ตอนที่แล้วบทที่ 19 ไอ้ฉู่เฉินคนนั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 หารือเรื่องการครองแผ่นดินอย่างผ่อนคลาย

บทที่ 20 นายมาฝนหมึกให้ฉัน


บทที่ 20 นายมาฝนหมึกให้ฉัน

คนตระกูลซ่งต่างก็อ้าปากค้าง

พวกเขาไม่คิดว่าคำพูดประโยคนี้ของคุณชายเซี่ยจะเป็นการตำหนิฉู่เฉินจริงๆ มีแค่คนที่คิดว่าฉู่เฉินเป็นพวกเดียวกันเท่านั้น ถึงจะพูดแบบนี้

ซูเยว่เซียนตั้งสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มออกมา “คุณชายเซี่ยอุตสาห์มาเยือน เชิญด้านในเถอะค่ะ”

เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเซี่ยเป่ยที่กำลังเดินเข้าไป คนตระกูลซ่งก็ตั้งสติกลับมา แล้วรีบเดินตาม

“คุณหนูสาม คุณชายเย่มาถึงแล้วครับ” รปภ.คนหนึ่งของตระกูลซ่งรีบวิ่งมา เขาหันหลังกลับมาก่อนที่เซี่ยเป่ยจะลงจากรถ

ซ่งเหยียนขมวดคิ้ว

เย่เส้าหวงกล้ามาจริงๆ งั้นเหรอ?

เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ

ครู่หนึ่งต่อมา ซ่งเหยียนนั่งลงอ่านหนังสืออย่างสงบ

เธอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้วว่า เย่เส้าหวงไม่เกี่ยวข้องกับเธอ

ประตูห้องของฉู่เฉินเปิดออก

ซ่งเหยียนเหลือบมอง ไอ้หมอนี่ขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งเช้าเลย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เก็บของด้วย

“ภรรยา” ฉู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองยิ่งพูดก็ยิ่งคล่อง เขายิ้มพลางเดินเข้ามา ในมือของเขาถือถุงหอมใบหนึ่ง “ให้คุณ”

ซ่งเหยียนตกตะลึง รับถุงหอมมา “งานฝีมือประณีตมาก ฉู่เฉิน.. เมื่อก่อนนายคงจะเย็บปักถักร้อยทุกวันสินะ” ซ่งเหยียนเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉิน อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่า ใบหน้าของเขาช่างดูดีมากจริงๆ

“ในถุงหอมมีเครื่องรางที่ผมทำเองกับมือให้คุณ” ฉู่เฉินยิ้ม ถ้าบอกว่าการฝึกฝนเคล็ดวิชาไหมพันเข็มของสำนักจิ่วเสวียนเป็นงานเย็บปักถักร้อย ก่อนที่จะลงจากเขา ฉู่เฉินก็ฝึกฝนทุกวันอยู่จริงๆ “คุณพกติดตัวเอาไว้ ผีร้ายหรือปีศาจจะเข้าใกล้คุณไม่ได้”

ซ่งเหยียนอดไม่ได้ที่จะกลอกตา จากนั้นก็ยกจี้หยกที่อยู่บนคอขึ้น “จี้หยกชิ้นนี้คือเครื่องรางที่จางเต้าซื่อขอมาให้ทุกคนในตระกูลซ่ง เครื่องรางของนายดีกว่าของจางเต้าซื่ออีกงั้นเหรอ?”

ฉู่เฉินมองดู เขารู้สึกดูถูกเล็กน้อย “นี่มัน… เหมือนผลงานตอนของผมตอนอายุหกขวบ”

ซ่งเหยียนอดไม่ได้ที่จะกลอกตาอีกครั้ง

แต่ซ่งเหยียนก็ยังคงเก็บถุงหอมของฉู่เฉินเอาไว้ “เย่เส้าหวงมาแล้ว นายหลบไปก่อนเถอะ คืนนี้น้องชิวจะไปส่งนาย...” ซ่งเหยียนชะงักไป มองไปที่ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ผู้ชายต้องให้ความสำคัญกับหน้าที่การงาน”

ฉู่เฉินรู้สึกอับอาย พยักหน้าทันที

“พวกเราไปเดินเล่นริมทะเลสาบกันเถอะ” ฉู่เฉินเอ่ยปากขึ้นมา “ไม่งั้น เดี๋ยวก็มีคนมาเร่งเธออีก”

ซ่งเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นยืน

อย่างน้อย ชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังคงเป็นสามีของเธอในนาม

ซ่งเหยียนไม่ได้รังเกียจฉู่เฉิน

ส่วนเย่เส้าหวง เมื่อคืนซ่งเหยียนเห็นสายตาที่เหมือนกับสัตว์ป่าของเขาแล้ว

ในเมื่อตระกูลซ่งสู้กับเย่เส้าหวงไม่ได้ งั้นก็ต้องอยู่ให้ห่าง

ทั้งสองคนเดินออกไป ไม่ได้ไปที่บ้านหลังกลางที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้นำตระกูล แต่กลับเดินเล่นไปตามทะเลสาบซ่ง

“ฉู่เฉิน บ้านนายอยู่ที่ไหน?” ทันใดนั้นซ่งเหยียนก็สงสัย

ฉู่เฉินหยุดฝีเท้า สีหน้าของเขาเผยความคิดถึงออกมา “บ้านของผมอยู่ที่ปักกิ่ง เป็นคุณชายของตระกูลฉู่ ตระกูลอันดับหนึ่งของประเทศจีน ตั้งแต่เด็ก...เฮ้ ภรรยา ทำไมคุณถึงได้เดินไปแล้ว”

ฉู่เฉินรีบเดินตามไป

ซ่งเหยียนไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองกลอกตาไปกี่ครั้งแล้ว

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่า ฉู่เฉินเป็นคนปัญญาอ่อนต่อไปก็ดี อย่างน้อยก็จะไม่คุยโม้

ยังกล้าพูดว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของประเทศจีนอีก

ซ่งเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ในบรรดาตระกูลใหญ่ของปักกิ่ง มีชื่อของตระกูลฉู่

ทั้งสองคนเดินไปตามทะเลสาบ พูดคุยกันเป็นครั้งคราว

แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาห้าปี แต่ห้าปีมานี้ ฉู่เฉินอยู่ในภาพลักษณ์ของคนปัญญาอ่อนต่อหน้าซ่งเหยียน ทั้งสองคนไม่มีหัวข้อสนทนาร่วมกัน

“คุณหนูสาม” เสียงของเซียงซาวดังมาจากด้านหลัง เธอวิ่งเข้ามาด้วยความเหนื่อยหอบ “ในที่สุดก็เจอพวกคุณแล้ว”

“พวกเขาส่งคนมาเร่งอีกแล้วใช่ไหม?” ฉู่เฉินพูด “ให้พวกเขากลับไปบอกเย่เส้าหวง อย่ามารบกวนพวกเราสองคนเดินเล่น”

“ไม่ใช่ค่ะ” เซียงซาวส่ายหน้า “คนที่เข้ามา ไม่ใช่คุณชายเย่ แต่เป็นคุณชายตระกูลเซี่ยค่ะ”

ฉู่เฉินกับซ่งเหยียนมองหน้ากัน

ไม่นาน ทั้งสองคนก็เดินกลับไปที่ห้องโถง

คนตระกูลซ่งอยู่กันครบ แม้แต่ซ่งเสียหยางก็กลับมาแล้ว ดูจากสีหน้าของซ่งเสียหยางแล้ว การออกไปครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อะไรกลับมา

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ฉู่เฉิน สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ตั้งแต่ที่คุณชายเซี่ยเข้ามา เขาก็พูดชื่อของฉู่เฉินหลายครั้งแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่เป็นคนมาต้อนรับคุณชายเซี่ยด้วยตัวเอง คุณชายเซี่ยคงจะรีบไปหาฉู่เฉินแล้ว

“ไม่รู้ว่าไปเหยียบขี้หมาอะไรมา ถึงได้เอาใจคุณชายเซี่ยได้” ซ่งหยุนมองไปที่ฉู่เฉิน พึมพำออกมา “หรือว่าคุณชายเซี่ยไม่เคยเห็นคนปัญญาอ่อน รู้สึกว่าไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้น่าสนใจ?”

ซ่งหยุนรู้สึกไม่พอใจมาก

ธุรกิจหลักของตระกูลหลินบ้านสามีของเธอคือธุรกิจยา

ตอนนี้ในบรรดาคนตระกูลซ่ง เขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะคุยเรื่องธุรกิจกับคุณชายเซี่ย แต่คุณชายเซี่ยกลับเลือกฉู่เฉิน ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้าน

“นายตามฉันมา” ซ่งเสียหยางพาฉู่เฉินเดินออกไป

ซ่งเหยียนมีสีหน้าที่สงสัย

ซูเยว่เซียนกล่าว “คุณชายเซี่ยกับคุณปู่ไปที่ห้องทำงาน แต่คุณชายเซี่ยสั่งเอาไว้เป็นพิเศษว่า ถ้าฉู่เฉินมา ให้พาเขาไป”

ซ่งเหยียนอ้าปากค้าง

ไม่แปลกใจเลยที่ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามา สายตาที่คนตระกูลซ่งมองฉู่เฉิน จะมีความอิจฉาแฝงอยู่ในความดูถูก

การปฏิบัติแบบนี้ ไม่มีใครในตระกูลซ่งได้รับ

หน้าห้องทำงาน

ซ่งเสียหยางเห็นซ่งฉางชิงยืนอยู่ข้างนอกห้องทำงาน เขาก็ตกตะลึง

ซ่งฉางชิงมีรอยยิ้มบนใบหน้า ดูเหมือนว่าอารมณ์จะดี “เสี่ยวเป่ยบอกว่า ตอนที่เขาเขียนพู่กันจีน เขาชอบอยู่คนเดียว พวกเธอรอสักครู่”

ในตอนนี้ เสียงของเซี่ยเป่ยก็ดังมาจากในห้องทำงานทันที “ฉู่เฉินมาแล้วเหรอ? ให้ฉู่เฉินเข้ามาฝนหมึกให้ฉัน”

ซ่งฉางชิงมองไปที่ฉู่เฉิน

ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่งคนนี้ เขาเคยพบแค่ตอนที่ฉู่เฉินกับซ่งเหยียนแต่งงานกัน หลังจากนั้น ฉู่เฉินก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของซ่งฉางชิง

ประตูห้องทำงานเปิดออก

ฉู่เฉินก้าวเดินเข้าไป เงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าเซี่ยเป่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ก้มหน้าด้วยความรู้สึกท้อแท้ ในมือถือพู่กันจีนด้ามหนึ่ง

“คุณชายเซี่ยก็มีรสนิยมเหมือนกันนะ” ฉู่เฉินยิ้มพลางเดินเข้าไป “ยังมาเขียนอักษรพู่กันจีนที่ตระกูลซ่งอีก”

“พูดน้อยๆ หน่อย รีบมาช่วยฉันคิดหาวิธีแก้ไขเร็วเข้า” เซี่ยเป่ยนวดขมับ สีหน้าเหมือนจะร้องไห้

“คิดหาวิธีแก้ไขอะไร?” ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัย

สีหน้าของเซี่ยเป่ยดูอึดอัด พูดด้วยเสียงเบา “เมื่อกี้คุยกับคุณปู่ซ่งในห้องโถง ท่านถามว่าปกติฉันชอบอะไร ฉันก็เลยบอกว่า ชอบอ่านหนังสือ เขียนอักษรพู่กันจีน พัฒนาจิตใจ สุดท้าย คุณปู่บอกว่าอยากจะดูความสามารถในการเขียนคำอวยพรของฉัน แถมยังบอกว่าอีกสิบวันจะมีพิธีเปิดเมืองจินถาน มีกิจกรรมรับสมัครคำอวยพรทั่วทั้งเมือง แล้วท่านก็ให้ฉันเขียนคำอวยพร”

ฉู่เฉินยิ่งไม่เข้าใจ มองไปที่เซี่ยเป่ยด้วยความงุนงง “งั้นนายก็เขียนสิ?”

เซี่ยเป่ยร้องไห้ “แต่ฉัน...แค่คุยโม้!”

ฉู่เฉิน “...”

หลังจากที่เซี่ยเป่ยอธิบายอีกครั้ง ฉู่เฉินก็เข้าใจในที่สุด

สรุปง่ายๆ ก็คือ ไอ้หมอนี่ทำตัวเป็นคุณชายต่อหน้าคุณปู่ สุดท้ายก็จนตรอก

“อย่าว่าแต่เขียนคำอวยพรเลย ของแบบนี้...ฉันแทบจะไม่เคยจับ” เซี่ยเป่ยโบกพู่กันจีนในมือ จากนั้นก็มองไปที่ฉู่เฉิน สีหน้ากังวล “นายรีบช่วยฉันคิดหาวิธีแก้ไขเร็วเข้า ก่อนอื่นก็ผ่านด่านนี้ไปก่อน ไม่งั้น ฉันจะแกล้งเป็นลมแดดหมดสติไปเลย?”

ฉู่เฉินเห็นว่าเซี่ยเป่ยเหมือนกับกำลังจะสลบ รีบส่ายหน้า พูดอย่างผ่อนคลาย “ก็แค่เขียนคำอวยพร นายมาฝนหมึกให้ฉัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด