บทที่ 22: ธิดาน้อยต้องพึ่งข้า!
อาวุธเวทแท้จริงของหลินซวน ไม่ใช่กำไลเวทหรือกระบี่ใด ๆ.
แต่เป็นดินแดนต้องห้ามคงกระพันต่างหาก.
นี่คือทักษะป้องกันอัตโนมัติที่คงกระพัน ไม่มีสิ่งใดทำร้ายเขาได้ ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าต้องการสังหารเขา.
นี่จึงเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ
แน่นอนว่าหลินซวนจะไม่เปิดเผยความลับนี้ให้ใครพบเด็ดขาด.
ดังนั้น เหตุผลของเย่โหย่วในมุมมองของหลินซวน จึงเป็นได้แค่เพียง เรื่องไร้สาระ.
“ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่? ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
ร่างกายของเย่โหย่วเต็มไปด้วยพลังปีศาจ และพลังความชั่วร้ายแผ่พุ่งลอยพัดขึ้นสู่ท้องฟ้า
แสงสีแดงโลหิตหนาแน่นปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ ทำให้จิตวิญญาณของผู้คนสั่นไหวและเดือดพล่าน
ดวงตาของหลินซวนที่เผยความเย็นชาเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาจำพลังของปีศาจโลหิตนี้ได้
เดิมทีเขาเพียงแค่ต้องการอยู่แค่ในวังหยกเลี้ยงดูบุตร แต่พลังปิศาจโลหิตที่น่ารังเกียจนี้ กับบุกรุกเข้ามา
"ดูเหมือนว่าคืนนั้นจะเป็นเจ้า"
เมื่อพบผู้กระทำผิดว่าเป็นเย่โหยว หลินซวนก็ตัดสินใจจัดการอีกฝ่ายทันที.
คนที่ต้องการทำร้ายธิดาของเขา จะต้องชดใช้!
ฟู่ ๆ ~
ปราณโลหิตระเบิดออกมา
เย่โหยวกระตุ้นพลัง "ทักษะอาคมไร้กำเนิด" ด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา พลังปราณโลหิตที่ชั่วร้ายถูกรวบรวมเอาไว้ รวมตัวกำเนิดเป็นกะโหลกศีรษะสีแดงขนาดใหญ่ขึ้น.
"ตาย!"
ความกดดันทางจิตอันทรงพลังที่เกิดจากกะโหลกสีแดงทำให้พื้นที่โดยรอบผันผวน
"แค่นี้เองรึ?"
หลินซวน ที่กระตุ้นพลังจิตวิญญาณยักษาทันที.
พลังจิตวิญาณยักษ์จากโบราณกาล กระแทกเข้ากับกะโหลกสีแดงทันที.
ปัง
ภายใต้การปะทะกัน กะโหลกสีแดงก็ถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ
เย่โหยวรู้สึกเพียงเสียงคำรามลั่นในหัวของเขา จนทำให้ดวงตาของเขาเหลือกค้างจนเปลี่ยนเป็นสีดำ
หากไม่เพราะเขามีรากฐานที่มั่นคง เกรงว่าผลกระทบนี้คงทำให้เขาหมดสติแน่.
ทว่าร่างกายของเขาก็ซวนเซยืนไม่อยู่เช่นกัน.
ร่างกายของเขาสั่นเทา และถอยหลังหนึ่งก้าว มีโลหิตไหลออกมาจากรูจมูกและมุมปาก
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”
“เขาเป็นเพียงฐานฝึกฝนอาณาจักรจักรพรรดิ พลังจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ในขอบเขตมหาปราชญ์ได้อย่างไร?”
เย่โหยวที่พบกับความน่าพรั่นพรึง จากจิตวิญญาณยักษาเข้าแล้วนั่นเอง.
"ทักษะอาคมไร้กำเนิด" ของเขาอยู่ในระดับกึ่งปราชญ์แล้ว แต่ต่อหน้าจิตวิญญาณของเทพเจ้ายักษ์โบราณที่แท้จริง มันกับดูเปราะบางอย่างยิ่ง
สิ่งที่ทำให้เขาไม่น่าเชื่อก็คือสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่นี้จริง ๆ แล้วมาจาก หลินซวน ในอาณาจักรจักรพรรดิเท่านั้น
ด้วยจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลินซวนที่มีระดับจักรพรรดิ แทบเป็นไปไม่ได้เลย.
ต้องรู้ด้วยว่า จิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง ก็ต้องมีภาชนะที่แข็งแกร่งในการบรรจุมันด้วย.
ความเข้มข้นของจิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ โดยทั่วไปแล้วจึงมีพลังเทียบเท่ากับฐานการบ่มเพาะนั่นเอง
จิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรจักรพรรดินั้นสอดคล้องกับฐานบ่มเพาะของอาณาจักรจักรพรรดิ
แม้นว่าเย่โหยวที่มีพรสวรรค์ที่ผิดปรกติแม้นจะมีพลังบ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิ แต่กลับสามารถยกระดับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงขอบเขตกึ่งปราชญ์ได้.
ทว่านี่คือขีดจำกัดของเขาแล้วเช่นกัน!
พลังจิตวิญญาณขอบเขตมหาปราชญ์ไม่สามารถแบกรับด้วยคนที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรจักรพรรดิได้.
แต่การปรากฏตัวของ หลินซวน ได้ทำลายสำนึกรู้และความเข้าใจของเย่โหยวไปโดยสิ้นเชิง
“คนผู้นี้ที่เกินจะคาดเดาได้จริง ๆ!”
ในที่สุดเย่โหยวก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“เจ้ายังมีไม้ตายอีกหรือไม่?”หลินซวนเอ่ยเล็กน้อย“ถ้าไม่มี ข้าจะโจมตีออกไปแล้ว.”
“หลินซวน อย่ากำแหงนัก!” เย่โหยวกัดฟันด้วยความโกรธ
พลังปีศาจนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานและกลายเป็นกะโหลกสีดำนับพัน
อาคมเวทที่ลึกล้ำทำให้รอบ ๆ ร่างกายของเย่โหยวราวมีภูตผี ปรากฏขึ้นมากมายไร้สิ้นสุด.
พลังปิศาจที่น่าพรั่นพรึงพลุ่งพล่านมากมายไร้สิ้นสุดปกคลุมไปทั่วตำหนักอย่างรวดเร็ว.
“มาดูว่าเจ้าจะรับดาบของข้าได้ไหม!”
“ปิศาจฟาดฟัน!”
พลังปิศาจไร้สิ้นสุดรวมตัวกันเป็นดาบอาคมขนาดร้อยจั้ง.
ร่างของเย่โหยวที่กลายเป็นปิศาจผสานเข้ากับดาบอาคมด้านหน้าทันที.
"ตาย!"
แสงสีดำดับฟันฉับลงไป เปี่ยมด้วยแรงกดดันมหาศาล
ปัง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดาบวิเศษขนาดใหญ่ระเบิดพุ่งใส่หลินซวนทว่าเขากลับไม่ขยับเลย
รัศมีปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว พร้อมรัศมีสังหารที่ทำให้โลกแตกเป็นชิ้น ๆ อย่างไรก็ตามกับไม่อาจแม้แต่ทำให้เส้นขนของหลินซวนหลุดล่วงด้วยซ้ำ.
“อ่า...นี่! เป็นไปได้ยังไง?”
คราวนี้เย่โหยวสิ้นหวังอย่างที่สุด.
การโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขา กับไม่อาจทำอะไรหลินซวนที่มีขอบเขตจักรพรรดิได้เลย.
เรื่องเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร?
เย่โหย่วรู้สึกว่าเขามีชีวิตอยู่มาหมื่นปีแล้ว ประสบการณ์ทั้งหมดทั้งมวลของเขาราวกับว่า มันใช้ไม่ได้เลย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ได้ล้มล้างโลกทัศน์ของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้น กระบี่ของหลินซวนก็ทะลวงหัวใจของเย่โหยวทันที.
ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่จิตสังหารกับรุนแรงมาก จนทำให้ปิศาจกระหายโลหิต รู้สึกหัวใจสั่นสะท้าน.
“เจ้าล่วงเกินคนผิดแล้ว รู้หรือไม่?”หลินซวนที่ดึงกระบี่ออกมา พร้อมกับเตะเย่โหยวลอยออกไป.
“สิ่งที่ข้าทนไม่ไหวที่สุดคือ มีคนวางแผนร้าย กับบุตรสาวของข้า!”
“น่าเสียดายที่เจ้าทำให้ข้าโกรธสำเร็จแล้ว!”
“ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายอย่างมีความสุข!”
หลินซวนหยิบเก็บกระบี่ วาดมือไปบนอากาศ ผสานสร้างผนึกลึกลับสีทองขึ้นมา.
“เจ้า...เจ้าจะทำอะไร?” เย่โหยวตื่นตระหนกอย่างรุนแรง.
เขารู้สึกว่าผนึกทองคำในมือของหลินซวนกำลังฉีกวิญญาณของเขาออกจากกัน.
หลินซวน เผยยิ้มเล็กน้อย: "สิ่งนี่เรียกว่าค่ายกลปราบมาร สิ่งนี้เป็นศัตรูธรมชาติกับเต๋าปิศาจ”
“เมื่อเจ้าติดอยู่ในค่ายกลนี้ สามจิตเจ็ดวิญญาณของเจ้าจะถูกแยกออกทีละส่วน ๆ จนแหลกสลายหายไปทั้งหมด.”
“เจ้าจะได้รับ...รสชาติความเจ็บปวดจนสลายหายไปทีละน้อย ๆ!”
หลังจากเอ่ยจบ หลินซวนก็โดยนผนึกใส่เย่โหยว.
ฟู่ ๆ~
แสงสีทองก็ระเบิดออกมา
ค่ายกลทรงกระบอกที่สะกดเย่โหยวเอาไว้ข้างในทันที.
จากนั้นร่างกายของเขาก็ราวกับถูกกักขังเอาไว้ในผนึกดังกล่าว.
จากนั้นก็มีพลังที่คอยชะล้างร่างกายและวิญญาณของเย่โหยวราวกับกระแสน้ำที่พัดผ่าน.
เย่โหยวเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับถูกไฟเผา ทำให้เขาร้องโหยหวนออกมา.
เพียงไม่นาน.
สามจิตเจ็ดวิญญาณของเขาที่ถูกแยกออกทีละส่วน ทำให้เขาเจ็บปวดทรมาน มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.
หลินซวนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังและจากไป.
เย่โหยวตายแล้ว และหลังจากที่เขาตาย อาณาจักรหมื่นปิศาจก็จะเสื่อมถอยลงในไม่ช้า.
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ หลินซวน ต้องคิดอีกต่อไป.
สิ่งที่เขาต้องการทำคือสังหารเย่โหยว ชายผู้อยู่เบื้องหลังการลอบโจมตีธิดาของเขา.
“หลินซวน ถึงแม้นว่าข้าจะตาย เจ้าก็ไม่มีทางสบายแน่นอน! อาจารย์ของข้า จ้าวปิศาจอู๋ซือจะต้องล้างแค้นให้กับข้าอย่างแน่นอน!”
เย่โหยวที่ตะโกนออกมาเป็นครั้งสุดท้าย.
หลินซวนที่หยุดที่ประตูและเอ่ยโดยไม่หันกลับมา“ใครสนล่ะ”
เขาที่ดีดนิ้ว ค่ายกลกำราบมาร ก็ฉีกเย่โหยวออกมาเป็นชิ้น ๆทันที.
หลังจากนั้นเขาก็เดินทางกลับมายังตำหนักหยก.
“ตี้ฟู่ ท่านยังไม่นอนอีกรึ?”
ในเวลานั้น จู่ ๆ เฟิงจี้ฟ่านก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหลินซวน.
หลินซวนที่หันหลังกลับไปและเอ่ยอย่างสุขุม“คืนนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยง่วงนัก จึงได้ออกมาสูดอากาศ”
"เข้าใจแล้ว" เฟิงจี้ฟ่านพยักหน้าและเอ่ยต่อ "ข้าได้ยินการเคลื่อนไหวและคิดว่ามีคนนอกบุกเข้ามา นั่นก็คือท่าน!"
หลินซวนเผยยิ้มเล็กน้อย: "ใช่"
ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครบุกเข้ามาที่นี่ได้ง่าย ๆ ในอนาคต
“เช่นนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาขอลา ท่านโปรดพักผ่อนเถอะ!” เฟิงจี้ฟ่านทำความเคารพและจากไป
หลินซวนส่ายหน้าและเผยยิ้ม กว่าจะมีคนรู้ว่าข้าได้วางค่ายกลเอาไว้ ข้าก็เก็บมันไปแล้ว โชคดีที่เขาอยู่กับลูก ๆ
เขาสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป พร้อมก้าวเข้าไปในห้องนอน
บนเตียง เด็กหญิงทั้งสี่กำลังหลับสบาย
แต่พวกนางดูไม่ค่อยสงบอยู่เหมือนกัน.
หลินซวน ได้ยินปากของเสวียนซี เอ่ยพึมพำเรียกเสด็จพ่ออย่างคลุมเครือ
มือเล็ก ๆ สัมผัสบนเตียงราวกับกำลังควานหาใครบางคน
ดูเหมือนว่าแม้ว่าพวกนางจะหลับไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเสด็จพ่อไม่อยู่
“เด็กน้อย ยังต้องพึ่งพาข้าอยู่จริง ๆ!”
เขาส่ายหน้าไปมา อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มและก้าวขึ้นเตียงพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะของเสวียนซี.
ท้ายที่สุดเด็กหญิงตัวเล็กก็สงบลง จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของนาง.
เสวียนจู, เสวียนหาน และ เสวียนหยู ดูเหมือนจะรู้สึกว่า หลินซวน กลับมาแล้วเช่นกัน
พวกนางที่ขยับเข้าหาหลินซวน.
ขดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของ หลินซวน เหมือนแมวน้อยน่ารัก แล้วหลับไปอย่างสงบ
“ดูเหมือนว่าในอนาคตข้าจะทิ้งพวกนางเอาไว้ในเวลากลางคืนอย่างง่าย ๆ ไม่ได้จริงๆ” หลินซวนอดไม่ได้ที่จะเผยความรักและแววตาอ่อนโยน เมื่อเห็นสิ่งดังกล่าว