ตอนที่แล้วบทที่ 17 ยึดส้วมเอาไว้แต่ไม่ยอมอึ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 ไอ้ฉู่เฉินคนนั้น

บทที่ 18 ตระกูลอันดับหนึ่ง


บทที่ 18 ตระกูลอันดับหนึ่ง

“...”

ซ่งเหยียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเธอก็ดูมืดมน

ประโยคนี้ เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่า ฉู่เฉินหายดีแล้วจริงๆ

พูดดีๆ ไม่ว่า ดันกลับมาเล่นลิ้น!

“ไสหัวไป”

ซ่งเหยียนขว้างเค้กชิ้นนั้นใส่ฉู่เฉิน

ฉู่เฉินรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง

ซ่งเหยียนมองดูประตูห้องของฉู่เฉินที่ปิดลง มุมปากของเธอกระตุก

ยึดส้วมเอาไว้...

ซ่งเหยียนรู้สึกอยากจะพุ่งเข้าไปทุบหัวฉู่เฉินอีกครั้ง

คำพูดของฉู่เฉินวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ

ครู่หนึ่งต่อมา ซ่งเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ความกังวลในใจของซ่งเหยียนหายไป

ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ตอนที่ทุกคนคิดว่าฉู่เฉินปัญญาอ่อนมาตั้งแต่กำเนิด มีแค่ซ่งเหยียนที่รู้สึกว่า เธอเป็นคนทำให้สมองของฉู่เฉินเสียหาย เธอรู้สึกผิดมาเรื่องนี้โดยตลอด ทว่าตอนนี้ เธอรู้สึกว่าร่างกายเบาสบายขึ้นเยอะ มองไปที่เค้กบนโต๊ะ ซ่งเหยียนอดไม่ได้ที่จะหั่นกินอีกชิ้น

นี่เป็นเค้กวันเกิดที่อร่อยที่สุดที่ซ่งเหยียนเคยกินเลย!

เช้าวันต่อมา

ฉู่เฉินเปิดประตูห้องออก ยืดตัวเล็กน้อย มองไปที่เค้กที่เหลืออยู่บนโต๊ะ เขาเผยยิ้มโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เดินออกจากบ้าน

ระหว่างบ้านหลายหลังของตระกูลซ่งเป็นสวน ฉู่เฉินเดินมาถึงข้างทะเลสาบ

“ทะเลสาบนี้ ดูเหมือนจะชื่อว่าทะเลสาบซ่ง” ฉู่เฉินพูดอย่างมีอารมณ์ อูฐผอมยังตัวใหญ่กว่าม้า ต่อให้วันหนึ่งตระกูลซ่งจะอยู่ในเมืองฉานไม่ได้ แค่ที่ดินผืนนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนตระกูลซ่งใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชีวิตแล้ว

เขาเดินไปตามริมทะเลสาบ จู่ๆ ฉู่เฉินก็ได้ยินเสียงกลอง

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง

สิงโตเต้นระบำอยู่บนเสาไม้

ฉู่เฉินเดินเข้าไป ชมด้วยความสนใจ

เมืองฉานมีกระแสการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ การเชิดสิงโตของเมืองฉาน ยิ่งมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ

สิบนาทีต่อมา สิงโตก็พุ่งขึ้นฟ้า กระโดดขึ้นสูง ลงพื้นอย่างมั่นคง

บอดี้การ์ดหลายคนของตระกูลซ่งเดินเข้าไป ถอดหัวสิงโตออก

ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ คนที่เชิดสิงโตกลับเป็นซ่งชิว คุณชายเล็กของตระกูลซ่ง

ซ่งชิวเช็ดเหงื่อ เดินมาหาฉู่เฉินด้วยความสงสัย “ฉันไม่เคยเห็นนายมาที่นี่ ในเวลาแบบนี้มากก่อนเลย”

ฉู่เฉินชี้ไปที่สิงโต “ไม่คิดเลยว่านายจะสนใจการเชิดสิงโตขนาดนี้”

“ก็สนใจอยู่บ้าง ปกติไม่ถึงขั้นพยายามขนาดนี้” หลังจากผ่านเรื่องราวเมื่อคืนไป ซ่งชิวเองก็ไม่รู้ตัวว่า ทัศนคติที่เขามีต่อฉู่เฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคืนฉู่เฉินเป็นฝ่ายยืนออกมา ขอรับโทษแทนเขา

ซ่งชิวถอนหายใจ “อีกสามวันก็ถึงพิธีเปิดของเมืองจินทานแล้ว ฉันต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ ถ้าสามารถเก็บไฉ่ชิงได้สำเร็จ และทำให้ตระกูลซ่งได้หน้า อาจจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่ยากลำบากในตอนนี้ได้”

(การแสดงเชิดสิงโตกินส้ม กินผัก นั้นมีชื่อการแสดงว่า  "ไฉ่ชิง" (采青 ) ซึ่งแปลตรงๆว่า ถอนสีเขียว ซึ่งมีความหมายที่เป็นนัยว่า "การล้มชิง" หรือราชวงค์ชิงนั่นเอง)

“เมืองจินทาน พิธีเปิด?” ฉู่เฉินสงสัย มองไปที่ซ่งชิวอย่างไม่เข้าใจ

“บอกนายไป นายก็ไม่รู้เรื่องหรอก” ซ่งชิวยังคงพูด “เมืองจินถานคือโปรเจ็กต์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในเมืองฉานตอนนี้ ตระกูลเย่ก็มีส่วนร่วม แต่ได้ยินมาว่า เป็นแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น เจ้าของที่แท้จริงเบื้องหลังเมืองจินถาน คือตระกูลหวง”

ฉู่เฉินสงสัย “ความแข็งแกร่งของตระกูลหวงเหนือกว่าตระกูลเย่อีกเหรอ?”

ซ่งชิวเบิกตา “ฉันบอกนายแบบนี้นะ ตระกูลหวงคือตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองฉาน นายพอเข้าใจหรือยัง?”

“พิธีเปิดของเมืองจินทานอีกสามวันข้างหน้า ตระกูลหวงจัดการแข่งขันเก็บไฉ่ชิงขึ้น ทุกตระกูลต่างก็ได้รับเชิญให้ส่งทีมเชิดสิงโตมาร่วมงาน ทุกคนต่างก็หวังว่าจะสามารถเก็บไฉ่ชิงได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่เป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้พบกับตระกูลหวงอีกด้วย” ซ่งชิวถอนหายใจ “แม้ว่าจะยากมาก แต่ฉันก็ยังคงอยากจะลอง ฉันจะไปฝึกต่อ เดี๋ยวต้องไปหาชิงเฟิงเต้าซื่อ ถามหาที่อยู่ของวิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน”

“วิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน?” ฉู่เฉินมองไปที่ซ่งชิวด้วยความประหลาดใจ

ซ่งชิวส่ายหน้า “อย่าถามฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าวิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินมันคืออะไร คุณพ่อบอกว่า จางเต้าซื่อไปสำนักจิ่วเสวียนเพื่อขอเป็นศิษย์ ต้องหาตัวจางเต้าซื่อให้ได้”

ฉู่เฉินมองไปที่ซ่งชิว ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “จริงๆ แล้วไม่ต้องหาตัวจางเต้าซื่อหรอก ฉันคำนวณดูแล้ว ตระกูลซ่งจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะต้องพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเรือที่ฝ่าคลื่นลม ร่ำรวย มั่งคั่ง ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า บางที อาจจะสามารถแทนที่ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองฉานได้”

ซ่งชิว “...”

ครู่หนึ่งต่อมา

มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย “ทำไมนายไม่บอกว่า นายเก่งกว่าจางเต้าซื่อ”

ฉู่เฉินยิ้มอย่างมั่นใจ “แน่นอนว่าฉันเก่งกว่าเขา”

จางเต้าซื่อ? เขาก็แค่กำลังจะไปสำนักจิ่วเสวียนเพื่อขอเป็นศิษย์เท่านั้น

“...”

คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว

ตลอดห้าปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าพี่เขยปัญญาอ่อนคนนี้ ช่างโม้เก่ง!

ซ่งชิวไม่สนใจฉู่เฉินอีก เขาหันกลับไปฝึกเชิดสิงโตต่อ

ฉู่เฉินเดินเล่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกลับมาที่บ้าน

“เซียงซาว อรุณสวัสดิ์” ฉู่เฉินทักทายแม่บ้านที่อยู่ในครัวบนชั้นหนึ่ง

“อรุณสวัสดิ์...” เซียงซาวตอบกลับโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอเบิกกว้างทันที หันกลับไปมองฉู่เฉินที่กำลังเดินขึ้นไปบนชั้นสอง “โอ้พระเจ้า ฉันเจอผีหรือเปล่า?”

ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เธอเป็นคนดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของฉู่เฉินกับซ่งเหยียน ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านคนนี้ ไม่เคยพูดกับเธอเลยสักคำ

เค้กเมื่อคืน เซียงซาวก็คิดว่าเป็นซ่งเหยียนที่ส่งข้อความมา

ฉู่เฉินเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เค้กบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ถูกเก็บไปแล้ว พอดีซ่งเหยียนเดินออกมาจากห้อง สวมชุดกระโปรงยาวสีพื้น ใบหน้าของเธองดงามราวกับดอกไม้

“ภรรยา เธอจะไปไหน?” ฉู่เฉินถาม

ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉิน ไม่สนใจคำเรียกของเขา หยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมา “คำพูดที่ฉันพูดเมื่อคืนยังคงใช้ได้ นายอยู่ที่เมืองฉานไม่ได้ ในนี้มีเงินจำนวนหนึ่ง ฉันจะให้น้องชิวแอบพานายออกไป”

ฉู่เฉินนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับรอยยิ้ม “ลืมของขวัญวันเกิดชิ้นที่สามที่ฉันจะมอบให้เธอแล้วเหรอ?”

ซ่งเหยียนรู้สึกหมดหนทาง

“ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลซ่ง อยากจะร่วมมือกับตระกูลเซี่ย ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์” ซ่งเหยียนอยากให้ฉู่เฉินยอมรับความจริงโดยเร็ว

“ไม่รีบ พวกเรานั่งรออยู่ที่บ้าน พอคุณชายเซี่ยมาถึง เดี๋ยวก็รู้ผลเอง” ฉู่เฉินโบกมือ “มานั่งดื่มชากัน ฉันจะโชว์ฝีมือการชงชาให้เธอดู”

ซ่งเหยียนทั้งร้อนใจ ทั้งโกรธ ตอนนี้เป็นเวลาแบบไหนแล้ว ไอ้หมอนี่ยังไม่ใส่ใจเลย

“ฉันมั่นใจว่า ตอนนี้เย่เส้าหวงกำลังวางแผนจัดการกับนายอยู่!” ซ่งเหยียนอยากจะทุบหัวฉู่เฉิน “อย่าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้นะ”

ตอนที่ซ่งเหยียนพูดประโยคสุดท้าย เซียงซาวก็เดินขึ้นมาบนชั้นสองพอดี สีหน้าของเธอดูแปลกๆ มองไปที่ฉู่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านซึ่งยึดส้วมเอาไว้แต่ไม่ยอมอีคนนี้ ฟ้าหลังฝนงั้นเหรอ?

“อะแฮ่ม คุณหนูสาม อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ” เซียงซาวตั้งสติกลับมา รีบพูด

ซ่งเหยียนลุกขึ้นยืน “หลังจากกินข้าวเช้า ฉันจะไปหาคุณปู่ หวังว่าจะมีวิธี นายจำไว้ว่า ห้ามออกไปจากประตูบ้านตระกูลซ่งภายในวันนี้” ซ่งเหยียนวางบัตรธนาคารไว้บนโต๊ะ “ฉันส่งรหัสผ่านไปให้นายทางโทรศัพท์แล้ว”

ซ่งเหยียนเดินลงไป

สายตาของฉู่เฉินจับจ้องไปที่บัตรธนาคาร ครู่หนึ่งต่อมา มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มจางๆ “ฉันบอกแล้วว่า เธอปกป้องฉันมาห้าปีแล้ว ต่อจากนี้ ให้ฉันปกป้องเธอบ้าง”

ฉู่เฉินหยิบบัตรธนาคารขึ้นมา ใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

“ไม่รู้ว่าในบัตรจะมีเงินเท่าไหร่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด