรลับค่อย ๆ จางลงโดยไม่รู้ตัว
โครก~
ท้องของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่กรีดร้องระงม.
“เสด็จพ่อ ข้าหิว!” เสวียนจู่เก็บกระบี่ของนาง แล้วเข้ามากอดขาของหลินซวนเอาไว้
เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู ก็เข้ามาพิงขาของ หลินซวนด้วยเช่นกัน
“งั้นเราก็พักกันที่นี่สักพัก แล้วพ่อจะทำอะไรให้เจ้ากิน”
เพราะเร่งรีบออกมาจึงไม่ได้เตรียมอะไร จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำเอง.
“เป็นไปได้ไหมที่จะได้กินอาหารอร่อย ๆ ในถิ่นรกร้างแห่งนี้?” เสวียนซีเอ่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น.
หลินซวนบีบจมูกเล็ก ๆ ของนาง: "แน่นอน!"
ด้วยแบบเรียนการสอนพ่อผู้สมบูรณ์แบบ ตราบใดที่มีส่วนผสม หลินซวนก็สามารถทำอาหารที่เหมาะแก่เด็ก ๆ ได้เสมอ.
หลังจากนั้นไม่นาน อาหารที่หรูหราจำนวนมากก็ถูกวางไว้ด้านหน้าเสวียนจู่และน้อง ๆ.
ผลอสรพิษสีดอกกุหลาบที่สวยงาม ไข่ห่านนางฟ้าขนนกย่างหอม ๆ ปลาบินหนามเงินต้ม นุ่ม ๆ...
"ว้าว~"
สาวน้อยอุทานด้วยความประหลาดใจ
ปรากฏว่า สามารถกินอาหารดี ๆ มากมายในป่าได้
เสด็จพ่อมีอำนาจทุกอย่างจริง ๆ!
หลังจากทีได้รับคำชื่นชมจากบุตรสาวของเขาแล้ว หลินซวน ก็เข้าร่วมรับประทานอาหารร่วมกันกับพวกนางอย่างมีความสุข
และหลังจากที่กินอาหารเสร็จสิ้น.
แสงโดยรอบเริ่มสลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
ในส่วนลึกของอาณาจักรลับ แสงสีน้ำตาลก็สว่างขึ้นทันที
ภูเขาสูงตระหง่านปรากฏขึ้นในกลุ่มเมฆหมอกที่ปกคลุม ลึกลับและงดงาม
“ภูเขาลูกนี้อาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของอาณาจักรลับแห่งนี้”
ขณะที่ หลินซวน คิดเช่นนั้น เสวียนจู่ และคนอื่น ๆ ก็แทบรอไม่ไหวที่จะดึงเขาลุกขึ้น
"เสด็จพ่อไปดูกันเถอะ!"
โดยธรรมชาติแล้วเด็ก ๆ จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งใหม่ ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่รู้จัก แน่นอนว่า หลินซวน ย่อมไม่ปฏิเสธ จึงออกเดินทางไปกับพวกนางทันที
และในครั้งนี้
ไป่เฟิงซิน, หลินตง, หนิงเจี๋ย, หวังเหวินหยาง และคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นการปรากฏอย่างกะทันหันของภูเขาเช่นกัน.
“ภูเขาลูกนี้สูงชันมาก และมันจะต้องเป็นจุดสูงสุดของอาณาจักรลับ นอกจากดอกไม้ยืนยาว จะต้องมีสมบัติอื่น ๆ ด้วยแน่!”
ดวงตาของไป่เฟิงซินเป็นประกาย
ตี้ฟู่เอ่ยให้หลิงหรงเข้าสู่อาณาจักรลับ แม้ว่าเขาจะพบดอกไม้อายุยาว ไป๋เฟิงซินก็ไม่กล้าต่อสู้กับหลิงหรงอีก
แต่หากมีสมบัติอื่น ไป๋เฟิงซินเชื่อว่าจักรพรรดิจะไม่เข้าไปยุ่ง
ด้วยความคิดเดียวกัน
หลินถง,หนิงเจี่ย และหวังเหวินหยาง ก็มารวมตัวกันที่เชิงภูเขาอย่างรวดเร็ว.
บนยอดเขา
หลิงหรงลากร่างที่เต็มไปด้วยแผลเป็น กัดฟัน อดทนเพื่อปีนขึ้นไป
เพื่อให้ได้ดอกไม้อายุยืน นางวิ่งอย่างสิ้นหวังไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของอาณาจักรลับไปตลอดทาง
นางมีสัมผัสแหลมคมโดยธรรมชาติ ทำให้นางสามารถหลบการโจมตีของสัตว์อสูรได้หลายครั้ง
แต่สำหรับสัตว์อสูรระดับสูงบางตัว นางก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกข่วนและกัดได้
ในความเป็นจริง นางเกือบตายจากปากของสัตว์อสูรหลายครั้งเช่นกัน.
โชคดีไม่มีอะไรขัดขวางความอดทนพยายามอุตสาหะของนางได้ ทำให้นางมาถึงภูเขาที่ลึกที่สุดจนได้.
และเนื่องจากนางไม่ได้รั้งรอระหว่างทางใด ๆ นางจึงเป็นคนแรกที่มาถึงภูเขาลูกนี้.
“ดอกไม้อายุยืนต้องอยู่บนภูเขาลูกนี้แน่!”
โลหิตของหลิงหรงหยดเป็นทางลากร่างขึ้นไปบนเนินเขา
นางไม่สนใจใด ๆ ทั้งนั้น ความคิดเดียวของนางคือ ต้องได้รับดอกไม้อายุยืน.
เพียงได้รับดอกไม้อายุยืนเท่านั้น ที่จะทำให้นางได้รับสถานะตัวตนเดิมและมีสิทธิ์... ที่จะได้พบหลินซวนอีกครั้ง!
ที่ไกลออกไปมีบางอย่างที่แผ่แสงสีชมพูลึกลับทะลุผ่านหมอกแห่งจิตวิญญาณและทำให้ดวงตาของหลิงหรงสว่างขึ้น.
“มันเป็นดอกไม้อายุยืนจริง ๆ !” หลิงหรงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้พบมัน.
นางรีบคว้าก้อนหินแล้วปีนขึ้นไป สุดท้ายนางก็โชคดีที่นางได้รับดอกไม้อายุยืนสำเร็จ
“ดอกไม้อายุยืนบานหนึ่งดอกในรอบร้อยปี ในที่สุดข้าก็ได้มันมา!”
หลิงหรงหลั่งน้ำตาอาบแก้มด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นนางก็อ้าปากเล็ก ๆ ของนางกำลังจะกินดอกไม้อายุยืน
หวึ่ง! - -
ทันใดนั้นสายลมที่มีกลิ่นเหม็นก็พัดผ่านเข้ามา
แรงกดดันและจิตสังหารที่รุนแรง ล็อคเป้ามายังหลิงหรงทันที.
หลิงหรงเงยหน้าขึ้น และเห็นดวงตาสีแดงขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ ปรากฏขึ้นบริเวณที่นางเพิ่งเด็ดดอกไม้อายุยืนออกมา
ไม่!
ไม่ใช่คู่เดียวแต่เป็นเก้าคู่!
โฮกกกก~
เมื่อดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวทั้งเก้าคู่ปรากฏขึ้น ภูเขาทั้งลูกก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หลิงหรงมองเห็นเนินเขาสูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อสรพิษยักษ์ที่มีเก้าเศียรจ้องมองมายังนางด้วยสายตาดุร้ายดูน่าสยดสยอง
มันมีความยาวหนึ่งร้อยฟุต และในรูม่านตาสีทองนั้นมีรูสีแดงสองช่อง
“อสรพิษหลามนภาเก้าเศียร ลำดับสอง!”
รูขุมขนทั่วร่างของหลิงหลงเปิดกว้าง รู้สึกเย็นยะเยือบแทงทะลุไปถึงกระดูก.
ต่อหน้าต่อตานาง มีสัตว์อสูรลำดับสองด้านหน้า!
ปัง
อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรเงยหน้า ยกหางขึ้นแล้วก็ฟาดลงมา
เศษหินดินทรายที่ฟุ้งไปทั่วเนินเขา ร่างของหลิงหรงที่กระเด็นออกไป ล่วงหล่นลงไปที่แม่น้ำที่เชิงเขา.
ในเวลานี้ไป่เฟิงซินและหลินถง ก็มาอยู่ที่ด้านหน้าภูเขาเช่นกัน.
เมื่อเห็นร่างที่ใหญ่ยักษ์เท่ากับเนินเขา สูงกว่าสองร้อยฟุต ปรากฏ ไป่เฟิงซินและคนอื่น ๆ ต่างก็สูดหายใจเย็นยะเยือบเข้ามา.
“มันกลายเป็นสัตว์อสูรยักษ์ลำดับสอง!”
“หากต้องการจัดการกับมัน อย่างน้อยก็ต้องเป็นขอบเขตจ้าววิญญาณขึ้นไป?”
ทุกคนมองหน้ากันและกัน.
หลังจากคิดเล็กน้อย ไป่เฟิงซินก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยออกมาว่า:
“ความแข็งแกร่งของอสูรยักษ์ชั้นสองนั้นน่ากลัวจริงๆ แต่หากพลาดมันไป จะต้องเสียใจมากเช่นกัน!”
หลินถงเอ่ย“เจ้านิกายไป๋ต้องการจัดการกับสัตว์อสูรยักษ์ตัวนี้อย่างงั้นรึ?”
มุมปากของไป่เฟิงซินกระตุก: "ช่วยกันฆ่ามัน แกนอสูร กระดูก เนื้อและโลหิต แบ่งปันกัน!"
ทุกคนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพยักหน้าพร้อม ๆ กัน: "เอาล่ะ! เป็นข้อตกลงตามนี้!"
อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรนี้มีตบะอย่างน้อยสี่หรือห้าพันปี
อสูรยักษ์ขั้นสอง อาจกล่าวได้ว่าทั้งร่างกายของมันล้วนแต่ล้ำค่า.
สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว แม้แต่โลหิตหยดเดียวก็ถือว่าเป็นสมบัติแล้ว.
แม้ว่าอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาจะดูแข็งแกร่งมาก ทว่าย่อมไม่อาจต้านทานฝูงชนได้แน่
การต่อสู้นี้ ใช่ว่าจะไร้โอกาส.
เมื่อเห็นว่าทุกคนบรรลุข้อตกลงไป่เฟิงซินก็หยิบกระบี่เหินออกมา เอ่ยตะโกนดัง: "ทุกคน ไปด้วยกัน!"
ปัง ปัง~
หุหุหุ ~
ในเวลาต่อมา ปราณแท้ที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กระจายไปทั่วอากาศ.
ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ ใช้ความแข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา โจมตีไปยังอสรพิษหลามนภาเก้าเศียร
อย่างไรก็ตามการโจมตีของพวกเขา ราวกับว่ากำลังยั่วยุมัน อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรที่หวีดร้องดังกึกก้อง.
ในเวลาต่อมา มันก็ก้มหัวลง พร้อมกับจับจ้องมองไปยังไป่เฟิงซินและพวก พร้อมกับอ้าปากที่ใหญ่โตขึ้น.
ปัง ปัง ปัง~
บอลเพลิงเก้าดวงที่พุ่งออกไป คลื่นความร้อนที่น่าพรั่นพรึงแหวกอากาศทำให้พื้นที่รอบ ๆ สั่นส่ายไปมาเป็นระลอกคลื่น.
"โอ้วสวรรค์ อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรตนนี้ มีพลังธาตุเพลิงโดยกำเนิดด้วย!"
“สัตว์อสูรตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป ทุกคนถอยออกมาก่อน!”
ภายใต้คลื่นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำออกมา ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ ที่ถอยออกมาด้วยความยากลำบาก.
แม้นว่าพวกเขาจะถอยออกมาได้ในทันที แต่ก็ยังมีหลายคนที่ได้รับสะเก็ดเพลิงเกือบเผาร่างพวกเขากลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว.
ไป๋เฟิงซินและคนอื่น ๆ เผยร่องรอยของความไม่เต็มใจออกมา
อสรพิษหลามนภาเก้าเศียรเต็มไปด้วยชิ้นส่วนที่ล้ำค่า แต่ความแข็งแกร่งของมันก็น่าสะพรึงอย่างแท้จริง.
เมื่อเผชิญกับสิ่งล่อใจครั้งใหญ่เช่นนี้ พวกเขาก็ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันแย่มากที่ต้องละทิ้งความคิดเกี่ยวกับสมบัตินี้ไป
“เสด็จพ่อ อสรพิษตัวใหญ่ตัวนี้ดูน่ารักมาก ช่วยจับให้ข้าเล่นได้ไหม”
ในเวลานี้หลินซวนโผล่มาด้านหลังของฝูงชนพร้อมกับบุตรสาวสี่คนของเขา
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเสวียนหยู ไป่เฟิงซินและคนอื่น ๆ ต่างก็เผยท่าทางประหลาดใจตกใจออกมา.
โอ้วสวรรค์ ตี้ฟู่ ไม่ใช่ว่าต้องการจับอสรพิษหลามนภาเก้าเศียรเป็น ๆ หรอกนะ?