บทที่ 28 ถ่ายทำ (3)
บทที่ 28 ถ่ายทำ (3)
บ่ายวันพุธ วันที่ 11 มีนาคม
ทีม ‘สำนักงานนักสืบ’ กำลังถ่ายทำเป็นวันที่สองในเมืองพาจู จังหวัดคยองกี สถานที่ถ่ายทำวันนี้เป็นร้านกาแฟเก่าแก่ใกล้กับวิลล่า ที่เปิดเป็นร้านอาหารด้วย ทีมงาน ‘สำนักงานนักสืบ’ ประมาณสิบคนกำลังยุ่งวุ่นอยู่รอบ ๆ ร้านกาแฟ เก็บกวาดอุปกรณ์หลังจากถ่ายทำฉากเสร็จ
ในวงการภาพยนตร์มีวลีหนึ่งกล่าวกันว่า 'กางออกแล้วเก็บ'
มีความหมายถึงการกางอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาใช้งานแล้วเก็บให้เรียบร้อย หลังถ่ายทำกลางแจ้งเสร็จสิ้น กระทั่งในกองถ่ายภาพยนต์ทำเงิน ทีมงานก็จะรีบเก็บกวาดของอย่างรวดเร็ว ส่วนทีมงานถ่ายหนังสั้น พวกเขาจะต้องทำงานให้เร็วกว่าเป็นสองเท่า ทั้งหมดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิต
ทว่า…
- กึก!
ฮงฮเยยอนนักแสดงสาวแถวหน้า ขึ้นไปนั่งบนรถตู้ที่จอดอยู่ริมถนน เธอสวมเสื้อแจ็กเก็ตยาวสีขาว เอนตัวพิงเบาะพลางถอนหายใจแรง ๆ
"เฮ้อ-"
เธอสะบัดผมยาวสลวยของเธอออกไปด้านหลังอย่างสบาย ๆ ราวกับเป็นฉากจากโฆษณาแชมพู
การถ่ายทำฉาก ‘สำนักงานนักสืบ‘ ของฮงฮเยยอนจบลงแล้ว เธอใช้เวลาสองวันจากการถ่ายทำทั้งหมดห้าวันกับทีมงาน เดิมทีเธอมีคิวถ่ายทำ 3 วัน แต่เนื่องจากเธอมีตารางงานที่แน่น เธอจึงต้องถ่ายทำอย่างหนัก แถมฉากก่อนหน้านี้ก็เป็นฉากที่เล่นกับคังวูจิน พระเอกของเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ’
ขณะที่เธอปิดเสื้อคลุมตัวยาว ฮงฮเยยอนก็นึกถึงอารมณ์และฉากต่าง ๆ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจ
‘พอเธอได้ไปสัมผัสกับตัวเอง มันก็รู้สึกแตกต่างจากการดูผ่านจอภาพจริง ๆ หรือว่าฉันรู้สึกเกร็งนิดหน่อยตอนช่วงกลาง ๆ กัน? ทำไมนะ?’
เธอขบฟันตัวเองเบา ๆ ขณะตั้งคำถามกับตนเอง
'พอพยายามเทียบกับการแสดงของเขา ฉันรู้สึกว่าการแสดงของฉันยังไม่ดีพอเลย'
ฮงฮเยยอนรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างฝีมือการแสดงของเธอกับคังวูจิน แต่เธอถึงเป็นนักแสดงชั้นนำ ส่วนคังวูจินเป็นนักแสดงโนเนม ทว่าถึงอย่างนั้น เธอก็ยังรู้สึกว่าห่างกัน รู้สึกห่างไกล
'ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนกับว่าตั้งแต่ช่วงกลาง ๆ การถ่ายไปฉันก็ดื้อมาก'
เธอถึงขั้นขอให้ผู้กำกับชินดงชุนถ่ายทำใหม่อีกครั้งด้วยความไม่พอใจ ยิ่งถ่ายทำหลายครั้ง ความดุดันของคังวูจินในบทคิมรยูจินก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ช่องว่างกลับยังคงไม่ลดลงเลย
แน่นอนว่าการแสดงของเธอก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมดเสียีทเดียว
ไม่ใช่ว่าแย่ มันค่อนข้างจะดีด้วยซ้ำ ผู้กำกับชินดงชุนก็พอใจ อย่าลืมสิว่าฝีมือการแสดงของฮงฮเยยอนจัดว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของเกาหลี เพียงแต่ว่า คังวูจินแค่เก่งเกินไป
‘เขาทำได้ยังไงกัน? ตอนฉันเห็นเขา มันรู้สึกเหมือนเขาอยู่ในวงการละครมานานหลายปีเลย แววตาของเขา…ทั้งหมดมันเป็นแค่พรสวรรค์งั้นเหรอ?’
เธอได้เข้าร่วมแสดง ‘สำนักงานนักสืบ’ เพื่อที่จะทำความเข้าใจการแสดงอันยอดเยี่ยมของคังวูจิน แต่หลังจากที่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง เธอก็ยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวายมากขึ้นไปอีก ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังได้พบกับความประหลาดใจครั้งใหม่ด้วย
“... บทตัวละครคิมรยูจินมีแตกต่างจากรองหัวหน้าพัคอย่างสิ้นเชิง เขาแยกแยะตัวละครสองตัวนี้อย่างชัดเจนขนาดนี้ได้ยังไง แถมยังต้องมาแสดงสองเรื่องพร้อมกันแบบนี้อีก?”
รองหัวหน้าพัคเป็นคนเจ้าเล่ห์และโรคจิต ในขณะที่คิมรยูจินเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป คังวูจินสามารถแสดงเป็นรองหัวหน้าพัคและคิมรยูจินแยกจากกันออกได้โดยสิ้นเชิง นี่เป็นทักษะที่นักแสดงมือใหม่ไม่มีทางทำได้เลย
“หรือว่าเขาจะเป็นคนมีหลายบุคลิก-”
การมีหลายบุคลิก ใช่แล้ว เขาดูเหมือนคนมีหลายบุคลิกเลย มีบุคลิกที่แตกต่างอยู่ในตัวเดียว เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮงฮเยยอนก็ถอนหายใจออกมา
“ของแบบนั้นถ้าฉันเรียนรู้บ้างจะทำได้หรือเปล่านะ?”
กระทั่งคังวูจินที่เรียนรู้การแสดงด้วยตัวเองยังทำได้ เธอไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นเธอต้องเฝ้ามองดูคังวูจินต่อไป เพราะเธออยากแสดงให้ดีกว่าเดิม
ขณะฮงฮเยยอนกำลังคิดบางอย่าง…
- ติ๊ด
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาหัวหน้าสังกัดของเธอ นั่นคือซีอีโอชเวซองกุน
"พี่คะ! ค่าเซ็นสัญญากับคังวูจินเท่าไรเหรอคะ?? อะไรนะ? มันไม่ต่ำไปหน่อยเหรอ??”
ในขณะเดียวกัน ภายในร้านกาแฟที่กำลังเก็บกวาดอุปกรณ์หลังการถ่ายทำ
คังวูจินนั่งอยู่ข้างหน้าต่างร้านกาแฟที่ดูเก่าและโทรม กำลังรอขึ้นรถไปกับทีมงาน ชุดของเขาวันนี้ยังคงเป็นชุดที่ใส่เพื่อใช้ในการแสดงเป็นคิมรยูจิน
แต่ใบหน้าของเขากลับไร้อารมณ์
'ฉันทำได้'
มีฉากหนึ่งที่ฮงฮเยยอนกอดคังวูจินจากด้านหลัง มันไม่ใช่การกอดที่เต็มไปด้วยความรัก แต่มันเป็นฉากที่ทำให้เขาต้องขนลุกชัน ทว่าถึงจะเป็นการกอดจากข้างหลัง มันก็คือการกอดอยู่ดีนั้นแหละ ความอบอุ่นจากตัวของฮงฮเยยอนยังคงติดอยู่ที่หลังของคังวูจิน มันเป็นสิ่งที่ทำให้คังวูจิน ผู้เป็นเพียงหนุ่มน้อยคนธรรมดาคนหนึ่งยิ้มออกมาแก้มปริ
'ไม่มีทางน่า ฉันได้ถูกกอดจากด้านหลังโดยฮงฮเยยอนงั้นเหรอ? งั้นตอนนี้ฉันก็มีเรื่องอีกอย่างที่จะไปคุยโม้กับคิมแดยองแล้ว'
ทันใดนั้นเอง
"คังวูจิน"
เสียงชายคนหนึ่งปลุกคังวูจินออกจากภวังค์ เมื่อหันกลับมา ก็เห็นผู้กำกับชินดงชุนยิ้มให้
"คิดอะไรอยู่เหรอครับ หน้าถึงดูจริงจังขนาดนั้น?"
คังวูจินไม่อาจเปิดเผยว่าเขากำลังคิดเรื่องการถูกโอบกอดจากด้านหลังได้ แถมเพราะกำลังอยู่ในกองถาย เขาจึงได้แต่ต้องรักษาภาพลักษณ์ คังวูจินเลยพึมพำออกไปอย่างเคร่งเครียด
“ผมกำลังคิดถึงฉากต่อไปครับ”
ไม่เคยมีการโกหกอะไรที่โจ่งแจ้งมากไปกว่านี้แล้ว ทว่าผู้กำกับชินดงชุนก็เพียงรับฟังและเก็บบทการถ่ายทำไว้ในกระเป๋ากางเกงหลัง โดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“อย่าหักโหมเกินไปนะครับ คุณทำมามากเกินพอแล้ว ถ้าคุณเป็นอะไรไป เราคงจะต้องหยุดทุกอย่างรู้ไหมครับ?”
“ผมจะระวังครับ”
ผู้กำกับชินดงชุนพูดพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยแล้วนั่งลงข้าง ๆ คังวูจิน
“คุณคังวูจินยังไม่ได้เซ็นสัญญากับสังกัดไหนใช่ไหมครับ?”
"ใช่ ยังครับ"
“คุณคงได้รับนามบัตรเยอะแน่ ๆ ตอนไปอ่านบท 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ใช่ไหมครับ?”
อะไรเนี่ย? ฉันควรต้องเตรียมตัวใช่ไหม? ขณะที่คังวูจินจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ผู้กำกับชินดงชุนก็ยักไหล่
“ผมเคยเป็นผู้กำกับละคร ผมเก่งนะคุณรู้ไหม? มีตัวแทนจากวงการบันเทิงจํานวนมากมาเข้าร่วมในการอ่านบทผมด้วย ผมเลยคิดว่าถ้าพวกเขาเห็นคุณ พวกเขาจะให้นามบัตรกับคุณอย่างแน่นอน”
"อย่างนั้นเหรอครับ?"
"คุณกังวลไหมครับ? เอ่อ... ผมเองก็ไม่รู้จะแนะนำอะไรคุณดี แต่ส่วนใหญ่มือใหม่หรือคนที่ไม่มีชื่อเสียง มักจะไม่ได้โบนัสเซ็นสัญญาตอนเข้าสังกัด กลับกัน บางคนถึงขั้นต้องเสียเงินเพื่อเข้าสังกัดเลย”
“…”
"การพัฒนาคนใหม่ต้องใช้เงิน พวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายลงทุน หน้าใหม่หรือโนเนมจึงมักจะเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 หรือ 7 ปี ซึ่งจะใช้เวลากันอย่างน้อย 3 ถึง 4 ปี จึงจะเริ่มทำกำไรได้”
ณ จุดนี้เอง สีหน้าของผู้กำกับชินดงชุนเปลี่ยนไป
“แต่คุณคังวูจินควรได้รับโบนัสเซ็นสัญญานะครับ คุณเป็นคนพิเศษรู้ไหม? ตอนนี้คุณคงสามารถทำเงินจากการแสดงได้เลย เรียกว่าอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อเลยด้วยซ้ำไป คือว่าผมไม่ได้พูดถึงงานของผมนะครับ ผมพูดถึง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'”
“ครับ”
“คุณรู้ใช่ไหมว่าPDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมีเก่งแค่ไหน? แม้แต่นักแสดงชั้นนำยังเข้าร่วมโปรเจคของพวกเขาได้ยากเลยครับ”
ที่จริงฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าปกติฉันควรได้ค่าตัวเท่าไร? ขณะที่คังวูจินกำลังจะถามคำถามที่อยู่ในใจออกไป ผู้กำกับชินดงชุนก็ให้คำตอบล่วงหน้า
“เหตุผลที่บริษัทบันเทิงตามล่าหาตัวคุณ เพราะพวกเขาอยากได้คนที่ไม่ต้องฝึกฝน ซึ่งปกติมันจำเป็นต้องใช้จ่ายไปหลายล้านวอน มันมหาศาลกว่าที่คุณคิดมากเลยนะครับ ทั้งเวลาและเงิน แต่ถ้ามีคุณเข้าสังกัด มันก็จะย่นระยะเวลาที่ต้องไปฝึกนักแสดง 3 ถึง 5 ปี”
“ผมพอรู้บ้างอยู่ครับ”
“แต่สิ่งที่น่ากลัวที่แท้จริงคือความไม่แน่นอน พวกเขาปั้น ดัน ลงทุน โปรโมท วิ่งเต้นหาผู้กำกับและผู้จัดการช่วยหางาน สุดท้ายถ้าคุณทำพลาด แม้จะปั้นใครมา 3 ปี ก็คงมีแค่คนเดียวเท่านั้นในร้อยคนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนที่เหลือก็ล้มเหลวกันถ้วนหน้า บางคนคัดบทบาทตัวประกอบไม่ได้ด้วยซ้ำ”
วงการบันเทิงน่ากลัว แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ภายในใจของคังวูจินนั้นหวั่นไหวไปหมด จากนั้นเอง ผู้กำกับชินดงชุนก็ชี้ไปที่คังวูจินทันที
"แต่คุณตอนนี้ล่ะ คุณคังวูจิน? คุณเป็นพระเอกเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' ของเราใช่ไหม? และในเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ล่ะครับ?"
"ผมเป็นนักแสดงสมทบครับ"
"คุณเพิ่งเริ่มต้นอาชีพนักแสดง แต่คุณก็เป็นพระเอกและนักแสดงสมทบแล้ว หากเป็นไปตามปกติมันต้อง 3 ถึง 5 ปีเลยว่าไหมครับ? แถมการแสดงของคุณตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไร แต่คุณก็มีแววเป็นดาวเด่นอีกด้วย บางคนถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อรับบทบาทรอง แต่คุณกลับสามารถสร้างโอกาสมากมายกว่านั้นด้วยตัวของคุณเอง คุณคิดว่าบริษัทสังกัดใหญ่ ๆ จะไม่อยากได้ตัวคุณกันเหรอ?”
มันก็สมเหตุสมผลดี พอฟังเขาพูดไปเรื่อย ๆ แล้ว ระหว่างนั้นเอง ผู้กำกับชินดงชุนได้กอดอกหยุดคิดสักพักแล้วจึงพูดอีกครั้ง
"ในความคิดของผม คุณสามารถขอโบนัสการเซ็นสัญญาอย่างน้อย 20 ล้านได้เลย"
คังวูจินตกใจมาก แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตกใจจนออกนอกหน้านอกตา
'อะไรนะ?! 20 ล้านวอนเลยงั้นเหรอ???'
หลังจากนั้น
ในเวลาที่คังวูจินกลับมาถ่ายทำ 'สำนักงานนักสืบ' อีกครั้ง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ก็ได้โปรโมทมากมายเหมือนน้ำตกหลังจากเสร็จสิ้นการอ่านบททันที
『[ซุบซิบดารา] 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' เริ่มการอ่านบทแล้ว มีดาราเข้าร่วมมากมาย』
『จะเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่? การอ่านบทของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' เกิดขึ้นในคอนโดเช่า เนื้อหาจะน่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่ข่าวลือว่ากันไหม?』
ข่าวมาภร้อมภาพโปรโมทจากการอ่านบทที่เต็มไปด้วยนักแสดงชั้นนำและบทสัมภาษณ์สั้น ๆ ของนักแสดง บทความต่าง ๆ ที่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือก็ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนตามสื่อต่าง ๆ
『[ประเด็นบันเทิง] 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' " วางแผนออกอากาศครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมนี้"』
『'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' มีแนวโน้มที่จะออกอากาศในวันศุกร์และวันเสาร์ คาดว่าจะมีการถ่ายทำในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้』
『ใครคือนักแสดงขโมยซีนตามที่นักเขียน 'พัคอึนมี' กล่าวถึงกัน?』
โปสเตอร์แรกที่ประกาศธีมของละครก็ได้รับการเผยแพร่เช่นกัน บนฉากหลังควันสีดำและเทา รูปถ่ายของนักแสดงนำ รวมถึงรยูจองมินและฮงฮเยยอน ปรากฏอยู่ด้านล่าง เน้นย้ำถึงบรรยากาศของละครเรื่องผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยา
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงโปสเตอร์แรก มันจะถูกเปลี่ยนอีกทีเมื่อโปสเตอร์อย่างเป็นทางการถูกปล่อยออกมา ทว่าเพียงแค่นี้ มันก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการส่งข่าวเรื่องการถ่ายทำไปยังสาธารณชนแล้ว อีกทั้งวันพรุ่งนี้ มันตรงกับวันพฤหัสบดี ตัวอย่างตัวแรกของเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' จะถูกปล่อยออกมาทางช่องยูทูปอย่างเป็นทางการของละครเรื่องนี้
– มาแอบดูการอ่านบทของเหล่านักแสดงชั้นนำกันเถอะ ห้ามพลาดเด็ดขาด!!|ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาเสเพล
-[SBC]/ซับอังกฤษ
-2020. 3. 12
วิดีโอสั้น ๆ ความยาว 30 วินาที เน้นแค่การอ่านบท แต่ยอดรับชมของวิดีโอนี้ไม่ได้สั้นเลย
- ผู้ชม 1,001,332
เป็นเพราะความคาดหวังอันมมากมายงั้นเหรอ? หรือเพราะมีดาราดังจำนวนมากมาเข้าร่วมด้วย? วิดีโอตัวอย่างมียอดผู้เข้าชมทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาเพียงหนึ่งวันหลังจากอัปโหลด
***
หลังจากนั้น ในช่วงบ่ายแก่ของวันเสาร์ อีกสองวันต่อมา
คังวูจินน่าจะอยู่ที่ห้องน้ำชั้นสองของวิลล่าในเมืองพาจู ไม่สิ ตอนนี้เขาคือคิมรยูจิน แววตาเบิกกว้างด้วยความระมัดระวัง เขาเอาตัวแนบชิดกับผนัง ค่อย ๆ ยกตัวบังประตูไว้
เขาอยู่อย่างนั้นประมาณ 10 วินาที
ทันใดนั้น มีคนตะโกนร้องออกมาจากห้องน้ำชั้นสองที่เงียบสงัดอย่างน่าขนลุก
“คัต!! โอเคแล้วครับ!!!”
คนที่รีบวิ่งมาหาคังวูจินที่ยังคงมีสติอยู่นั้นคือผู้กำกับชินดงชุนที่ตาแดงก่ำ
"ขอบคุณมากเลยครับ คุณทุ่มเทมากเลยนะครับ คุณคังวูจิน!"
"คุณก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ผู้กำกับ"
เพราะตอนนี้ การถ่ายทําหนังสั้น 'สำนักงานนักสืบ' เสร็จสิ้นลงแล้ว
ในวันเดียวกันนั้น ช่วงกลางดึก
ทีม ‘สำนักงานนักสืบ’ รวมถึงคังวูจิน รับประทานมื้อค่ำแบบสบาย ๆ ที่ร้านเนื้อย่างใกล้ที่พักของพวกเขาในเมืองพาจู มันเลยเวลา 4 ทุ่มมาแล้ว ฮงฮเยยอนที่ต้องออกไปกลางคันตามกำหนดการจึงไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย อ่า แน่นอนว่าคังวูจินกำลังคิดถึงเธออยู่
แต่ช่างเถอะ
“ขอหมูสามชั้น โต๊ะละ 3 ชุดเลยครับ!”
“ได้ครับ ได้ครับ-”
“แล้วก็ขอโซจู 3 ขวดก่อนนะครับ!”
ที่โต๊ะสี่ตัวที่วางไว้ต่อกัน ปาร์ตี้เลี้ยงส่งของทีมงาน ‘สำนักงานนักสืบ’ ประมาณ 15 คนได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว
“น่าเสียดายนะ ฉันชอบวิลล่านั้นจริง ๆ”
“ใช่ มันรู้สึกเหมือนบ้านของตัวเองเลย”
"ฮ่าฮ่าฮ่า! งั้นแค่ทำงานอย่างหนักคุณก็ซื้อวิลล่าได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“นี่ ไม่รู้เหรอว่าทำไมเขาถึงเรียกมันว่าวิลล่า? ที่เขาเรียกมันแบบนี้ เพราะมันเหมือนกับการดึงดาวให้ลงมาจากท้องฟ้าไงล่ะ”
ทีมงานและนักแสดงสิบคนหรือมากกว่านั้น ต่างสนิทสนมกันมากขึ้นในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ผู้กำกับชินดงชุนมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ พวกเขาหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มันเป็นช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมสำหรับผู้กํากับมือใหม่อย่างเขามาก
ในขณะเดียวกัน
“……”
ชายไร้อารมณ์ที่นั่งอยู่ข้างผู้กํากับชินดงชุน คังวูจินกำลังสวมเสื้อกันลมรูดซิปขึ้นไปถึงคอ จ้องมองแก้วของเขาเงียบ ๆ แต่ที่จริงตอนนี้ เขากําลังไตร่ตรองครุ่นคิดถึง 'การถ่ายทำ' ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา
'มันรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยแฮะ รู้สึกสุขและเศร้าไปพร้อมกันเลย'
ไม่สิ มันอาจเป็นความเสียใจกระมัง คังวูจินรู้สึกเสียใจพอสมควร เพราะมันก็นานมากแล้วที่เขาได้ทำอะไรที่สุดยอดแบบนี้ในชีวิต
‘ตอนที่ได้ยินเสียงโอเค ตอนจบการถ่ายทำ...ฉันรู้สึกตื่นเต้นไปทั้งตัวเลย’
ถึงจะเป็นหนังสั้น แต่เป็นหนังเรื่องแรก การถ่ายทำเรื่องแรก บทนำเรื่องแรกของเขา
ทุกอย่างนั้นแปลกใหม่และไม่คุ้นเคยสำหรับคังวูจิน ซึ่งถึงถ่ายทำอย่างต่อเนื่องห้าวันนั้นจะยากลำบากอย่างมาก แต่มันก็สนุกเช่นเดียวกัน แม้จะเหนื่อยล้าจากสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แต่ความมหัศจรรย์และความน่าหลงใหลที่ได้รับทุกวันนั้นยิ่งใหญ่กว่า แน่นอนว่าคังวูจินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ ย่อมต้องรู้สึกกดดันตลอดเวลา
แต่กล่าวโดยสรุปคือ 'มันสนุกดี'
'เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยตอนที่เขาอยู่ที่บริษัทออกแบบ นี่งั้นเหรอการถ่ายทำหนังสั้น?’
ทันใดนั้น คังวูจินก็จินตนาการถึงความทรมานในการถ่ายทำ 'ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล’ ดูทรงแล้ว การถ่ายทำ 'สำนักงานนักสืบ' คงเป็นเพียงการอุ่นเครื่อง
'อืม- ฉันต้องเก่งให้ได้มากกว่านี้'
ยามนี้ชีวิตของคังวูจินได้เปลี่ยนไป 180 องศาแล้ว
ขณะนั้นเอง
"คุณคังวูจินคะ?"
นักแสดงหญิงคนหนึ่งเรียกชื่อคังวูจิน
"คุณไม่เหนื่อยเหรอคะ? คุณนั่งนิ่งมากเลยนะคะ”
ขณะที่หัวข้อเปลี่ยนไปเป็นคังวูจิน นักแสดงและทีมงานต่างก็เริ่มพูดคุยกันทีละคน
"ใช่เลย คุณคังวูจินไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าตลอดการถ่ายทําเลย น่าทึ่งมาก"
“ถูกต้อง ๆ ในช่วงสุดท้ายของการถ่ายทำ ก็มีแค่คุณคังวูจินเท่านั้นที่อยู่ในสภาพเดิมใช่ไหม? ผมคิดว่าผมไม่เคยเห็นเขาทำหน้าเหนื่อยเลยสักครั้งนะ”
“แถมเขาแสดงได้อย่างคงเส้นคงวาอีก นี่คุณไม่เหนื่อยเลยจริง ๆ เหรอคะ?”
ไม่เหนื่อย? ไม่เหนื่อยก็แย่แล้ว แต่การบ่นไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ที่คังวูจินพยายามสร้างเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทำหน้านิ่งและตอบไปว่า
"ผมยังไหว"
ข้างหลังเขา ผู้กํากับชินดงชุนหัวเราะและตบไหล่ของคังวูจินสองสามครั้ง
"คุณนี้มีแรงล้นเหลือจริงนะครับ แรงใจก็ด้วย พูดตามตรงเลยนะคุณคังวูจิน คุณไม่มีอะไรขาดเลยในฐานะนักแสดง ถ้าผมเป็นPD ผมคงจะรับตัวคุณเข้าไปแสดงละครทันทีเลย"
"ขอบคุณครับที่ชมครับ"
“ที่สำคัญ คุณกำลังจะไปอยู่ในกองถ่ายใหญ่ใช่ไหมครับ? เพราะงี้ล่ะมั้งคุณเลยไม่หวั่นไหวกับการถ่ายทำเรื่องนี้”
เปล่า…คือเขาลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิทเลยต่างหาก พอผู้กำกับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นักแสดงคนอื่น ๆ ก็รีบถามโดยไม่คํานึงถึงความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของคังวูจิน
"โอ้ งั้นเหรอครับ? คุณกําลังถ่ายทําเรื่องอะไรอยู่เหรอ? หนังเหรอ? หรือว่าละคร?"
"ว้าว ผมล่ะอิจฉาชะมัดยาก แต่ผมขอยอมรับเลยนะคุณคังวูจิน ด้วยทักษะการแสดงของคุณ คุณคงจะประสบความสําเร็จได้แน่นอน"
"อีกไม่นานผมคงเห็นคุณบนทีวีหรือบนหน้าจอคอมแน่ ผมรู้สึกว่าจะได้คุยโม้เรื่องคุณกับคนอื่นเลย โอ้ จริงสิ! คุณคังวูจิน ผมขอลายเซ็นต์หน่อยได้ไหมครับ?”
“ลายเซ็นต์เหรอ?”
ทันทีที่คำว่า ‘ลายเซ็นต์’ ถูกโพล่งออกมา นักแสดงทุกคนก็ยกมือขึ้น ผู้กำกับชินดงชุนจึงห้ามพวกเขาไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาไว้ทีหลังเถอะ สําหรับตอนนี้การถ่ายทําของคุณคังวูจินก็จบแล้ว พรุ่งนี้ผมจะได้เริ่มงานหลังการถ่ายทำเสียที”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขากําลังจะเริ่มการตัดต่อแล้ว
“แต่มันอาจจะมีงานพากย์เสียงเพิ่มเติมด้วย”
ผู้กํากับชินดงชุนกล่าวอธิบายสั้น ๆ สรุปคือ มันจะมีการพากย์เสียงเพิ่มเติม เพราะเสียงบรรยายหรือมีเสียงที่ผิดเพี้ยนไปจากสภาพแวดล้อมช่วงถ่ายทำ
“เราจะทำทั้งหมดให้เสร็จภายในวันเดียว ไว้ผมจะติดต่อคุณก่อนเริ่มแล้วกันนะครับ”
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องใหม่สําหรับคังวูจิน แต่เขาก็ยังพยักหน้าตอบไปอย่างใจเย็น
“ทราบแล้วครับ”
จากนั้นเขาก็ถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขาอยากรู้
“คือว่ากำหนดการของ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ประกาศออกมาหรือยังครับ?”
"ไม่ครับ ยังไม่ได้ประกาศเลย กําหนดการมักจะประกาศล่วงหน้าสองสัปดาห์ มีข่าวลือว่าน่าจะเป็นช่วงกลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนเมษายน เหลือเวลาอีกเดือนกว่า ๆ โชคดีที่งานหลังการถ่ายทํามันไม่ค่อยแน่นเกินไปนะครับ"
"อย่างนั้นเหรอครับ?"
ยามนั้นเอง คล้ายกับมีประกายไฟได้พลุ่งพล่านในดวงตาของผู้กำกับชินดงชุน
“คือว่าคัตของคังวูจินเป็นฉากที่มีคุณภาพสูงมาก ผมว่าหนังเรื่องนี้น่าจะออกมาดีแน่เลยครับ”
จากนั้นเอง...
"โอ้"
ขณะเติมแก้วโซจูของคังวูจิน ผู้กํากับชินดงชุนก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“คุณคังวูจิน คุณมีสูทอยู่ใช่ไหมครับ?”
สูทเหรอ? มีสิ เขามีอยู่ชุดหนึ่ง สูทราคาถูกที่เขาซื้อมาแบบ 1 แถม 1 สำหรับตอนสัมภาษณ์งาน
“ผมมีครับ”
“ฮึ่ม แต่ถึงคุณจะมีอยู่ ผมแนะนำว่าซื้ออีกตัวเผื่อเลยนะครับ ใช้เงินสักหน่อยแล้วก็หาชุดที่ดี ๆ”
“มีเหตุผลอะไรงั้นเหรอครับ?”
"คือว่าจริง ๆ แล้ว ก่อนที่ผมจะได้เจอกับคุณคังวูจิน ผมคิดว่ามันเป็นแค่ฝัน แต่ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนมันจะเป็นจริงแล้วล่ะครับ ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมนะ? เรื่องที่ว่าผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะมีหลายร้อยชิ้น แต่มีเพียงไม่กี่สิบชิ้นเท่านั้นที่ได้รับเลือกเข้าชิงรางวัลหลักของ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ซึ่งการแสดงของนักแสดงก็มีส่วนสำคัญในเกณฑ์การตัดสินเช่นกันครับ”
“ครับ คุณเคยเล่าให้ฟังแล้ว”
ตอนนั้นเอง ผู้กำกับชินดงชุนก็ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
“ถ้าหนังของเราได้รับเชิญเข้าสู่รอบชิง แน่นอนว่านักแสดงนำต้องเข้าร่วมเทศกาลหนังสั้นด้วยครับ”
เขาชี้ไปที่คังวูจิน
“จะมีบุคคลสำคัญจากวงการภาพยนตร์มากมายมาที่นั่น เพราะงั้นคุณเองก็ต้องแต่งตัวดูดีเหมาะสมกับงานนี้ใช่ไหมล่ะครับ?”
*****