บทที่ 9 หนึ่งเท้าของคนปัญญาอ่อน
บทที่ 9 หนึ่งเท้าของคนปัญญาอ่อน
หน้าโรงแรมหวงถิง สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ฉู่เฉิน
ผู้จัดการผางตกใจมาก แต่เขาก็ไม่ทันได้ห้ามฉู่เฉินแล้ว เขาไม่คิดเลยว่า ฉู่เฉินจะกล้าขวางทางหนุ่มสาวกลุ่มนี้
คนกลุ่มนี้คือหนึ่งในกลุ่มคนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยมากที่สุดในเมืองฉาน
แม้ว่าชายหนุ่มชุดดำจะพูดจาหยาบคาย ดูถูกคุณหนูสามตระกูลซ่ง แต่คนกลุ่มนี้มีสถานะพิเศษ ไม่ต้องถามถึงคนปัญญาอ่อนที่ฟังพวกเขาพูดไม่รู้เรื่อง ในสายตาของผู้จัดการผาง ต่อให้เป็นคนปกติที่ฟังรู้เรื่อง ก็ไม่มีทางกล้าส่งเสียง
แต่ฉู่เฉินกลับกล้าออกมาขวาง?
ชายหนุ่มชุดดำเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉิน ขมวดคิ้ว “นายเป็นใคร?”
“เฮ้ๆๆ สุนัขที่ดีไม่ขวางทาง แกอยากตายงั้นเหรอ?” หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังตะโกนออกมาทันที
ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้ว “ผู้จัดการผาง ไอ้หมอนี่เป็นใคร”
ผู้จัดการผางเหลือบมอง “เขา...คือฉู่เฉิน”
“ฉู่เฉิน? ในเมืองฉานไม่มีตระกูลไหนใช้แซ่ฉู่”
“ไอ้บ้านนอกที่ไหนโผล่มา ยังกล้ามาขวางทางพี่ตง”
“ทำไมฉันฟังดูแล้ว รู้สึกคุ้นหู” ชายหนุ่มชุดดำชื่อหรงตง ในตอนนี้เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มที่ดูสนุกสนาน “ฮ่าฮ่าฮ่า นึกออกแล้ว ฉันจำได้แล้ว พี่เย่บอกว่า ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่ง ซึ่งไม่สามารถปีนขึ้นเตียงของคุณหนูสามตระกูลซ่งได้ ชื่อฉู่เฉิน”
ปัง!
เสียงตบหน้าที่ดังสนั่น
เสียงที่ชัดเจนราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นที่หน้าโรงแรมหวงถิง
เงียบเหมือนป่าช้า
เสียงนี้ก้องอยู่ในหัวของทุกคน
พวกเขาตกตะลึง
หรงตง คุณชายเล็กของหรงซื่อกรุ๊ปแห่งเมืองฉาน กลับถูกลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่งตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวที่หน้าโรงแรมหวงถิง
เสียงดัง ฟังชัด ตบจนหรงตงมึนงงไปเลย หัวของเขาดังหึ่งๆ
ผู้จัดการผางเบิกตากว้าง เขาตั้งสติกลับมาเป็นคนแรก รีบโบกมือ “จับตัวฉู่เฉิน”
รปภ.สองคนรีบวิ่งเข้าไปหาฉู่เฉิน
แม้ว่าหรงซื่อกรุ๊ปจะไม่ใช่ตระกูลหรือกลุ่มบริษัทชั้นนำในเมืองฉาน แต่หรงซื่อมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตระกูลเย่มาก
หรงตงถูกตบหน้าที่โรงแรมหวงถิง มันก็เหมือนกับถูกซ้อมในอาณาเขตของตัวเอง
รปภ.สองคนเข้ามาทางซ้ายและขวา เหมือนกับเสือที่กำลังตะครุบเหยื่อ ในชั่วพริบตา ฉู่เฉินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง รปภ.สองคนชนกันอย่างแรง
เสียงร้องโอดครวญที่น่าเวทนาปลุกหรงตงและคนอื่นๆ ให้ตื่น
หรงตงเอามือปิดหน้าข้างหนึ่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
ที่แท้ ความรู้สึกที่ถูกตบหน้า มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ตั้งแต่เด็กจนโต หรงตงไม่เคยถูกใครตบหน้า
คืนนี้ กลับถูกคนปัญญาอ่อนตบหน้าอย่างแรงต่อหน้าสาธารณชน
“ฆ่ามัน!”
ดวงตาของหรงตงแดงก่ำทันที ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
รปภ.ของโรงแรมหวงถิงวิ่งเข้ามา ล้อมฉู่เฉินเอาไว้
“ยังกล้าตีคุณชายหรงอีก วันนี้ ต่อให้เป็นซ่งเหยียน หรือซ่งเสียหยาง ก็ช่วยแกไม่ได้” ผู้จัดการผางสั่งอย่างเด็ดขาด
“ตีมันให้ตาย”
“ไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้กินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน? ถึงกล้าตีพี่ตง”
ในตอนนี้ หนุ่มสาวที่อยู่ข้างหลังหรงตงก็ตั้งสติกลับมา แถมยังมีชายหนุ่มหลายคนที่กระตือรือร้น อยากจะเข้าไปร่วมด้วย วิ่งเข้าไปซ้อมฉู่เฉินสักสองสามที ถึงจะหายแค้น
รปภ.หกเจ็ดคนวิ่งเข้าไปหาฉู่เฉินพร้อมกัน
แม้ว่าบางคนอาจจะสงสารฉู่เฉิน แต่พวกเขาก็ลงมืออย่างไม่ปราณี
ในสายตาของทุกคน ฉู่เฉินถอยหลังหลบไปมา ทว่า รปภ.หกเจ็ดคนกลับล้มลงไปทีละคน
“พวกแกเป็นไอ้ไร้ประโยชน์กันหมดเลยเหรอไง?” หรงตงโกรธมาก “จัดการกับคนปัญญาอ่อนคนเดียวไม่ได้? พี่เย่จะเลี้ยงพวกแกไว้ทำไม?”
หรงตงวิ่งเข้าไปหาฉู่เฉินด้วยสายตาที่ดุดัน
เขาฝึกเทควันโดมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายของเขาแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกัน ปกติเขาคนเดียวสู้สามคนยังไม่มีปัญหา
เขากระโดดขึ้นสูง เตะออกจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หรงตง...
ในตอนนี้ รปภ.ของโรงแรมหวงถิงคนหนึ่งก็กระโดดขึ้นสูงเช่นกัน ตั้งใจจะลอบทำร้ายฉู่เฉินจากด้านหลัง เตะออกไปอย่างแรง
มุมปากของฉู่เฉินยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
เขาขยับตัวหลบ แล้วใช้เคล็ดวิชาดาวเก้ามายา
เท้าของรปภ.คนนั้นกับการลูกเตะข้างของหรงตง ประสานกันกลางอากาศ
แม้ว่าพละกำลังของหรงตงจะโดดเด่นในหมู่คนวัยเดียวกัน แต่รปภ.ของโรงแรมหวงถิงล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่ถูกคัดเลือกมาจากบริษัทรักษาความปลอดภัย การปะทะกันครั้งนี้ หรงตงรู้สึกเจ็บแปลบที่น่องทันที ร่างกายของเขาล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง
ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน หรงตงก็เงยหน้าขึ้น ฉู่เฉินปรากฏตัวอยู่ในสายตาของเขา “แก...” หรงตงกำลังจะพูดจาโหดเหี้ยม จู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ฉู่เฉินเหยียบลงบนตัวเขาแล้ว
“หยุดกันให้หมด” เสียงของฉู่เฉินดังขึ้น “ไม่งั้น ฉันก็ไม่รู้ว่า กระดูกของคุณชายหรงคนนี้ จะหักไปกี่ท่อน”
รปภ.หลายคนที่กำลังจะวิ่งเข้าไปหาฉู่เฉิน หยุดฝีเท้าทันที
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ฉู่เฉิน และหรงตงที่อยู่ใต้เท้าของเขา
“ฉู่เฉิน!” หัวใจของผู้จัดการผางสั่นสะท้าน ตะโกนออกมา “แกรู้ไหมว่าแกกำลังทำอะไรอยู่? ปล่อยคุณชายหรงเดี๋ยวนี้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันเป็นคนปัญญาอ่อน” ใบหน้าของฉู่เฉินมีรอยยิ้ม “คนปัญญาอ่อนทำอะไร มันก็ไม่ผิด”
ฉู่เฉินก้มหน้าลง มองไปที่หรงตง “แต่ ถึงฉันจะเป็นคนปัญญาอ่อน แต่ฉันก็ฟังรู้เรื่อง นายพูดจาหยาบคาย ดูถูกภรรยาของฉัน” ฉู่เฉินออกแรงเหยียบมากขึ้น หรงตงก็ส่งเสียงร้องโอดครวญทันที ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ร้องอุทาน แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าเข้าไป
แม้ว่าพวกเขาจะถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยมากที่สุดในเมืองฉาน ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำอะไรตามใจตัวเอง แต่คืนนี้ พวกเขากลับเจอคนปัญญาอ่อน
คนปัญญาอ่อนคนนี้ดูเหมือนว่า จะเป็นพวกไม่สนใจกฏหมายมากกว่าพวกเขา
ไม่มีใครกล้าเข้าไปเสี่ยงให้คุณชายหรงถูกคนปัญญาอ่อนเหยียบจนพิการ
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตกใจ ความแข็งแรงของคนปัญญาอ่อนคนนี้มันมากเกินไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่หรงตงกำลังเผชิญอยู่จากสีหน้าของเขา
“ฉันไม่สนว่าพวกนายจะเป็นตระกูลเย่ ตระกูลหรง ตระกูลหมู ตระกูลหมา” ฉู่เฉินยิ้ม ก้มหน้าลง จ้องไปที่คุณชายหรง “ขอโทษคุณหนูสามตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้”
รอยยิ้มของฉู่เฉินน่ากลัวมาก ทำให้คนอื่นขนลุก
ไม่มีใครลืมสถานะของฉู่เฉิน ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่ง
ในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าเจรจากับคนปัญญาอ่อน หรือข่มขู่เขา
ถ้าทำให้คนปัญญาอ่อนโกรธขึ้นมา พวกเขาคงจะซวยไปด้วยกัน
ชีวิตของคุณชายหรงมีค่ามากกว่าคนปัญญาอ่อนคนนี้มาก
หรงตงรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ริมฝีปากของเขาสั่นเทา
ที่นี่คือโรงแรมหวงถิง!
รอบๆ ตัวเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนของเขา
อีกฝ่ายเป็นแค่ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่ง
เขาควรจะเป็นฝ่ายเหยียบอีกฝ่ายลงบนพื้น หรงตงไม่เข้าใจ ทำไมถึงเป็นแบบนี้
เขาอยากจะด่าฉู่เฉินด้วยความโกรธ แต่ความเจ็บปวดที่หน้าอก และรอยยิ้มที่น่ากลัวของฉู่เฉิน ทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว ครู่หนึ่งต่อมา เขาก็สูดหายใจเข้า หรงตงหลับตา “ขอโทษ”
หรงตงสั่นไปทั้งตัว กัดฟันแน่น
หนึ่งเท้าของคนปัญญาอ่อน!
ความอัปยศอดสูที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต
ครู่หนึ่งต่อมา
หรงตงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นว่าฉู่เฉินยังคงจ้องมาที่เขา ความรู้สึกคับแค้นใจในใจของเขาก็พลุ่งพล่านออกมาทันที เบิกตากว้าง ตะโกนออกมา “ยังไม่พออีกเหรอ?”
ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่แผ่ออกมาจากตัวหรงตง
พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่า ถ้าหรงตงเป็นอิสระ เขาจะต้องแก้แค้นฉู่เฉินอย่างบ้าคลั่ง
ถ้าฉู่เฉินเป็นคนฉลาด เขาควรจะหยุดได้แล้ว
สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ฉู่เฉิน
ฉู่เฉินเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไปแล้ว สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ก้มหน้าลงมองหรงตง พูดอย่างจริงจังว่า “นายยังพูดไม่ชัดเจน ขอโทษใคร?”