บทที่ 432 : หนึ่งเหรียญทอง (2)
บทที่ 432 : หนึ่งเหรียญทอง (2)
“ฮานแล้วที่นั้นมีกี่คนล่ะ?”
ณ สถานที่นัดพบบริเวณรอบนอกป่า
เจนน่าเดินเข้ามาหาฉันแล้วถาม
“เยอะมาก นับไม่ไหว”
“มีมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?!”
“มันแย่มากที่ฉันหายใจไม่ออก ป่าทั้งป่าเต็มไปด้วยกลิ่นสาบสัตว์แปลกๆ”
คิชาช่าย่นจมูกของเธอ
คาทีโอที่กำลังตรวจสอบวงกลมเวทย์มนตร์ค้นหาที่ตั้งตรงมุมห้องก็เปิดปากของเขาพูดบางอย่างออกมา
“บางทีกองทัพของคริสตจักรก็อยู่ในป่าเช่นกัน ถ้ารวมสัตว์ประหลาดและกองทัพของคริสตจักรเข้าด้วยกัน กองกำลังมันจะไม่เกินหมื่นคนเลยเหรอ?”
"หมื่นคน? นั่นมันค่อนข้าง…รุนแรงมาก”
“ฉันมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ยังไง? ฉันถูกหลอกให้มาที่นี้”
คาทีโอพูดด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
เฟรียซิสปิดปากเธอแน่นด้วยสีหน้ามืดมน
ทุกคนมีท่าทีการแสดงออกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"ฉันควรทำอย่างไรดี? มีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม? เราพยายามทำให้อะเซนิสเปลี่ยนใจ ดังนั้นฉันเดาว่ามันก็มรโอกาสที่พวกเขาจะช่วยเราใช่ไหม?”
หากเขาช่วยเราหากเป็นเช่นนั้นเราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
แม้ว่าผู้สืบทอดและกองกำลังจะถูกกำจัดออกไป แต่พลังตระกูลอะเซนิสจะไม่ถูกทำลาย
จากคำบอกเล่าของเฟรียซิสพวกเขายังคงมีกองกำลังจำนวนมาก
พวกเขาแค่ไม่ต้องการช่วยเรา
"ฉันเสียใจ ถ้าเพียงแค่ฉันโน้มน้าวได้ดีขึ้น….”
เฟรียซิสก้มศีรษะของเธอต่ำลงกว่าเดิม
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอ สิ่งที่ผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ”
ในสถานการณ์แรกของทาวน์เนีย เราจะดำเนินภารกิจต่อไปพร้อมกับกองทัพที่แข็งแกร่งของอะเซนิส
อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ ผิดพลาดเมื่อเดลฟีนเสียชีวิตบนชั้นที่ 45
ฉันคาดหวังว่าประวัติศาสตร์จะได้รับการแก้ไข และเดลฟีนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อฉันเดินผ่านชั้นต่างๆ แต่นั่นไม่ได้เกิดขึ้น
เรื่องราวของกองกำลังอะเซนิสที่ถูกกวาดล้างยังคงเหมือนเดิม และเดิมทีอะเซนิสซึ่งปฏิบัติตามคำพูดของเฟรียซิส แต่เมื่อพวกเขาสูญเสียผู้สืบทอดไปพวกเขาก็กลับไม่ไว้วางใจเธออีกแล้ว
“สถานที่ที่เราจะเข้าไปทำภารกิจ…มันเต็มไปด้วยศัตรูไม่ใช่เหรอ?”
คาติโอมองกลับมาที่ฉัน
ฉันพยักหน้า
พวกนั้นเป็นคนของจักรวรรดิ
สามในสี่ตระกูลหลักตั้งตนเป็นศัตรูตั้งแต่แรกเริ่ม
ราชองครักษ์ของจักรวรรดิและกองกำลังของคริสตจักรต่างก็เป็นศัตรูกัน และอะเซนิสซึ่งเป็นคนเดียวที่เป็นกลางเพียงคนเดียวก็หันหลังให้ความวุ่นวายนั้น
ราวกับว่ากลุ่มติดอาวุธขนาดใหญ่ทุกกลุ่มบนทาวน์เนียหันมาต่อต้านเรา
“นี่ทำให้ฉันเป็นบ้า ฉันควรทำยังไงดี?”
คาทีโอเกาหัวอย่างประหม่าและสับสน
“เราควรจะสงบสติอารมณ์ก่อนใช่ไหม? สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นสักครั้งหรือสองครั้งซะหน่อย ถูกต้องไหม?”
“นั่นสินะ แต่ว่า….”
“ถ้าเราตั้งสติและมองหาทางออกมันทีละน้อย เราก็จะพบหนทาง เราเตรียมตัวมาอย่างหนักแต่ฉันแน่ใจว่าเราจะไม่แพ้”
“ฉันต้องวิเคราะห์สถานการณ์อีกครั้ง มาดูกันเถอะ...”
สมาชิกในปาร์ตี้ที่ 1 กำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วรีบถอยออกไปข้างนอก
"นายกำลังจะไปไหน?"
เจนน่าถาม
“ไปสูดอากาศ”
ฉันตอบเธอสั้นๆแล้วเดินออกไปนอกป่าทันที
ต่อให้เอาแต่ถกเถียงกันไปก็ไม่ได้รับคำตอบ
และปกติตอนอยู่บนบนโลกฉันก็จะออกไปเดินเล่นทุกครั้งที่สมองฉันไม่ปลอดโปร่งและติดขัด
'มันดีขึ้นนิดหน่อย'
ในป่ามืด แต่ข้างนอกก็ยังโอเค
แสงแดดส่องเข้ามา ต้นไม้และใบไม้ก็เขียวขจี
อย่างน้อยก็รู้สึกเหมือนกำลังเดินผ่านป่าจริงๆ
บริเวณรอบนอกของป่าถูกแบ่งออกเป็นสถานที่ที่สามารถไปได้และสถานที่ที่ไม่สามารถไปได้
ฉันเดินออกไปข้างนอก เดินผ่านรากและพุ่มไม้ของต้นไม้ที่สวยงามแห่งนี้ไปเรื่อยๆ
ยังไม่มีวี่แววว่าภารกิจจะสิ้นสุด ฉันวางแผนที่จะย้ายไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้จากที่นี่
'มีสัตว์ประหลาดอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?'
ฉันหยุดเดิน
มีร่างบางร่างเดินอยู่ไกลๆ
ร่างนั้นค่อยๆ เข้ามาใกล้จุดที่ฉันอยู่
มันไม่ใช่สัตว์ประหลาด
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ฉันก็ซ่อนตัวอยู่ในโพรงหญ้า
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที เจ้าของร่างนั้นปรากฏตัวก็เปิดเผยตัวตนของเขา
'พวกนั้นเป็นคนเหรอ?'
ชายสองคนกำลังเดินไปตามถนน
พวกเขากำลังเคลื่อนตัวออกไปนอกกำแพงโปร่งใสซึ่งฉันไม่สามารถไปได้
ไม่ใช่คนจากกลุ่มคริสตจักร
พวกเขาแต่งกายด้วยชุดเกราะหุ่มหนังที่ตัดเย็บอย่างดีและมีอาวุธคาดไว้กับเข็มขัด
ผู้ชายที่เดินทางซ้ายน่าจะอายุ 20 ต้นๆ
ชายที่อยู่ทางขวาดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งกว่าอีกคนมาก
“ทำไมเราถึงมาอยู่ในสถานที่แบบนี้? มีเรื่องให้ทำมากมาย”
ชายผู้มีหน้าตาหยาบกร้านบ่น
มันเป็นเสียงและน้ำเสียงที่ไม่เข้ากับใบหน้าของเขา
“มันน่าสงสัยตั้งแต่แรกเห็น ไข่หน้าตาประหลาดนั่นสามารถนำมาซึ่งความสงบสุขได้ ใครจะเชื่อได้”
“นั่นคือสิ่งที่คริสตจักรพูดไม่ใช่เหรอ? คนอย่างเราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตาม และถ้านายต้องการสืบเรื่องนี้จริงๆ แค่ส่งลูกน้องไปไม่ได้เหรอ?”
“เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ใครเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา?”
“เอาล่ะๆๆ ฉันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายก็ได้”
“ฉันอายุมากกว่านายสิบปีนะ พูดจาดีๆหน่อย!”
ชายหนุ่มทั้งสองคนเดินไปตามเส้นทางป่าทะเลาะกันตลอดเวลา
ฉันมองไปทางชายหนุ่ม ผู้ชายหน้าบูดบึ้งเรียกน่าจะเป็นพี่
ร่างกายมีความสมดุลดี และท่าเดินก็มั่นคง
'ค่อนข้างแข็งแกร่งมาเลยทีเดียว'
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ฝึกฝนมาเป็นเวลานาน
นอกจากนี้……มันมีกลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคยแต่ไม่แน่ใจ
ฉันไม่สามารถอธิบายได้
เปรี้ยะ
ฉันมองที่แขนซ้ายของฉัน
สายฟ้าสีแดงเข้มแล้วหายไป
ผมหางม้าสีน้ำตาล
ชายหนุ่มที่มีท่าทางร่าเริงมองไปทั่วป่าแล้วพูดว่า
“มีสัตว์ประหลาดมากมาย ฉันไม่สามารถนับจำนวนพวกมันได้ มันดูแออัดมาก”
“ผู้บังคับบัญชาจะไปจัดการเองหรือเปล่า? ลองคิดดูสิ ทุกวันนี้มีการโจมตีของสัตว์ประหลาดน้อยมาก และผู้บังคับบัญชาเองก็ไม่ได้พยายามรวบรวมกำลังพลเลย และนั้นหมายความว่าเขาสามารถจัดการกับพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียวหรือเปล่า? นั่นถึงจะเรียกว่าความสงบที่เท้จริง!”
“… กลิ่นนี้”
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าขมวดคิ้ว
“เราจะกลับไปรวบรวมเด็ก ๆ และโจมตีพวกนั้นเหรอ?”
“การโจมตีอะไร? เราจะจัดการศัตรูจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างไร? มันแค่น่าสงสัย”
“ผู้บังคับบัญชาทำได้! ผู้บังคับบัญชาคือใคร? ไม่ใช่ต้นแบบที่น่าชื่นชมของทหารรับจ้างทั้งหมดในทาวน์เนียเหรอ? ผู้บังคับบัญชาพิชิตดันเจี้ยนทั่วทั้งทวีปในเวลาไม่ถึง 10 ปี… ว้าว! นั่นเป็นความสำเร็จที่ไม่มีใครเคยทำได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงปฏิบัติต่อเขาเหมือนพี่ชายของฉันด้วย เพียงคำพูดเดียวจากผู้บังคับบัญชาทหารรับจ้างหลายพันคนในทาวน์เนีย จะรุมออกมากันเหมือนผึ้ง!”
"นี้!!"
“พี่โจชัว!”
“อย่าเรียกฉันว่าพี่ชาย”
“งั้นเรียกผู้บังคับบัญชาราชาทหารรับจ้างก็ได้”
“ใครคือรผู้บังคับบัญชาาชาทหารรับจ้าง”
“จะมีใครอีกไหมนอกจากพี่ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นราชาทหารรับจ้าง? ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชายคนนั้นหัวเราะอย่างเต็มที่
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแค่ในThai-novelและMy-Novelเท่านั้น