บทที่ 5 สุขสันต์วันเกิด
บทที่ 5 สุขสันต์วันเกิด
ภายในห้องประชุม เงียบเหมือนเป่าสาก
คนตระกูลซ่งมองไปที่ฉากนี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
คนที่คุณชายสามตระกูลเซี่ยแห่งเมืองหยางต้องการพบ กลับเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านซึ่งกำลังจะถูกตระกูลซ่งทอดทิ้ง
ซ่งเหยียนกำปากกาที่หักเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน
“คุณซ่ง ท่านนี้ ไม่ใช่ลูกเขยของคุณเหรอ?” เซี่ยเป่ยเอ่ยปาก
รูม่านตาของซ่งเสียหยางหดเล็กลง
ตามเวลาที่จางเต้าซื่อกำหนด เวลาที่ฉู่เฉินต้องเซ็นชื่อในเอกสารการหย่าฉบับนี้ เหลือไม่ถึงสามนาทีแล้ว
แต่ดูเหมือนว่า คุณชายเซี่ยตรงหน้า จะสนใจแค่ฉู่เฉิน
หรือว่า ตระกูลซ่งต้องการติดต่อกับตระกูลเซี่ย ต้องพึ่ง...ฉู่เฉิน?
“คุณชายเซี่ย เขา...” ซ่งเสียหยางอ้าปาก เกือบจะหลุดพูดคำว่า ‘ปัญญาอ่อน’ ออกมา “ใช่ครับ”
“งั้น ผมขอคุยกับฉู่เฉินก่อน” เซี่ยเป่ยเหลือบมองฉู่เฉิน หันหลังเดินออกไปก่อน
สายตาของทุกคนในตระกูลซ่งจับจ้องไปที่ฉู่เฉิน
การที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับฉู่เฉิน ในสายตาของพวกเขา มันคือปาฏิหาริย์ชัดๆ
“ต่อให้ขนมตกลงมาจากฟ้า ก็ไม่มีเหตุผลที่จะตกใส่หัวคนปัญญาอ่อนหรอก” หลินซิ่นผิงไม่อยากจะเชื่อ ทำไมคุณชายตระกูลเซี่ยถึงได้ระบุว่าต้องการคุยกับฉู่เฉิน
“ฉู่เฉิน นายรู้จักกับคุณชายสามเซี่ยได้ยังไง?” โจวเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น “เพิ่งรู้จัก”
ทุกคน “...”
“ฉู่เฉิน นายไปก่อนเถอะ” ซ่งเสียหยางมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาที่ค่อนข้างซับซ้อน
หลังจากที่ฉู่เฉินเดินออกไป ลูกสาวคนที่สองของตระกูลซ่งมองไปที่เอกสารการหย่าบนโต๊ะ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อีกไม่นานก็ถึงเวลาที่ลุงจางกำหนดแล้ว พลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินกำลังจะหมดลง ให้เขาไปคุยแบบนี้ ถ้าคุยไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำให้ตระกูลเซี่ยไม่พอใจ...”
“คงไม่นานหรอก” ซ่งเสียหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ สถานการณ์ของตระกูลซ่งในตอนนี้ ถ้าสามารถบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับตระกูลเซี่ยได้ นั่นคือการพลิกสถานการณ์ครั้งใหญ่ แม้ว่าจะมีความหวังเพียงน้อยนิด เขาก็อยากจะคว้ามันเอาไว้
“ฉู่เฉินพูดไม่กี่ประโยคยังไม่รู้เรื่องเลย อยากจะทำให้คุณชายเซี่ยไม่พอใจ คงจะยาก” หลินซิ่นผิงยิ้ม “ฉันคิดออกแล้ว บางทีคุณชายเซี่ยอาจจะได้ยินชื่อเสียงของฉู่เฉิน อยากหาความสนุกก็ได้”
ห้องประชุมข้างๆ
ฉู่เฉินกับเซี่ยเป่ยนั่งประจันหน้ากัน
“ฉันเป็นคุณชายสามของตระกูลเซี่ย ส่วนนายเป็นลูกเขยคนที่สามของตระกูลซ่ง พวกเราก็ถือว่ามีวาสนาต่อกันอยู่เหมือนกันนะ” เซี่ยเป่ยมีรอยยิ้มบนใบหน้า กวาดตามองฉู่เฉิน “แต่ฉันได้ยินมาว่า ลูกเขยคนที่สามของตระกูลซ่งเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน แถมยังเป็นคนปัญญาอ่อนอีก”
ฉู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม “แล้ว?”
“แล้ว? ฉันรู้สึกว่า พวกเขาต่างหากที่เป็นคนปัญญาอ่อน” เซี่ยเป่ยหัวเราะเสียงดัง แววตามีความสงสัย “นายให้ความรู้สึกแปลกๆ กับฉัน การทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในห้องโถงจัดเลี้ยงเมื่อกี้ ฉันเองก็เห็นกับตา ฉันไม่เชื่อว่า คนปัญญาอ่อนจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ฉู่เฉิน ทำไมนายต้องแกล้งบ้าอยู่ในตระกูลซ่ง?”
ฉู่เฉินกำลังจะเอ่ยปาก เซี่ยเป่ยก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง ขยิบตาให้ฉู่เฉิน “ฉันเข้าใจ คุณหนูสามซ่งงดงามราวนางฟ้า ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ยอมอยู่ข้างๆ เธออย่างโง่เขลาไปตลอดชีวิต”
ฉู่เฉินตกตะลึง
เมื่อกี้อยู่ในห้องประชุมข้างๆ ซ่งเสียหยางเดินเข้าเดินออกหลายครั้ง ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าแขกคนสำคัญจากตระกูลเซี่ยเป็นคนเย็นชา
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไอ้หมอนี่เป็นคนเจ้าชู้
ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อกี้จะถามเขาว่า ต้องการประเทศหรือหญิงงาม เขาต้องชอบอย่างหลังมากกว่าแน่ๆ
เซี่ยเป่ยดูเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองเสียกิริยา รีบนั่งตัวตรง พูดอย่างจริงจังว่า “ก่อนวันนี้ ฉันก็คิดเหมือนกับนาย เมื่อก่อน ฉันคิดว่ามีหญิงงามเป็นเพื่อน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”
ฉู่เฉิน “...”
“แต่แปดคำที่นายพูด ทำให้ฉันตาสว่าง” สายตาของเซี่ยเป่ยลุกโชน “กุมอำนาจปกครองแผ่นดินอย่างตื่นตัว เอนกายลงนอนบนตักของหญิงงามอย่างเมามาย ชีวิตที่อิสระเสรีแบบนี้ มันยอดเยี่ยมแค่ไหน นี่แหละคือสิ่งที่ฉัน เซี่ยเป่ยต้องการ”
เซี่ยเป่ยมองไปที่ฉู่เฉิน เห็นว่าฉู่เฉินมีสีหน้าที่สงบนิ่ง อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ทำไมนายไม่ตื่นเต้น?”
มุมปากของฉู่เฉินกระตุกเล็กน้อย คุณชายเซี่ยคนนี้สมองไม่ปกติหรือเปล่า?
“เข้าเรื่องกัน” เซี่ยเป่ยพูดพลางกางมือออก “นายรู้ไหมว่าทำไมคุณปู่ถึงได้ส่งฉันมาติดต่อกับตระกูลซ่งพวกนาย? เพราะว่า ในตระกูลเซี่ย ไม่มีใครสนใจความร่วมมือกับตระกูลซ่งเลยสักคน พวกเขาถึงได้ส่งฉันมาให้มันจบๆ ไป”
“ฉันเป็นคุณชายสามของตระกูลเซี่ยที่ไม่เคยทำอะไรจริงจัง นายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านซึ่งไม่มีใครเห็นหัว ลูกเขยคนที่สาม” เซี่ยเป่ยหัวเราะออกมา “ทันใดนั้นฉันก็พบว่า พวกเราเป็นคู่ที่เพอร์เฟ็กต์จริงๆ ถ้าพวกเราสองคนร่วมมือกัน สร้างอาณาจักรขึ้นมาในเมืองฉาน นายว่า จะทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ไหม?”
หัวใจของฉู่เฉินเต้นแรงขึ้น สบตากับเซี่ยเป่ย “นายเป็นคุณชายสามของตระกูลเซี่ย มีคอนเน็กชั่นและทรัพยากรมากมาย ฉันเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ ช่วยอะไรนายไม่ได้หรอก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แค่แปดคำที่นายมอบให้ฉัน มันก็คุ้มค่าที่ฉันจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นนี้ให้นายแล้ว” เซี่ยเป่ยตบไหล่ของฉู่เฉิน ดวงตามีความมุ่งมั่น “เสี่ยวเฉิน นายลงมือทำเลย มีอะไร พี่เป่ยช่วยเอง”
โทรศัพท์ของเซี่ยเป่ยดังขึ้นมาทันใด เขาหยิบขึ้นมามอง ดวงตาเป็นประกาย “เอาล่ะ เสี่ยวเฉิน พรุ่งนี้เที่ยงฉันจะไปหานาย คุยกันเรื่องรายละเอียดอีกที”
เซี่ยเป่ยรีบจากไป
ฉู่เฉินมองไปที่แผ่นหลังของเซี่ยเป่ยที่หายลับไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน
“แปดคำ...”
ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ของคุณชายสามเซี่ย น่าเป็นห่วง
คุณชายจากตระกูลเซี่ยแห่งเมืองหยางผู้นี้ แม้ว่าจะมีสถานะสูงส่ง แต่ตอนนี้กลับให้ความรู้สึกไม่น่าเชื่อถือกับฉู่เฉิน
ฉู่เฉินไม่รู้ว่า แม้ว่าเซี่ยเป่ยจะรีบไป แต่ตอนที่เดินผ่านห้องประชุมข้างๆ เขาก็ยังไม่ลืมทิ้งคำพูดหนึ่งเอาไว้
“ตระกูลเซี่ยกับตระกูลซ่งสามารถร่วมมือกันได้ เงื่อนไขคือ ตัวแทนของตระกูลซ่ง จะต้องเป็นฉู่เฉินเท่านั้น”
ตอนที่ฉู่เฉินกลับมา คนตระกูลซ่งยังไม่ทันได้ตั้งตัว
จะต้องเป็นฉู่เฉินเท่านั้น!
ประโยคนี้ของคุณชายเซี่ย ทำให้ฉู่เฉิน ลูกเขยที่กำลังจะถูกตระกูลซ่งทอดทิ้ง กลายเป็นบุคคลสำคัญขึ้นมาทันที
ทุกคนต่างก็มองไปที่ฉู่เฉิน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังคงไม่เข้าใจ
คุณชายเซี่ย ชอบใจไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้ตรงไหนกัน
“หรือว่านี่คือ คนโง่ย่อมมีโชคของคนโง่?” หลินซิ่นผิง พี่เขยคนโต อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความรู้สึกริษยา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ถ้าจะหาคนเป็นตัวแทนของตระกูลซ่งไปเจรจาความร่วมมือกับตระกูลเซี่ยจริงๆ เขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดสิ!
เขาอยากจะบอกว่า คุณชายเซี่ยตาบอด! แต่เขาไม่กล้า
“คุณพ่อ งั้นเอกสารฉบับนี้ต้องเซ็นไหม?” พี่สาวคนที่สองของตระกูลซ่งกล่าว “ลุงจางบอกอย่างชัดเจนว่า พลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินหมดลงแล้วในตอนนี้ แถมถ้าให้ฉู่เฉินไปเจรจาความร่วมมือกับตระกูลเซี่ย ข่าวแพร่ออกไป คงจะทำให้คนทั้งเมืองหัวเราะจนฟันร่วง”
ซูเยว่เซียนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
คุณชายเซี่ยระบุว่าต้องการพบฉู่เฉิน แต่ไม่มีใครในตระกูลซ่งเชื่อใจฉู่เฉิน
“สิ่งที่ชิ่งชิ่งกังวลเมื่อกี้ก็มีเหตุผล” ซูเยว่เซียนกล่าว “ถ้าฉู่เฉินทำให้ตระกูลเซี่ยไม่พอใจเพราะความร่วมมือครั้งนี้ ผลลัพธ์คงจะไม่คาดคิด”
พี่สาวคนที่สองของตระกูลซ่ง ซ่งชิ่ง
พี่สาวคนโตชื่อซ่งหยุน
“ฉันเข้าใจแล้ว” ซ่งหยุนก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เบิกตากว้าง “พวกเธอคิดดูสิ ลุงจางบอกว่าหลังจากคืนนี้ พลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินจะหมดลง นั่นหมายความว่า ต่อไปฉู่เฉินจะต้องมีแต่เรื่องซวย การปรากฏตัวของคุณชายเซี่ย ไม่ใช่โอกาส แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความโชคร้าย ถ้าฉู่เฉินไปติดต่อกับตระกูลเซี่ยจริงๆ จะนำพาหายนะมาสู่ตระกูลซ่ง”
ทันทีที่พูดจบ คนตระกูลซ่งก็รู้สึกใจหาย
ยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากลัว
“ห้าปีก่อน พลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินช่วยชีวิตตระกูลซ่ง ห้าปีต่อมา จะปล่อยให้ความโชคร้ายของเขามาทำลายตระกูลซ่งไม่ได้” หลินซิ่นผิงลุกขึ้นยืน “คุณพ่อ เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ รีบให้ฉู่เฉินเซ็นชื่อเถอะครับ”
ซ่งเสียหยางครุ่นคิด
“พวกเขาพูดถูก” ซูเยว่เซียนเอ่ยปาก “ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าไม่เซ็น คุณชายเย่จะไม่พอใจ”
คุณชายเย่ เย่เส้าหวง
คนตระกูลซ่งต่างก็รู้ดีว่า เย่เส้าหวงต้องการตามจีบซ่งเหยียน
ซ่งเสียหยางชั่งน้ำหนักดูแล้ว มองไปที่ฉู่เฉิน “เซ็นชื่อเถอะ”
ฉู่เฉินมองไปที่ซ่งเหยียน
ห้าปี
ความทรงจำตลอดห้าปีที่ถูกยันต์สะกดวิญญาณผนึกไว้ ในสายตาของฉู่เฉิน สิ่งเดียวที่มีค่า ก็คือความทรงจำเกี่ยวกับหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ คนนี้
ฉู่เฉินสนใจแค่ท่าทีของซ่งเหยียน
ถ้าเธออยากเซ็น ฉู่เฉินก็จะจากไปอย่างสบายใจ
ถ้าเธออยากให้เขาอยู่ ฉู่เฉินก็จะอยู่กับเธอจนถึงที่สุด
ร่างกายของซ่งเหยียนสั่นเทาเล็กน้อย ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอ ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น “หายนะที่พวกคุณพูดถึง มันเป็นแค่ความเป็นไปได้ที่พวกคุณคิดขึ้นมาเอง คุณชายเซี่ยบอกอย่างชัดเจนก่อนจากไปว่า ถ้าฉู่เฉินเป็นคนไปเจรจา ทั้งสองตระกูลก็จะร่วมมือกัน ทำไมไม่ให้โอกาสฉู่เฉินล่ะ”
“น้องสาม วันนี้เธอเป็นอะไรไป?” ซ่งชิ่งรู้สึกแปลกๆ “ทำไมถึงได้พูดแทนไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้”
“วันนี้ ฉันไม่ได้ปฏิเสธที่จะเซ็นเอกสารการหย่าฉบับนี้” ซ่งเหยียนกล่าว “ฉันแค่พูดความจริงออกมา ส่วนคุณชายเย่ที่พวกคุณพูดถึง ฉันพูดตรงๆ เลยว่า ต่อให้ฉันกลับมาเป็นโสด ฉันก็จะไม่ยอมรับการตามจีบของเขา”
สายตาของซ่งเหยียนมุ่งมั่น แววตาของเธอใสกระจ่าง “ความปรารถนาวันเกิดครบรอบ 23 ปีของฉัน ก็คืออยากจะตัดสินใจด้วยตัวเองสักครั้ง ให้โอกาสฉู่เฉินพลิกสถานการณ์ พวกเราต่างก็เชื่อลุงจาง ลุงจางบอกอย่างชัดเจนว่า ห้าปีมานี้ พลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินช่วยให้ตระกูลซ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมา ทำไมตระกูลซ่งของเราถึงไม่ตอบแทนเขาสักครั้ง? ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการให้โอกาสตระกูลซ่งด้วย ประการที่สอง ฉันไม่ชอบเย่เส้าหวง”
“เหยียนเหยียน ลูกจะคิดแบบนี้ไม่ได้นะ” ซูเยว่เซียนกล่าว “เย่เส้าหวงดีกว่าฉู่เฉินเป็นร้อยเป็นพันเท่า”
“ต่อให้เขาดีกว่าฉู่เฉินเป็นหมื่นเท่า เขาก็ไม่ใช่คนที่หนูชอบ” ซ่งเหยียนกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น ประการที่สองที่หนูพูดเมื่อกี้ เป็นความคิดของหนู ไม่เกี่ยวกับฉู่เฉิน”
“น้องสาม” ซ่งหยุน พี่สาวคนโตกำลังจะเอ่ยปาก
ในตอนนี้ เสียงหนึ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็ดังขึ้น...
“ความปรารถนาวันเกิดครบรอบ 23 ปี”
ฉู่เฉินหยิบเอกสารการหย่าฉบับนั้นขึ้นมา
ภายใต้สายตาของทุกคน
ฉู่เฉินยื่นมือออกไปทันใด ฉีกเอกสารการหย่าเป็นชิ้นๆ สุดท้ายก็โยนขึ้นไปบนฟ้า
เศษกระดาษสีขาวปลิวว่อนเหมือนกับหิมะ
“ซ่งเหยียน สุขสันต์วันเกิด”