ตอนที่ 8 นี่สิรางวัลของจริง
"ระบบรีบแจ้งเตือน : เนื่องจาก วันด้า จังโก้ แม็กซิมอฟฟ์ มีระดับความเชื่อใจถึง 90% แล้ว ดังนั้น รางวัลพิเศษจะมอบพลังควบคุมน้ำเวอร์ชันสมบูรณ์!
รวมถึงรางวัลพิเศษ ฟังก์ชันจำลองสถานการณ์ภายในไดอารี่ครั้งหนึ่ง!"
“คำชี้แจงสำหรับฟังก์ชันจำลอง : ซูเฉอสามารถจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นในไดอารี่เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม ประสบการณ์ ของโฮสต์ได้”
เมื่อดูรางวัลที่ระบบมอบให้ ดวงตาของซูเฉอก็สว่างขึ้นเล็กน้อย
สวย ที่แท้พลังควบคุมน้ำที่ฉันเพิ่งได้รับเมื่อวาน มันดันเป็นเวอร์ชันโดนหั่นออกนี่นา!
นับจากนี้ พลังควบคุมน้ำเวอร์ชันสมบูรณ์แบบจริงๆ กำลังจะตกมาเป็นของฉันแล้วสินะ
พอหลังจากได้รับพลังควบคุมน้ำ เวอร์ชันที่พัฒนามาแล้วอีกขั้น อึดใจต่อมาซูเฉอก็รู้สึกได้เลยว่าบริเวณรอบตัวอากาศหนาแน่นไปด้วยโมเลกุลของน้ำ
เขาแค่ยื่นแขนขึ้นเบาๆ ในเสี้ยววินาทีต่อมา พลันเกิดก้อนน้ำสีฟ้าเข้มขึ้น ณ พื้นที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าเขา
ด้วยความคิดเพียงแค่ซูเฉอนึกภาพ บอลน้ำสีฟ้าเข้มทั้งลูกนั้นสามารถแปรสภาพกลายเป็นกระบี่น้ำสีฟ้าจำนวนนับสิบเล่มในพริบตา ทว่าอีกช่วงวินาทีมันก็เปลี่ยนเป็นอสูรกายน้ำที่น่าสะพรึงกลัว!
ดูแล้ว ถ้าเพียงแค่เขาส่งคำสั่งออกมา กระบี่น้ำหรือเจ้าอสูรน้ำที่หน้าตาน่าสะพรึงแบบนี้น่าจะพุ่งทะยานสวนทะลุร่างศัตรูตรงหน้าทันที
ราวกับว่าเขาเพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่เล่นเพลินได้ไม่มีเบื่อ ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งเปลี่ยนลูกบอลน้ำสีฟ้าเข้มไปเป็นสารพัดรูปร่างต่างๆ
พอหลังจากได้ลองเล่นมานานพักหนึ่ง ซูเฉอนสั่งให้ก้อนน้ำนั้นห่อหุ้มตัวเองเข้า
มีผิวชั้นหนาจากน้ำหุ้มร่างกายซูเฉอทั้งหมด
ยืนอยู่ท่ามกลางมวลน้ำ ซูเฉอนพบว่าตอนนี้ ไม่ใช่แค่ตัวเองสามารถหายใจภายในน้ำอย่างที่เป็นปกติได้เพียงอย่างเดียว
เพียงแค่เขาตั้งสมาธิคิด ไม่ว่าแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ยังไม่เปียกอีกด้วย!
แม้ว่าเสื้อผ้าจะเปียกโชกเพียงแค่โบกมือเบาๆ ก็สามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องซักผ้าหรือเครื่องอบผ้าเลย
ด้วยความสามารถนี้ เขาสามารถประหยัดเงินค่าเครื่องซักผ้าได้เยอะเลย!
เอาเหอะ ถ้าพูดว่าที่เพิ่งกล่าวมาทั้งหมดนั่นแค่หยอกๆ ซูเฉอเองก็รู้สึกว่าหลังจากตัวเองมีความสามารถควบคุมน้ำได้แล้วเนี่ย
ถ้าต้องมายืนตระหง่านในท้องทะเลกว้างใหญ่ งั้นเขาก็คงถือว่าเป็นตัวตนไร้เทียมทานได้เลยนะสิ?
อีกอย่างหลังจากที่ได้ครอบครองเวอร์ชันสมบูรณ์ของพลังควบคุมน้ำ ต่อไปซูเฉอก็ไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะพกเอาน้ำใส่ขวดติดตัวตลอดเวลาไปไหนมาไหน
เพียงแค่เขาโบกมือเบาๆ ก็เปลี่ยนโมเลกุลในอากาศกลายมาเป็นคมอาวุธไว้จู่โจมทำร้ายศัตรูของเขาง่ายๆ
อย่าเข้าใจผิดเลยคิดว่าน้ำทำร้ายได้ไม่ถึงตาย
ที่จริงแล้วแรงพลังจากน้ำ นับว่าทรงพลังจนน่าสะพรึงทีเดียว
ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เหมือนพวกปืนฉีดน้ำแรงดันสูง แค่แรงจากมันนิดเดียวก็สามารถตัดแผ่นหินได้อย่างง่ายดาย
ส่วนในช่วงวินาทีนี้ ตัวตนของซูเฉอเปรียบเสมือนปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเวอร์ชันร่างมนุษย์ เพียงแค่พลังจากน้ำของเขามีระดับแรงพลังเพิ่มขึ้นถึงมากพอ
แม้กระทั่งแค่ลูกศรน้ำ ซูเฉอก็ยังสามารถระเบิดภูเขาหนึ่งลูกให้เละเป็นเถ้าธุลีได้ไม่ยากเย็นสักนิด
ถ้าแค่พลังควบคุมน้ำเวอร์ชันสมบูรณ์ทำให้ซูเฉอมีความสุขมากแล้วล่ะก็
งั้นรางวัลต่อไปนี้ล่ะ สิที่เรียกว่าทำเอาซูเฉอรู้สึกว้าวที่สุดได้เลย!
แค่ลองคิดเล่นๆ ดูก็แล้วกันนะ.. หากในไดอารี่เราใช้เวลานั่งเขียนอธิบายถึงภาพฉากวันล่มสลายในโลกคู่ขนานยังไง
ไม่ว่าฉันพยายามหนักแค่ไหน สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถกอบกู้โลกนั้นได้
ต่อให้ช่วงที่ได้เผชิญหน้ากับนาตาชา โรมานอฟฟ์หรือว่าเจอนิค ฟิวรี่
และถ้าเขาเหล่านั้นดิ่งเข้ามาสำรวจตรวจสอบ ก็พบว่าคนตรงหน้าตัวเอง ไม่มีอารมณ์สื่อออกมาตรงเผงเหมือนตอนอ่านเนื้อหาในไดอารี่สักกะติ๊ดเดียว
อย่างนี้จะไม่บอกต่ออีกเหรอ?
อย่างน้อยที่สุดก็จะเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้พวกเขาเชื่อสิ่งที่ในสิ่งที่เขาเขียนในไดอารี่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ท้ายที่สุดแล้ว บางครั้งคนเราสามารถมองคำพูดโกหกได้ง่ายดาย แต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมานับปีหรือที่ฝึกอบรมบ่มฝังตัวเองจนเติบใหญ่ได้ในวันนี้ แน่นอนไม่อาจหลอกแกล้งกันได้ ให้เหมือนจริงได้ง่ายๆ เหมือนเวลาไปนั่งแต่งนิยาย
ซูเฉอนั่งชะโงกศีรษะอยู่กลางโซฟาภายในห้องนั่งเล่น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยส่งคำสั่งต่อให้ระบบทำตาม
เริ่มต้นการจำลองสถานการณ์วันที่โลกคู่ขนานล่มสลายตามที่ตนได้เขียนลงไว้ในไดอารี่เลยสิ!
ตามคำสั่งของซูเฉอ วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกวิงเวียน มึนงง แล้วในฉับพลันรอบข้างเกิดอาการปั่นป่วนไปชั่วขณะ
ชั่วเวลาพริบตา รอบๆ บริเวณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันแบบหน้ามือเป็นหลังมือภายในช่วงเสี้ยววินาที
มีกลิ่นอายแบบฉากนิยายไซไฟพุ่งทะลุรูขุมขนและสัมผัสผ่านสายตาของเขาช้าๆ ในตอนนี้
ในชั่วพริบตา ซูเฉอก็มีภาพซ้อนราวกับว่าปรากฏอยู่ท่ามกลางเศษเถ้าธุลีล่องลอยและกำแพงผุผังพังทลาย
ด้านสี่รอบรอบกายก็จะมีกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ที่มีแต่บาดแผลและผ่านช่วงเวลาความเป็นความตายมานั่งอยู่
“นากำลังคิดอะไรอยู่?”
ฮอว์คอายซึ่งตอนนี้ติดหูช่วยฟัง เดินมาตบไหล่ซูเฉอนี้แล้วเริ่มพร่ำพูดถึงลูกสาวตัวเองกับต้นกล้าดีๆ อีกต้นที่เขาพบ
ดูจากท่าทางแล้วคงกำลังชื่นชมกับฮ็อคอายรุ่นที่สองที่เข้าร่วมกับอเวนเจอร์สแล้ว และเขาสามารถเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการเกษียณได้สบายๆ
ไม่ไกลกัน ด้านใน ธอร์ โลกิ รวมถึงอีกหลายคนต่างกำลังบรรยายพูดคุยเรื่องถึงชีวิตในอนาคต ดร.แบนเนอร์ในร่างฮัลค์ก็ร่วมแชร์แนวคิดการอบรมเลี้ยงดูลูกๆ กับแอนท์-แมนและเจ้าไททันยักษ์เขียวไปแล้วหนึ่งยกใหญ่ๆ
ว่าได้เลยนะ อารมณ์ของทุกคนรอบด้านผ่อนคลายสุดๆ สงสัยมันจะคล้ายๆ ความโล่งใจเวลาสงครามยุติใหม่ๆ นั่นแหละ
อาจกล่าวได้ว่าบรรยากาศโดยรวมผ่อนคลายอย่างมาก หลังได้ยินประโยคว่าชนะในสงคราม โดยที่ไม่มีงานเฉลิมฉลองใดๆ ทั้งสิ้น
ทันใดนั้นเอง ซูเฉอนก็สัมผัสได้ชัดเจนมากว่าสภาพจิตใจตนเองมีการเปลี่ยนแปลง
ราวกับว่าเขามีประสบการณ์ในการเป็นซูเปอร์ฮีโร่คอยปกป้องชาวโลกจากวายร้ายนานกว่าสิบปียังไงอย่างงั้น
ดังนั้นตอนนี้ในหัวจึงเป็นภาพความรู้สึกโล่งอกที่สามารถปกป้องโลกใบนี้ไว้สำเร็จได้ ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์เฉลิมฉลองชัยชนะแต่อย่างใด
ถูกต้อง.. แค่รู้สึกตื้นตันและโล่งใจว่าช่วยโลกอีกครั้งแล้วเท่านั้นเอง ..
ทว่าตอนที่สภาพจิตใจเพิ่งค่อยๆ ปรับเปลี่ยนอย่างช้าๆ วินาทีถัดมา โลกก็มืดมน
เมื่อหันมองดูรอบๆ แคงผู้พิชิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัวบนท้องฟ้าตรงหน้าเขาในเวอร์ชันไทม์ไลน์ต่างๆ
นอกจากแคงผู้พิชิตนับไม่ถ้วนแล้ว ยังมีสัตว์ประหลาดอีกนับไม่ถ้วนด้วย
ที่ด้านบนสุดของท้องฟ้า ดูเหมือนจะมีกลุ่มเทพหลายตนที่มีร่างใหญ่ก่ายโตกว่าโลกทั้งใบหลายเท่านั่งจ้องมองพวกตนเบื้องล่างด้วยสีหน้าคล้ายกำลังประเมินว่าพวกเขาเป็นแค่แมลงเล็กๆ
ดูเหมือนว่าโลกจะถูกพวกมันบดขยี้อย่างง่ายดายในวินาทีถัดไป!