ตอนที่ 10 โทนี่ถูกลักพาตัว ค่อยยังชั่วหน่อย!
นิค ฟิวรี่ไม่ได้สนใจจริงๆ ว่าจะมีคนตายมากแค่ไหน หรือพวกเขาคือใคร
แท้จริงแล้ว ในเส้นทางอาชีพการงานอันยาวนาน เขาได้เห็นความตายมามากมายนับไม่ถ้วน
หลายคนในนั้นถูกส่งไปตายด้วยน้ำมือของเขาเสียด้วยซ้ำ
ทว่า โทนี่ สตาร์ค นั้นแตกต่างออกไป
แม้ โทนี่ สตาร์ค จะเป็นคนเห็นแก่ตัว หยิ่งยโส และเป็นเพลย์บอยที่เจ้าสำราญก็ตาม
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนิสัยที่ชวนให้ไม่ชอบเอาเสียเลย
อย่างไรก็ตาม พ่อของเขาก็คือ คุณฮาเวิร์ด สตาร์ค
หนึ่งในผู้ก่อตั้งหน่วยชีลด์
เพราะในคืนคริสต์มาสคืนนั้น คุณฮาเวิร์ด สตาร์คและคุณมาเรียต่างเสียชีวิตลง
นิค ฟิวรี่จึงรู้สึกว่าในฐานะหัวหน้าของหน่วยชีลด์เขาต้องทำให้แน่ใจว่าโทนี่ สตาร์คมีชีวิตรอดได้อย่างปลอดภัย
แถมคุณเพจก็ยังมีชีวิตอยู่!
แต่ถ้าแค่ถูกลักพาตัว เผชิญกับการทรมานบ้าง ในเมื่อไม่ได้อันตรายถึงชีวิต
ท้ายที่สุด การผ่านบททดสอบนี้มันอาจจะทำให้เขา "เติบโต" และกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้
อย่างน้อย นิค ฟิวรี่ก็เห็นว่ามันคุ้มค่า
หรืออย่างน้อยที่สุด นี่ก็คือสิ่งที่คุณฮาเวิร์ด สตาร์คและคุณมาเรียอยากเห็น
ดังนั้น เรื่องที่โทนี่ สตาร์คถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย
นิค ฟิวรี่ เลือกที่จะพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน สิ่งที่เขาอยากเห็นในตอนนี้คือ นาตาชา โรมานอฟฟ์ และนักเดินทางลึกลับจากจักรวาลคู่ขนานรายนี้
เจ้าของไดอารี่สีทองคำดำ ซูเฉอ และการพบกันครั้งแรก
บางที การเจอกันครั้งนี้อาจจะนำมาซึ่งเซอร์ไพรส์ที่เขาคาดไม่ถึงเลยก็ได้
นั่นคือสิ่งที่นิค ฟิวรี่ตั้งใจปลอบใจตัวเอง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกจากข้อสันนิษฐานอันเหลวไหลไร้สาระนั่น
แม้ว่านิค ฟิวรี่จะไม่เชื่อถือเนื้อหาของไดอารี่ 100%
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ควรจะมีการเตรีมความพรัอมสักหน่อย
เช้าตรู่วันต่อมา...
แมนฮัตตัน ตรงข้ามกับบริษัทสตาร์กอินดัสทรีส์ ภายในร้านกาแฟเถาฮวาหลิน [ดินแดนท้อผลิบาน]
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ เจ้านาย!"
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ เจ้านาย!"
เหล่าพนักงานในร้านกาแฟต่างก็กล่าวทักทายซูเฉออย่างอบอุ่น เมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามาในร้าน
จากพนักงานร้านไอศกรีม สู่พนักงานร้านกาแฟ
คนเหล่านี้ไม่สนใจว่างานและเจ้านายจะเปลี่ยนไปทั้งหมด
เพราะเมื่อเทียบกับเงินเดือน 130 หยวนต่อสัปดาห์ที่ทำงานในร้านไอศกรีม
เงินเดือน 200 หยวนต่อสัปดาห์ในร้านกาแฟนั้นน่าดึงดูดใจมากกว่าสำหรับคนเหล่านี้
"อรุณสวัสดิ์!"
ซูเฉอยิ้มและตอบกลับพนักงานสาวสวยทั้งสามคนที่มาทักทายเขาอย่างทีละคน
ร้านไอศกรีมแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นขนาดของร้านกาแฟจึงใหญ่ตามไปด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือแมนฮัตตัน สถานที่ที่ราคาที่ดินสูงลิ่ว ดังนั้นถ้าเป็นเพียงร้านไอศกรีมเล็กๆ คงหาเงินได้ไม่มากพอแน่ๆ
ค่าใช้จ่ายประจำวัน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ต่างก็เป็นเงินก้อนโต
ยังไม่รวมเงินเดือนของนักศึกษาสาวทั้งสามคนอีก
อืม..ซูเฉอมีลูกน้องทั้งหมดหกคน ซึ่งต้องผลัดกันเป็นกะตลอดเวลา!
"เจ้านาย เหมือนเดิมใช่ไหมคะ?"
เซเลน่ามองซูเฉอ พร้อมถามเขายิ้มหวาน
"แน่นอน!"
"โอเคค่ะ กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล เดี๋ยวจะนำไปเสิร์ฟให้คุณที่โต๊ะนะคะ!"
พนักงานที่นี่ทำงานมานานกว่าครึ่งเดือนแล้วจึงคุ้นเคยกับเจ้านายคนนี้ดี ซึ่งเขาชอบดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล
นอกจากนี้ เขายังชอบนั่งริมหน้าต่าง ที่ซึ่งเขาจะได้รับแสงแดดเสมอ
แม้พนักงานไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงชอบนั่งในตำแหน่งที่อาบแดดได้ก็ตาม
แต่สิ่งนี้ไม่ได้บั่นทอนความชื่นชอบที่พวกเขามีต่อเจ้านายลงได้เลย
เพราะเขาใจกว้าง จัดหางานพิเศษให้พวกเธอ
เป็นเจ้านายที่ไม่ตำหนิการทำงาน แถมไม่ลวนลามพวกเธอ... อืม อันนั่นไม่นับ!
อย่างไรก็ตาม ซูเฉอก็คือเจ้านายที่ดีที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านายก็ยังหล่ออีกด้วย
พวกเธอแค่ทำตามหัวใจตัวเองก็เท่านั้น เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่นา
น่าเสียดายที่เจ้านายดูจะไม่ค่อยสนใจพวกเธอเท่าไหร่
ไม่งั้น คงจะดี ถ้าได้ออกเดทกันสักหน่อย แล้วสัมผัสถึงแรงกระแทกจากคนตะวันออกดูสักครั้ง
แถมชายหนุ่มที่สามารถเปิดร้านกาแฟในแมนฮัตตันได้ ที่ซึ่งมีราคาที่ดินแพงหูฉี่แบบนี้ แสดงว่าต้องมีฐานะทางบ้านที่ดีแน่ๆ
ถ้าได้คบเขา เธอก็จะเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งโดยสมบูรณ์ นั่นหมายถึงชีวิตอันสุขสบายโดยไม่ต้องออกแรงทำงานเป็นสิบๆปีเลยเชียวล่ะ!
"เฮ้ พ่อซูเปอร์แมน วันนี้ดวงอาทิตย์ได้มอบพลังให้ชาวคริปโตเนียนอันแข็งแกร่งให้คุณหรือยัง?"
เปปเปอร์เดินเข้ามาในร้านกาแฟ สายตาจับจ้องไปที่ซูเฉอที่กำลังนั่งริมหน้าต่าง ดื่มกาแฟดำไปอาบแดดไป
เธอทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
ในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวและเลขาส่วนตัวของโทนี่ สตาร์ค
เธอทำงานที่บริษัทสตาร์ค อินดัสทรีส์แทบทุกวัน
เปปเปอร์จึงคุ้นเคยกับร้านไอศกรีมร้านเดิมแห่งนี้ ที่ตอนนี้กลายเป็นร้านกาแฟแล้วเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังสนิทสนมกับซูเฉอ เจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้ด้วย
ท้ายที่สุด ด้วยสถานะการเป็น "ชนชั้นสูง" เปปเปอร์ชอบมานั่งในร้านกาแฟแห่งนี้ทุกวันหลังเลิกงาน
มันช่วยให้เธอได้เพลิดเพลินกับช่วงเวลาว่างอันสงบสุขในยามบ่าย
เธอค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับซูเฉอ
แม้ว่าเขาจะดูเด็ก และอายุน้อยกว่าเธอสิบกว่าปีก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะเป็นวุฒิภาวะ การพูดจา หรือแม้แต่กิริยามารยาท ล้วนไร้ที่ติ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ แววตาของเขาไม่สอดคล้องกับอายุ ราวกับว่าเขาได้ผ่านประสบการณ์มามากมาย จนมองทะลุความผันแปรและปริศนาต่างๆ ได้
นั่นคือเสน่ห์ที่ดึงดูดใจอย่างมาก
ผู้หญิงมักหลงใหลในคนแบบนี้
เปปเปอร์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เธอมีเหตุผลในการเรียกเขาว่าซูเปอร์แมนด้วย
ท้ายที่สุด คนชอบอาบแดดไม่จำเป็นจะต้องถูกเรียกว่าซูเปอร์แมนไปซะทั้งหมด
แน่นอน มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
ซูเฉอหัวเราะเมื่อเห็นเปปเปอร์นั่งลงตรงข้ามพร้อมกับกาแฟ "ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแปลงร่างเป็นซูเปอร์แมนได้ไหม?"
"แต่เรื่องที่คุณโดดงานวันนี้ ผมรู้ชัดเจนเลยล่ะ"
"ใครบอกว่าฉันโดดงาน?"
จิบกาแฟหนึ่งอึก เปปเปอร์หัวเราะคิกคัก "ฉันเพิ่งเช็คอินเข้าทำงานที่สตาร์ค อินดัสทรีส์ไปเอง"
"เห็นไหม นี่ฉันเช็คอินแล้วนะ นั่นย่อมหมายถึงว่าขณะนี้ฉันกำลังทำงานอยู่ แล้วคุณมาบอกว่าฉันโดดงานได้ยังไงกัน?"
เปปเปอร์ตอบโต้คำพูดของซูเฉอพร้อมกับรอยยิ้ม
"ก็ถูกของคุณ การตอกบัตรก็หมายความว่าคนคนนั้นเข้างานแล้ว"
"แต่ผมคิดว่าการที่คุณโทนี่ สตาร์คไปยังทะเลทรายเพื่อโชว์อาวุธก็ทำให้คุณเปปเปอร์มีเวลาส่วนตัวมากพอเลยสินะ"
"ไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางปรากฏตัวในร้านกาแฟตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้หรอก"
ได้ฟังคำล้อเล่นของเปปเปอร์ ซูเฉอยกกาแฟขึ้นจิบแล้วหัวเราะ
"อย่าบอกนะว่าโทนี่ไปยังทะเลทรายเพื่ออวดอาวุธ มันทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมากจริงๆ"
"ไม่อย่างนั้น การต้องคอยช่วยลูกแหง่รับมือกับเรื่องราวต่างๆ รวมถึง 'ขยะ' ประจำวันสารพัดแบบเนี่ย คงไม่เพลิดเพลินเสมอไป"
เปปเปอร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของซูเฉอ
การจากไปของโทนี่ทำให้เธอมีเวลาส่วนตัวเหลือเฟือจริงๆ
อย่างน้อย อย่างในตอนนี้ล่ะ
เธอถึงได้มาโผล่ที่ร้านกาแฟแต่เช้าตรู่ได้ไงล่ะ