บทที่ 91 แรงกดดัน
ขณะหยางเสี่ยวเทียนยืนนิ่งหยั่งรู้แก่นแท้ของศิลากระบี่ ความโชติช่วงจากปราณกระบี่ยังคงสว่างไสวดุจลำแสงสุริยันดวงหนึ่งประจักษ์แก่สายตาเกาลู่และคนอื่นๆ ระเบิดสู่สรวงสวรรค์ทั้งเก้ามิมีทีท่าจะอ่อนเบาลง
แรงลมและหมู่เมฆโดยรอบสวรรค์ทั้งเก้าปั่นป่วนคล้ายจะก่อตัวเป็นพายุก็มิปาน
ปราณกระบี่ที่แผ่ออกจากการหยั่งรู้ของหยางเสี่ยวเทียน ดูจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีหยุดหย่อนประหนึ่งพลังมหาศาลสุดคณานับ
หลินหยง เฉินหยวน พร้อมทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเคล้าประหลาดใจ คราได้เห็นปราณกระบี่เหนือศรีษะหยางเสี่ยวเทียนนั้นทรงพลังทวีขึ้นเรื่อยๆ
ครั้นพิจารณาจากปราณกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้ หากหยางเสี่ยวเทียนยังคงหยั่งรู้มันต่อเนื่องอยู่อย่างนั้น เกรงว่าไม่นานคงจะบรรลุเข้าสู่ขั้นฉลาดล้ำเลิศเอาได้ง่ายๆ
ทุกคนในสำนักเสินไห่ต่างมองไปยังหยางเสี่ยวเทียน ศิษย์ปีหนึ่งผู้สามารถแตกฉานเคล็ดวิชาจากศิลากระบี่ด้วยความตกใจ
หนึ่งในอาจารย์จากสำนักเสินไห่ถึงกับทนเงียบปากไว้ไม่ไหว เอียงตัวกระซิบถามเกาลู่อย่างแผ่วเบาด้วยเกรงจะรบกวนการหยั่งรู้ของศิษย์เขา จนโดนเอ็ดตะโรจากนัยน์ตาแดงก่ำดุจยักษ์มารของหลินหยงอีกรอบ
“นี่ใช่หยางเสี่ยวเทียน ที่ท่านบอกว่าเป็นผู้มีวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสองหรือไม่”
จากนั้นเขาก็หรี่สายตาจิกมองเกาลู่ด้วยอาฆาตมาดร้าย เนื่องก่อนหน้าที่เกาลู่บอก เด็กน้อยนามหยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ดูจะเป็นคนที่ไร้ค่าสุดในสำนักเสินเจี้ยนแห่งนี้แล้ว
ไฉนต่อหน้าเขาเพลานี้ ช่างแตกต่างกับสิ่งที่เกาลู่เคยพล่ามไว้นัก หรือเขาเห็นว่าคนสำนักเสินไห่โง่เขลานักหรือไร
เขามีเพียงวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสองงั้นหรือ ไยสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ที่แม้แต่ศิษย์ผู้มีพรสวรรค์หลายคนในสำนักเสินเจี้ยนยังมิอาจเข้าใจได้
ทั้งยังสามารถบรรลุขั้นสำเร็จเล็กน้อยได้ทันทีหลังหยั่งรู้ นี่มิเท่ากับโป้ปดกันเช่นนั้นหรือ
จะเป็นวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสองอย่างไร หลังถูกขัดขวางการหยั่งรู้ศิลากระบี่ ยังสามารถหยั่งรู้มันได้อีกครั้งหรือตราบเท่าที่ต้องการอย่างง่ายดาย มิมีติดขัดแลดูทุกข์เข็ญอันจะคอยขัดขวางการบรรลุเลยแม้แต่น้อย
นี่คือสิ่งที่วิญญาณยุทธ์ขยะระดับสองสามารถทำได้กระนั้นหรือ
เจ้ากำลังล้อเล่นกับสำนักเสินไห่ของเราอยู่หรือไร… เกาลู่!
เขายังคลางแคลงใจด้วย ว่าสำนักเสินเจี้ยนจงใจปกปิด โดยแสร้งกุข่าวลือว่าหยางเสี่ยวเทียนมีวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสอง แต่แท้จริงนั้น เด็กน้อยหยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ มีวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุด เป็นอัจฉริยะมากกว่าจะเป็นขยะเสียด้วยซ้ำ
ครั้นเห็นสายตาพยาบาทเพ่งเล็งมายังตนเช่นนี้ เดิมที เกาลู่ต้องการจะชี้แจงว่าหยางเสี่ยวเทียนมีเพียงวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสองจริงดังนั้น แต่หลังจากได้ประสบกับแววตาแดงก่ำราวกระหายเลือดจากอาจารย์สำนักเสินไห่ เกาลู่ก็พลันหลบตาพร้อมสำลักคำเล่านั้นกลืนลงคอทันที
เขาเหลือบมองเจ้าสำนักหลินหยงผู้ยืนมองไปเบื้องหน้าด้วยท่าทีสำราญสุข
ขณะตัวเขาหวาดกลัวต่อแววตาเหล่านั้นจนแทบน้ำตาปริมออกมา
เจ้าของวาจาที่กล่าวหาว่าหยางเสี่ยวเทียนมีวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสองนั้น มิใช่วาจาของเขา เขาเพียงเป็นผู้ส่งต่อคำพูดเหล่านั้นมาอีกทอดเท่านั้นเอง
ซึ่งเจ้าของคำพูดเหล่านั้น เขาก็ยืนแย้มยิ้มตรงหน้าพวกเขามิใกล้มิไกล หรือเจ้าสำนักเสินเจี้ยนของเกาลู่นั้นอย่างไรเล่า
นี่หาใช่ความผิดเขาไม่ หากจะอาฆาตก็หันไปทางเจ้าสำนักหลินเสียสิ ไยต้องมองเขาประหนึ่งเป็นคนผิดแต่เพียงผู้เดียวเช่นนี้
เพราะตัวเขาเอง ก็ต้องการล่วงรู้ความจริงมิแตกต่างจากผู้อื่นแต่อย่างใด
หลังเห็นสัญญาณสายตาเกาลู่ชี้บอกทางเขาด้วยสีหน้าประหวั่นใจขณะถูกกดดันจากคนทั้งสองสำนัก ทำให้เซี้ยฉู่ เฉินปิงเหยา และบรรดาอาจารย์คนอื่นๆ รวมทั้งศิษย์ในสำนักต่างมองไปยังเจ้าสำนักหลินหยงเป็นตาเดียว
ยามนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ฉงนใจยิ่ง เพราะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียน
หากยังมีผู้ใดกล้ากล่าวหาว่าวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียน เป็นเพียงวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสองอีก หัวสมองพวกเขาคงไม่ต่างจากถูกคนกดลงกับพื้นแล้วถูไปร้อยครั้ง ด้วยดูมิมีปัญญาไตร่ตรองกระมัง
ขณะนี้ หลินหยงผู้กำลังมีใบหน้าแย้มบานก็พลางรู้สึกถึงแรงกดดันมาหาศาลพุ่งตรงมาหาเขาจากเบื้องหลังจนขนลุกซู่ ครั้นหันศีรษะกลับมาเป็นต้องสะดุ้งทันควัน
“แค่ก แค่ก อะแฮ่ม”
เขากระแอมไอพลางรู้สึกหนักใจอย่างยิ่งเมื่อจู่ๆ คนจำนวนมากมองเขาด้วยดวงตาลุกวาวดุจดั่งแววตาอสูรกายกระหายเลือดที่จ้องจะขย้ำเหยื่อมิมีผิด เขารับรู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้ต้องการหาอะไรจากเขา
โอ้สวรรค์ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเนตรฮวงเทียนของข้าระบุว่าวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนนั้นเป็นเต่ายักษ์จริงๆ
วิญญาณยุทธ์อันปรากฏต่อหน้าเขาวันนั้น มันก็เป็นร่างของเต่ายักษ์สีดำที่ไม่ต่างจากเต่ายักษ์ของบรรดาวิญญาจารย์ทั่วไป จึงเป็นไปไม่ได้หากจะกล่าวหาว่าสิ่งที่เขาเห็นล้วนเป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น
อย่างไรเสีย แม้นเป็นเขาเองก็ยังมิอาจทราบได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนกันแน่ ไฉนมันจึงกลายเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ต่อสำนักเสิ้นเจี้ยนเช่นนี้
หลินหยงขบคิดคะนึงถึงความเป็นไปได้อยู่ครู่ แล้วจู่ๆ ก็มีเรื่องหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวทันที
หรือว่ามันจะเป็น!
อีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกันนี้ องครักษ์ที่ถูกส่งมาสืบข่าวคราวจากเจ้าเมืองเสินเจี้ยน ก็รีบปรี่ตัวเข้ารายงานเรื่องดังกล่าวกลับไปยังเผิงจื้อกังอย่างรวดเร็ว
“อะไรนะ! ผู้ที่แตกฉานในศิลากระบี่แห่งจัตุรัสร้อยกระบี่นั้น เป็นเพียงศิษย์ผู้มีวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสองงั้นหรือ” เผิงจื้อกังพลันลุกยืนพร้อมสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินรายงาน
แทนที่เขาจะยินดีกับเรื่องนี้ แต่เผิงจื้อกังกลับโกรธจัดสะบัดมือตบฉาดยังใบหน้าองครักษ์ผู้นั้น ด้วยแรงตบเพียงครั้งเดียว ส่งร่างผู้ใต้บัญชาถึงกับตัวลอยออกไปไกล ใบหน้าบวมฉึ่งประหนึ่งหัวหมู
องครักษ์รอบข้างต่างตกใจจนสีหน้าซีดเซียว บรรยากาศเงียบงั้นหามีผู้ใดกล้าปริปาก
“เจ้าคิดว่าเพียงวิญญาณเต่ายักษ์ระดับสอง จะสามารถบรรลุศิลากระบี่ในจัตุรัสร้อยกระบี่ได้อย่างไร” เผิงจื้อกังชี้ไปยังองครักษ์ของตนด้วยความฉุนเฉียว
“สมองของเจ้าพิกลกระนั้นหรือ ไยจึงพ่นวาจาเยี่ยงอุจจาระออกจากปากเช่นนี้”
น้ำเสียงตะคอกนั้นทำเอาองครักษ์ก็อยากจะร่ำไห้เช่นกัน เพราะเขาได้รับข่าวมาแบบนั้นจริงๆ
“นายท่าน นี่คือสิ่งที่ผู้คนในสำนักเสินเจี้ยนบอกกล่าว ลือกันให้ทั่วว่าวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียน ถูกยืนยันจากปากเจ้าสำนักหลินหยงเองอย่างชัดแจ้ง ว่ามันคือวิญญาณยุทธ์เต่ายักษ์ระดับสอง ตัวข้าไหนเลยจะกล้าโป้ปดท่าน”
“และมีที่แปลกยิ่งกว่านั้น ก็คือช่วงสอบของชั้นปีหนึ่งเมื่อสิบวันก่อน โดยผลสอบของหยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ระบุไว้ว่า เพลงกระบี่สือซาน เพลงกระบี่สี่ฤดู และเพลงหมัดราชันพยัคฆ์ล้วนได้รับการฝึกฝนจนบรรลุขั้นวรยุทธไร้เทียมทานทั้งสิ้น!”
“วันนี้ เดิมทีเป็นการประลองแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับศิษย์ใหม่ระหว่างสำนักเสินเจี้ยนและสำนักเสินไห่ กระทั่งซูหลี่ อัจฉริยะผู้มีวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงจากสำนักเสินไห่ เห็นหยางเสี่ยวเทียนกำลังหยั่งรู้ศิลากระบี่ ก็พลันเข้าจู่โจมขัดขวางการหยั่งรู้ของเขา แต่ถูกหยางเสี่ยวเทียนเตะกระเด็นออกไปตัวงอดั่งกุ้ง”
“ต่อมา ซูหลี่ใช้เพลงกระบี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขั้นฉลาดล้ำเลิศ แต่ยังคงถูกโจมตีด้วยเพลงกระบี่ปีศาจขั้นสมบูรณ์แบบจากหยางเสี่ยวเทียน”
“ช่วงตึงเครียดสุด ซูหลี่ถึงกับใช้เพลงกระบี่สะบั้นคีรีที่สูญหายไปหลายร้อยปี แต่สุดท้าย ยังคงถูกกระแทกออกไปด้วยเพลงกระบี่ชางไห่จากหยางเสี่ยวเทียน ซึ่งบรรลุถึงระดับสูงสุดของขั้นวรยุทธไร้เทียมทาน!”
เขารายงานข่าวที่เพิ่งรับรู้ให้เผิงจื้อกังทราบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทว่า จู่ๆ เขาก็นึกสิ่งหนึ่งขึ้นได้