ตอนที่แล้วบทที่ 16 เขาเป็นคนปัญญาอ่อนหรือไง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 ตระกูลอันดับหนึ่ง

บทที่ 17 ยึดส้วมเอาไว้แต่ไม่ยอมอึ


บทที่ 17 ยึดส้วมเอาไว้แต่ไม่ยอมอึ

ซ่งชิวไม่ค่อยได้เห็นซ่งเสียหยางเสียกิริยาแบบนี้มาก่อนในชีวิต แววตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ราวกับว่าอยากจะจุดไฟเผาฉู่เฉินให้ตาย

เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก..

ในสายตาของซ่งเสียหยาง การที่ฉู่เฉินทำร้ายเย่เส้าหวง แถมยังใช้วิธีที่น่าอัปยศอดสูแบบนั้น เท่ากับว่าตัดหนทางของตระกูลซ่ง

เขาสามารถจินตนาการได้ว่า ต่อจากนี้ ตระกูลเย่จะไม่ปล่อยโอกาสใดๆ ที่จะกดดันตระกูลซ่ง

ตระกูลซ่งจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งกว่าเมื่อห้าปีก่อน!

ตำแหน่งผู้นำตระกูลของเขา คงจะต้องถูกปลด!

กฎของตระกูลซ่ง ตำแหน่งผู้นำ ผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง

“คุณพ่อ” ซ่งชิวพูดอย่างระมัดระวัง “ฉู่เฉินบอกว่า เขานัดกับคุณชายเซี่ยพรุ่งนี้เที่ยง คุณชายเซี่ยจะมาพบเขาที่บ้านเรา...”

“หุบปาก” ซ่งเสียหยางจ้องตาเขม็ง “ลูกไม่ได้ยินที่เย่เส้าหวงพูดเหรอ? ตัวแทนของตระกูลเซี่ยจะไปเจรจาความร่วมมือที่หวงถิงในวันพรุ่งนี้ แล้วคุณชายเซี่ยจะมาที่ตระกูลซ่งทำเพื่อ!? ลูกยังเชื่อคำพูดของคนปัญญาอ่อนอีกเหรอ?”

ซ่งชิวสะดุ้ง ไม่กล้าพูดอะไรอีก

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ค่อยเชื่อว่า คุณชายเซี่ยจะมาหาฉู่เฉินที่ตระกูลซ่งจริงๆ

ซ่งเสียหยางเองก็ขี้เกียจจะด่าซ่งชิวอีก เขาหันหลังเดินออกไป หยุดฝีเท้าที่หน้าประตู “พรุ่งนี้เช้า ลูกเตรียมของขวัญไปหาชิงเฟิงเต้าซื่อ ดูว่าจะสามารถหาที่อยู่ของจางเต้าซื่อได้หรือเปล่า? ถามให้ชัดเจนว่า วิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินนั้นอยู่ที่ไหน?”

“วิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินอะไรครับ?” ซ่งชิวสงสัย

“เอาเป็นว่า ลูกจำภารกิจของตัวเองเอาไว้ให้ดี ถ้าทำสำเร็จ เรื่องนี้ถือว่าไถ่โทษ อย่าคิดว่าการลงโทษครั้งนี้จะยกเว้นให้” น้ำเสียงของซ่งเสียหยางชะงักไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “อีกอย่าง อย่าลืมพาบอดี้การ์ดไปด้วยหลายคน ความปลอดภัยต้องมาก่อน”

เรื่องเข็มเงินในคืนนี้ ทำให้ซ่งเสียหยางรู้สึกกลัว

เขารู้สึกไม่สบายใจ

ซ่งเสียหยางถอนหายใจเฮือกใหญ่…

ในเวลาเดียวกัน ซูเยว่เซียนก็ถอนหายใจเช่นกัน

มองไปที่ลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ซูเยว่เซียนรู้สึกหมดหนทาง

“คุณชายเย่เส้าหวงไม่ดียังไง...”

“หนูบอกแล้วว่า ต่อให้เขาดียังไง หนูก็ไม่ชอบเขา” ซ่งเหยียนส่ายหน้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคืนนี้ เมื่อสบตากับเย่เส้าหวงที่มีแววตาเหมือนหมาป่า จ้องเธอราวกับกำลังจ้องเหยื่อ ความรู้สึกนี้ ทำให้ซ่งเหยียนรู้สึกไม่สบายใจไปทั้งตัว

เธอไม่มีทางยอมรับคนแบบนี้เด็ดขาด!

“ลูกคิดถึงตระกูลซ่งหน่อย พิจารณาให้ดี” ซูเยว่เซียนลุกขึ้นยืน มองไปที่ซ่งเหยียน “ลูกน่าจะรู้ดีว่า งานเลี้ยงคืนนี้ ตระกูลซ่งของเราได้กลายเป็นตัวตลกของเมืองฉานแล้ว ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ภายในห้าวัน ผู้นำตระกูลซ่งจะไม่ใช่พ่อของลูกอีกต่อไป ลูกยิ่งรู้ดีว่า ลูกก็เป็นคนของตระกูลซ่ง บางครั้ง ผลประโยชน์สำคัญกว่าความรู้สึกส่วนตัวนะ”

พูดจบ ซูเยว่เซียนก็หันหลังเดินออกไป

เมื่อเปิดประตูห้องออก เธอมองไปที่ฉู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างนอก

สำนวนโบราณกล่าวว่า พ่อตาแม่ยายมองลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ แต่ในตอนนี้ ซูเยว่เซียนรู้สึกแค่รังเกียจ เธอแค่นเสียงอย่างเย็นชา เดินผ่านฉู่เฉินไป “กลับไปเก็บข้าวของเถอะ พรุ่งนี้เช้ารีบไปให้เร็วที่สุด ตระกูลซ่งเล็กๆ รับเทพเจ้าที่ไม่กลัวแม้แต่จะทำให้ตระกูลเย่ไม่พอใจแบบแกไม่ไหว”

ซูเยว่เซียนเว้นระยะห่างจากฉู่เฉิน กลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากความโชคร้ายของเขา

“นายมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ” ซูเยว่เซียนกำลังจะเดินไป จู่ๆ ก็รู้สึกโกรธขึ้นมากอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่จะด่าฉู่เฉินอยู่อีกสองสามประโยค

เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินมีสีหน้าที่สงบนิ่ง สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลย ซูเยว่เซียนก็รู้สึกเหมือนกับชกไปโดนสำลี

ช่างเถอะ!

ตัวเองก็โง่ ดันไปด่าคนปัญญาอ่อน

รู้ทั้งรู้ว่าเขาฟังไม่รู้เรื่อง

แม้ว่าฉู่เฉินจะแสดงด้านที่แตกต่างจากปกติในห้องโถง แต่ความปัญญาอ่อนของฉู่เฉิน ตลอดห้าปีมานี้ มันฝังลึกอยู่ในใจของคนตระกูลซ่ง

ซูเยว่เซียนส่ายหน้า เดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว เสียงของฉู่เฉินก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “แม่ เดินทางปลอดภัยนะครับ”

ซูเยว่เซียนโกรธจนตัวสั่น สะบัดมือ แล้วเดินจากไป

ฉู่เฉินมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า เปิดประตูห้อง

บ้านตระกูลซ่ง พูดให้ถูกต้องคือ มีเกือบสิบหลัง ทั้งหมดเชื่อมต่อกัน

นี่คือสิ่งที่ตระกูลซ่งยามรุ่งเรืองที่สุดสร้างมา มันคืออาณาจักรที่คนหลายรุ่นสร้างขึ้น

ฉู่เฉินกับซ่งเหยียนอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่มีสามชั้น เมื่อก่อนจางเต้าซื่อเป็นคนเลือกที่นี่ด้วยตัวเอง แถมฉู่เฉินกับซ่งเหยียนก็อยู่บนชั้นสอง ห้องชุดเล็กๆ สองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น

แสงไฟที่นุ่มนวลส่องกระทบใบหน้าของซ่งเหยียน ใบหน้างดงามของเธอปิดบังความเหนื่อยล้าเอาไว้ไม่อยู่

เธอเริ่มเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้ว

ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ซ่งเหยียนแบกรับภาระที่หนักอึ้งเอาไว้

เพื่อตระกูล เธอในวัย 18 ปีแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน แม้ว่าตระกูลซ่งจะพยายามปกปิด แต่ก็ไม่มีกำแพงใดในโลกที่ลมไม่สามารถพัดผ่านได้ ซ่งเหยียนกับสามีปัญญาอ่อนของเธอ กลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของคนในวงการของเมืองฉาน

ห้าปีผ่านไป พลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินหมดลง สิ่งที่รอคอยซ่งเหยียนอยู่ กลับเป็นแผนการอีกอย่างหนึ่ง

เธอเหนื่อยกับการถูกผูกมัด

ฉู่เฉินเดินไปด้านข้าง เปิดตู้เย็น หยิบเค้กออกมาเหมือนเสก

“หิวแล้วใช่ไหม?” ฉู่เฉินเดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม วางเค้กไว้บนโต๊ะ

ซ่งเหยียนตกตะลึง สายตาของเธอจับจ้องไปที่เค้ก เค้กชั้นเดียวที่สวยงาม ฉู่เฉินรีบปักเทียน แล้วก็จุดไฟอย่างรวดเร็ว

“ฉู่เฉิน เธอเอาเค้กมาจากไหน?” ซ่งเหยียนสงสัย

“คืนนี้ฉันทำลายงานเลี้ยงของเธอ ฉันรู้ว่าเธอยังไม่ได้กินอะไร” ฉู่เฉินยิ้ม “ระหว่างทางกลับมา ฉันส่งข้อความไปหาเซียงซาว ให้เธอเตรียมเค้ก เอาล่ะ… รีบอธิษฐาน เป่าเทียน กินเค้กเร็ว”

ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาที่ค่อนข้างซับซ้อน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน หลับตาลงเบาๆ

ครู่หนึ่งต่อมา เธอลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เป่าเทียนดับ

“สุขสันต์วันเกิด” ฉู่เฉินยิ้ม ดึงเทียนออก หั่นเค้กชิ้นใหญ่ให้ซ่งเหยียน

ซ่งเหยียนรับมา มองไปที่ฉู่เฉิน “นี่ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นที่สองเหรอ?”

“ยังมีชิ้นที่สามอีก” ฉู่เฉินสบตากับเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ฉันจะต้องบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับตระกูลเซี่ย ให้เกียรติเธอ มอบคำอธิบายที่น่าพอใจให้กับคนในครอบครัวของเธอ”

สายตาของซ่งเหยียนยังคงจับจ้องไปที่ฉู่เฉิน

ฉู่เฉินในคืนนี้ ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ล้วนแล้วแต่เกินความคาดหมายของเธอตลอดห้าปีที่ผ่านมา

ฉู่เฉิน ไม่ได้ปัญญาอ่อนแล้วงั้นเหรอ?

“ฉู่เฉิน เธอ...หายดีแล้วเหรอ?” ทันใดนั้นซ่งเหยียนก็ถามออกมา

ฉู่เฉินตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา

เขาเข้าใจความหมายของซ่งเหยียน

ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ซ่งเหยียนรู้สึกมาตลอดว่า เธอเป็นคนทำให้สมองของฉู่เฉินเสียหาย

“อือ… ฉันหายดีแล้ว” ฉู่เฉินพูดช้าๆ พยักหน้าให้ซ่งเหยียน

แววตาของซ่งเหยียนเป็นประกายขึ้นมาทันที

ไม่อยากจะเชื่อ

ฉู่เฉินไม่ได้ปัญญาอ่อนแล้วจริงๆ

ซ่งเหยียนรู้สึกตื่นเต้น แต่เธอรีบสงบสติอารมณ์ มองไปที่ฉู่เฉินอย่างจริงจัง “งั้น เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดห้าปีที่ผ่านมาได้เหรอ?”

“จำได้สิ” ฉู่เฉินพยักหน้าอีกครั้ง

“งั้นเธอลองเล่าคร่าวๆ” ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉินอย่างจริงจัง “ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เธอเจออะไรมาบ้าง”

ฉู่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอบว่า “ยึดส้วมเอาไว้แต่ไม่ยอมอึ” (ประมาณว่า มีตำแหน่งแต่ไม่ได้ทำงาน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด