ตอนที่ 7 นาตาชา โรมานอฟฟ์: ฉันชักสนใจเขาแล้วซิ
วันด้าเห็นข้อความที่อยู่ในไดอารี่ ดวงตาก็ประกายวาบขึ้นมา
ในอนาคต ฉันกับปีเอโตรจะได้พลังวิเศษเหรอ?
นี่หมายความว่าฉันกับปีเอโตรมีความเป็นไปได้ที่จะไปหาโทนี่ สตาร์ค ไอ้สารเลวนั่นเพื่อล้างแค้นให้พ่อแม่ได้งั้นเหรอ?
กระนั้น จากเนื้อหาในไดอารี่ เขียนว่าพลังวิเศษของฉันกับปีเอโตรต้องมาจากผลของการที่มายด์สโตนเป็นตัวกระตุ้นขึ้นมา
แล้วมายด์สโตนมันคืออะไร ?
น่าจะไม่ใช่เพชรหรือพลอยหรอก ใช่ไหม?
อยากถามบารอน สตรัคเกอร์ดูจัง แว่วมาว่าเขาน่าจะรู้จักมายด์สโตน
แต่ก็อีกเรื่องนั่นแหละ คนที่ไม่ได้ถือครองไดอารี่ จะพูดเนื้อหาในไดอารี่ออกมาไม่ได้
ยังไงตอนที่ฉันได้ไดอารี่มาช่วงแรก เคยคิดจะเล่าเนื้อหาให้ปีเอโตรฟังอยู่เหมือนกัน
ผลลัพธ์คือรู้สึกหวิวใจขึ้นมาจนน่ากลัว
ความรู้สึกแบบนั้นนะ นั่นมันทรมานมาก!
แต่ว่าตอนที่ฉันกับปีเอโตรมีพลังวิเศษในอนาคต นี่จะได้ใช้พลังแบบไหนกันล่ะ?
แค่คิดก็ชวนตื่นเต้นจนขนลุกแล้ว
จริงๆ เลย เจ้าบ้าซูเฉอเนี่ย ทำไมเนื้อหาหลักๆ ที่ควรเขียนไม่ยอมเขียนให้ชัดเจนเลยซักที!?
ให้ตายเถอะ
ถ้าวันหนึ่ง ฉันได้เจอกับเขาเข้า แล้วดันได้เป็นแฟนจริงๆ ตามที่ว่ามา
งั้นฉันต้องงอนเขาไปสามวันเต็มๆ แน่!
ณ หน่วยชีลด์ภายในออฟฟิศของนิค ฟิวรี่
"ผอ.คะ คาดว่าไม่ค่อยต้องทุ่มแรงงานไปตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับซูเฉอ เจ้าของไดอารี่เล่มนี้แล้วล่ะค่ะ"
"เขาเขียนที่อยู่ตัวเองชัดเจนอยู่ในไดอารี่ แถมคาเฟ่ที่เขาเปิดนั้นดัน... อยู่ฝั่งตรงข้ามสตาร์กอินดัสทรีส์ซะด้วย!"
พูดแค่นั้นแล้ว นาตาชา โรมานอฟฟ์ก็หันสายตากลับไปหานิค ฟิวรี่ แล้วถาม "ผอ.คะ งั้นให้ฉันลงไปพบกับเขาหน่อยไหมคะ? หรือจะเรียกคนไปจับนำตัวมาซะเลยดี?"
"อย่าเด็ดขาด!"
พอนิค ฟิวรี่ได้ยินข้อเสนอจากนาตาชา โรมานอฟฟ์ หลังจากใช้สมองไตร่ตรองอยู่ประมาณสองสามวินาทีก็รีบสั่งห้ามอย่างทันควัน
"เห็นได้ชัดเจนเลยว่าตอนนี้นายซูเฉอที่เป็นเจ้าของไดอารี่ เขายังไม่ได้วางใจหน่วยชีลด์เลย"
"หรือจะพูดในอีกความหมายก็คือ เขาไม่วางใจชีลด์ในยุคปัจจุบัน แม้ฉันเองจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมซูเฉอถึงเลือกไว้ใจพวกเรา แต่เขากลับไม่ไว้ใจชีลด์เลย... "
"ฉันเองต้องใช้เวลาอีกหน่อย เพื่อให้ค่อยๆ ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านั้น เธอห้ามพาตัวเขามาชีลด์อย่างเด็ดขาดละ"
พอพูดถึงตรงนี้ นิค ฟิวรี่ก็สบตากับนาตาชา โรมานอฟฟ์อีกครั้ง แล้วเอ่ยถามตรงๆ "จากประโยคที่อ่านเจอในไดอารี่ ตอนนี้เธอล่ะ คิดว่าซูเฉอเป็นคนแบบไหน? หรืออยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติแบบไหนกันอยู่?"
"ซูเปอร์ฮีโร่ เขาเป็นพวกซูเปอร์ฮีโร่ที่กอบกู้โลกไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง!"
หันมองตอบคำถามจากนิค ฟิวรี่ นาตาชา โรมานอฟฟ์ตอบคำถามไปตรงๆชัดเจน "หากเรื่องราวทั้งหมดในไดอารี่มันเป็นความจริงล่ะก็ ขอยืนยันได้เลยค่ะ นายซูเฉอคือซูเปอร์ฮีโร่ที่มีจิตใจที่น่าเคารพอย่างแน่นอน!"
"การวิเคราะห์จิตใจผู้คนจากข้อมูลที่มีในมือ เป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานของเจ้าหน้าที่มืออาชีพที่จำเป็นต้องรู้"
"ส่วนเรื่องสภาพจิตใจ มันก็วิเคราะห์ได้ไม่ยาก จากเนื้อหาระหว่างบรรทัดที่เขาเขียนเผยไว้ ตอนนี้นิสัยใจคอซูเฉอคนนี้ เขาเองน่าจะแบกความเหนื่อยล้าไว้ไม่น้อยเลย!"
"หมายถึงความเหนื่อยล้าทางด้านจิตใจ"
"ท่านผอ. สมมติกันว่าไดอารี่ที่เราเจอมันมีเรื่องแต่งจริงอยู่ปนด้วย จากข้อความที่มีบอกไว้ในไดอารี่ ก็ผ่านมาครึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว หลังจากเขามายังโลกคู่ขนานที่เราอยู่นี่"
"แต่เขาฝันบ่อยๆ ถึงการทำลายล้างของโลกคู่ขนานที่เขาจากมา ซึ่งทำให้เรารู้ว่าตอนนี้ เขากำลังตกอยู่ในวิกฤติทั้งสถานะจิตใจที่โดนกดดัน แถมเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจตลอดเวลา!"
"แถมฉันสัมผัสถึงความรู้สึกผิดในส่วนลึก เป็นเพราะตัวเองปกป้องโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่นั้นไว้ไม่ได้!"
"ถ้าไม่งั้น เขาคงไม่ไปตามหาหนทางช่วยผู้คนจากภัยพิบัติ แม้แต่ในความฝันในจิตใต้สำนึกของเขาหรอก"
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ นาตาชา โรมานอฟฟ์ก็หันไปทางนิค ฟิวรี่แล้วยิ้ม "แน่นอนค่ะ ไดอารี่เล่าว่าตัวเองเป็นอเวนเจอร์มานานกว่าสิบปี เป็นซูเปอร์ฮีโร่รุ่นแรกๆที่กู้โลกมานับครั้งไม่ถ้วน"
"จากในหนังสือเล่มนี้ ก็พอสะท้อนออกมาให้เราเห็นว่าความคิดจิตใจของเขาเข้มแข็งอย่างมาก ขนาดคนธรรมดาทั่วไป คงต่อสู้กับวายร้ายที่ชื่นชอบในการทำลายโลกเป็นกว่าสิบปีอย่างต่อเนื่องไม่ไหวแน่นอน "
"ถึงแม้เนื้อเรื่องจะสรุปลงท้ายว่า สุดท้ายแล้วเขายังคงพ่ายแพ้และโลกที่เขาอยู่นั้นต้องพบจุดจบด้วยการทำลายล้างก็ตามที"
พอได้ยินการวิเคราะห์ของนาตาชา โรมานอฟฟ์ นิค ฟิวรี่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
มีความหมายแฝงคล้ายกับที่เจ้าตัวคิดเอาไว้อยู่เหมือนกัน
พอเห็นนิค ฟิวรี่พยักหน้ารับ นาตาชา โรมานอฟฟ์ก็นั่งคิดประมาณสองสามวินาที แล้วเอ่ยปาก "ผอ.คะ เขายังเขียนอะไรทำนองนี้อีก ในไดอารี่เขียนว่า โทนี่ อัจฉริยะตอนนี้ยังไม่ได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ก่อการร้าย ยังไม่มีฉากโดนลักพาตัว และตอนนี้มันยังไม่มีใครกดสตาร์ทให้มันเริ่มอะไรซักอย่าง"
"ดังนั้น ช่วงนี้ เขาจึงคิดจะไปปลีกตัว ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา"
"อันนี้ฉันเข้าใจเขาจริงๆ นะคะ อย่างตัวฉันเอง ก็มีวันที่เบื่องาน เบื่อชีวิตเหมือนกันนี่นา!"
"แต่ถ้าหากเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของเขา เกิดมาเยือนโลกที่พวกเราอยู่จริงในอนาคต"
"แบบนั้น ผอ.คะ ฉันขอนำเสนอว่าควรรีบหาทางติดต่อเขาเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ถึงแม้... ดูไปดูมาตอนนี้เขาแค่อยากใช้ชีวิตแบบธรรมดาเฉยๆ ก็เถอะ"
"สนใจเขาเหรอ?"
พอได้ข้อเสนอแนะอันแฝงนัยนี้จากนาตาชา โรมานอฟฟ์ นิค ฟิวรี่ก็จับใจความได้แฝงได้
"แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าเราควรให้ความสนใจกับซูเปอร์ฮีโร่ที่มาจากที่อื่นอยู่แล้วเหรอ?"
นาตาชา โรมานอฟฟ์ไขว่ห่างแบบสบายๆ ตอนหันหน้ากลับเข้าหานิค ฟิวรี่ แล้วเอ่ยปากพร้อมแววตายิ้มระรื่นๆ "ซูเปอร์ฮีโร่ที่มาจากโลกคู่ขนาน น่าสนุกออก แค่ลองนึกจะสัมผัสดูเล่นๆ ก็ชวนท้าทายดีแล้ว"
"อีกอย่างนะคะ ตอนนี้ทั้งจิตใจและร่างกายเขาเต็มไปด้วยความเครียดและวิตกกังวล อีกทั้งโทษตัวเองต่อความเป็นจริงที่ตนปกป้องโลกตัวเองเอาไว้ไม่ได้ แบบนี้ฉันคาดว่าช่วงนี้เขาน่ากำลังต้องการจิตแพทย์ช่วยอยู่มากทีเดียวล่ะค่ะ"
"บังเอิญว่าเรื่องแนวนี้ ฉันค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญพิเศษเลยนะ"
"อีกอย่าง ฉันก็อยากไปพิสูจน์ด้วยว่าไดอารี่มันของปลอมหรือเปล่า เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็เพียงแค่ติดต่อกับเขาเท่านั้น สุดท้ายถ้าได้มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จักกับเขาตรงๆ ก็ย่อมสามารถเข้าไปค้นหาและประเมินผลตัวเขาได้ละเอียดกว่าในปัจจุบันนี้ด้วย"
"หากเขาเปิดหน้าไพ่ว่า จำฉันได้ทันที รู้ตัวว่าฉันเป็นใคร ไม่ว่าเขาจะเลือกทางเล่นละครตบตาว่าไม่เคยรู้จัก หรือมาแบบดวลกันซึ่งๆหน้า สุดท้ายมันก็พอแสดงให้เห็นว่า ข้อความทั้งหมดที่เขียนเอาไว้ในไดอารี่เล่มนี้ อย่างน้อย มันควรมีเรื่องจริงปนอยู่มากพอสมควร"
นาตาชา โรมานอฟฟ์เลิกไขว่ห่างแล้วมองไปที่นิค ฟิวรี่ "เขาบอกว่าในบรรดาคนที่ชีลด์ไว้ใจได้ตอนนี้ก็คือฉัน"
"ในเมื่อมีโอกาสดีดีตรงหน้า ฉันคิดว่าฉันควรจะไปพบเขาสักหน่อย"
"ที่ท้ายที่สุด ฉันอยากรู้จริงๆ... ทีม อเวนเจอร์สที่อยู่ในจักรวาลคู่ขนานนั้น สรุปฉันจะเป็นคนแรกๆ ที่เกษียณหรือเป็นคนแรกที่ตาย!"
นาตาชา โรมานอฟฟ์จ้องหน้านิค ฟิวรี่แล้วพูดถึงเรื่องที่สนใจจริงๆออกไปตามตรง