บทที่ 15 ทำไมถึงกล้าตีเขาให้ตาย
บทที่ 15 ทำไมถึงกล้าตีเขาให้ตาย
หลินซิ่นผิงเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่มืดมน
เขาคือลูกเขยใหญ่ของตระกูลซ่ง แถมตระกูลหลินของเขา ฐานะก็พอๆ กับตระกูลซ่ง สามารถพูดได้ว่า สถานะของหลินซิ่นผิงในตระกูลของซ่งเสียหยาง รองจากซ่งเสียหยางเท่านั้น
แต่คืนนี้ เขากลับต้องชงชาให้ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านต่อหน้าสาธารณชน
มันช่างน่าอัปยศอดสู!
“เสี่ยวชิว หรือว่านายเป็นคนลงมือช่วยฉู่เฉิน?” ทันใดนั้นซ่งหยุนก็เอ่ยปาก น้ำเสียงเหมือนกำลังซักถาม
ตระกูลซ่งไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ
ซ่งชิ่งก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “เสี่ยวชิว นายคิดว่าหายนะที่ฉู่เฉินนำมาสู่บ้านเราไม่พอรึไง?”
“ไม่เกี่ยวกับน้องชิว” ซ่งเหยียนเอ่ยปาก “หนูอยากให้น้องชิวปกป้องฉู่เฉินจริงๆ แต่ตลอดเวลานั้น น้องชิวไม่ได้ลงมือเลย”
“รถของเธอมีรอยชนอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าเธอจะบอกว่าเธอเผลอไปเฉี่ยวชนเอง?” หลินซิ่นผิงมีสีหน้าที่มืดมน
“คนของหรงเย่ามวยไทยมาหาเรื่องจริงๆ หนูให้ฉู่เฉินหนีไปก่อน” ซ่งเหยียนกล่าว “หลังจากที่ฉู่เฉินหนีพวกเขาไปได้ เขาก็เดินกลับมา พวกเราก็กลับบ้านด้วยกัน”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
“น้องสาม พี่รู้ว่าเธออยากจะปกป้องเสี่ยวชิว แต่คำพูดแบบนี้ มันไร้สาระเกินไป” หลินซิ่นผิงส่ายหน้า “พี่ได้ยินมาว่า อาจารย์หรงกวนหางของหรงเย่ามวยไทยลงมือเอง ฉู่เฉินจะหนีไปจากสายตาของเขาได้ยังไง?”
“แต่ความจริง มันก็เป็นแบบนั้นนี่” ซ่งชิวกล่าว
ทว่าไม่มีใครเชื่อ
“ฉันบอกแล้วว่า ให้แกตามไปปกป้องพี่สามของแก” แววตาของซ่งเสียหยางเต็มไปด้วยโทสะ “ยังไม่เข้ามารับโทษอีก!”
ขาของซ่งชิวสั่นเทา สีหน้าเหมือนจะร้องไห้
ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ซ่งชิวก็รู้ดีว่า คืนนี้เขาต้องถูกลงโทษแน่ๆ
ซ่งชิวแอบจ้องไปที่ฉู่เฉิน
เป็นฉู่เฉินที่เตือนให้เขาโทรกลับไปบอกพ่อ
ซ่งชิวก็นึกออก ซ่งเสียหยางไม่ลังเลที่จะลงโทษเขา ไม่ใช่แค่เพราะเขาไม่เชื่อคำอธิบายของซ่งชิว แต่เป็นเพราะเขาโกรธมาก ต้องการระบายออกมา
“คุณแม่...” ซ่งชิวมองไปที่ซู่เยว่เซียนด้วยสายตาที่เหมือนจะร้องไห้
นี่คือไม้ตายเดียวของเขา
โดยปกติแล้ว มันมักจะได้ผล
ท้ายที่สุดแล้ว ซ่งชิวก็เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลซ่ง ซ่งเสียหยางกับภรรยารักเขามาก
ซูเยว่เซียนรับแส้มาจากพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ส่ายหน้าให้ซ่งชิว “คืนนี้ลูกทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ต้องจำให้ขึ้นใจ”
เธอส่งแส้ให้ซ่งเสียหยาง
นี่คือกฎของตระกูลซ่ง
สายตาของซ่งเสียหยางดูเย็นชา และจริงจังมาก “ประเทศมีกฎหมาย บ้านมีกฎของบ้าน เสี่ยวชิว ลูกสำนึกผิดหรือยัง?”
ใบหน้าของซ่งชิวน้อยใจ
แต่ประสบการณ์การถูกตีตลอดหลายปีบอกเขาว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเขายอมรับผิดแต่โดยดี ก็จะทรมานน้อยลงหน่อย
“ผมผิดไปแล้ว”
ซ่งชิวกอดหัวด้วยความคุ้นเคย
ซ่งเสียหยางยกแส้ขึ้น
“เดี๋ยวก่อน”
มีเสียงหนึ่งขัดซ่งเสียหยาง
ซ่งเหยียนเหลือบมอง เธออดไม่ได้ที่จะเอามือปิดหน้าผาก ฉู่เฉิน... คืนนี้นายอยากจะขึ้นสวรรค์หรือไง?
ไม่เคยมีใครกล้าขัดตอนที่ซ่งเสียหยางกำลังจะลงโทษ
ฉู่เฉินยืนขึ้น เดินไปหาซ่งเสียหยาง
ทุกคนต่างก็มองไปที่ฉู่เฉินด้วยความตกตะลึง
คืนนี้ คนปัญญาอ่อนกลายเป็นคนบ้าไปแล้วจริงๆ เหรอ?
ฉู่เฉินมีสีหน้าที่สงบนิ่ง เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าซ่งเสียหยาง
“เสี่ยวชิวไม่ได้ลงมือปกป้องผม เขาไม่ได้ผิด” ฉู่เฉินกล่าว “เรื่องในคืนนี้เป็นผมที่ก่อขึ้น ถ้าจะรับโทษ มันก็ต้องเป็นผม”
แม้แต่ซ่งชิวก็มองไปที่ฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ
พี่เขยปัญญาอ่อนคนนี้ เมื่อไหร่ถึงได้รักพวกพ้องขนาดนี้
“นี่คือการลงโทษของตระกูลซ่ง” แววตาของซ่งเสียหยางเต็มไปด้วยโทสะ จ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยความเย็นชา
เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ สำหรับซ่งเสียหยางแล้ว มันคือการโจมตีที่หนักหน่วง
ความร่วมมือระหว่างเย่ หรง ซ่ง ทั้งผ่าย กลับถูกยกเลิก แถมเย่เส้าหวงยังบอกอย่างชัดเจนว่า ตระกูลเซี่ยจะร่วมมือกับตระกูลเย่
ตระกูลซ่งในตอนนี้ ประสบกับปัญหาทุกทาง
ต้นเหตุก็คือ... ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านตรงหน้า!
ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญากับเขาว่าจะให้เวลาหนึ่งวัน ซ่งเสียหยางคงจะขับไล่ฉู่เฉินออกจากบ้านไปแล้ว
ฉู่เฉินยิ้มอย่างสงบนิ่ง “ตอนนี้ผมก็ยังคงเป็นคนของตระกูลซ่ง”
“กฎของตระกูลซ่ง ก่อนจะลงโทษ ต้องไหว้บรรพบุรุษก่อน” ในตอนนี้ หลินซิ่นผิงที่อยู่ข้างๆ แค่นเสียง “ฉู่เฉิน นายคงจะไม่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์รบกวนบรรพบุรุษของตระกูลซ่งหรอกนะ”
ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะถูกลงโทษ
ฉู่เฉินคิดดูแล้ว มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
แต่งเข้าตระกูลซ่งมาห้าปี
ครั้งเดียวที่เขาได้จุดธูปให้บรรพบุรุษของตระกูลซ่งก็คือวันแต่งงาน หลังจากนั้น สามารถพูดได้ว่าฉู่เฉินถูกกีดกันออกจากตระกูลซ่ง
แม้แต่กินข้าว เขาก็ไม่มีสิทธิ์นั่งกินร่วมโต๊ะกับคนตระกูลซ่ง
“ฉู่เฉิน นายไปยืนข้างๆ เถอะ” ซ่งชิวส่ายหน้าให้ฉู่เฉิน
“แต่สิ่งที่ฉู่เฉินพูดมา มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลนะ” ในตอนนี้เอง ซ่งหยุนพี่สาวคนโตของตระกูลซ่งกล่าว “วิธีการลงโทษของตระกูลซ่งก็มีหลายแบบ ฉันคิดว่า ให้ฉู่เฉินไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ข้างนอกก็ดีเหมือนกัน”
“พี่ใหญ่พูดถูก” ซ่งชิ่งก็พูด “ฉู่เฉินยังไม่ได้เซ็นเอกสารหย่า เขายังคงเป็นคนของตระกูลซ่ง ผมนก็เสนอให้เขาออกไปคุกเข่าสำนึกผิด”
คนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้า
ซ่งเสียหยางก็ไม่ลังเล มองไปที่ฉู่เฉินด้วยความเย็นชา “ในเมื่อนายอยากจะรับโทษ งั้นก็ออกไปคุกเข่าซะ”
ฉู่เฉินส่ายหน้า “เสือยังไม่กินลูกตัวเอง เสี่ยวชิวยังเด็ก อนาคตยังอีกยาวไกล ทำไมพ่อถึงกล้าตีเขาให้ตาย”
ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง
แม้แต่ซ่งเหยียนก็แทบจะมองตรงๆ ไม่ได้ เธอรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก
มุมปากของซ่งชิวกะตุก “ฉันแค่ถูกตีด้วยแส้ แล้วฉันจะตายได้ยังไง”
“ไสหัวไป!” ซ่งเสียหยางโกรธจนแทบคลั่ง
“ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะตีเสี่ยวชิวให้ตาย งั้น...ทำไมแส้เส้นนี้ถึงได้มีเข็มมากมายขนาดนี้” ฉู่เฉินชี้ไปที่แส้ เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ซ่งเสียหยางจะทันได้ตั้งตัว เขาก็คว้าแส้มา วางไว้บนโต๊ะ “เข็มสีเงินพวกนี้แทงลงไป เสี่ยวชิวจะทนไหวได้ยังไง?”
รูม่านตาของซ่งเสียหยางหดเล็กลงทันที
ในตอนนี้ ซ่งชิวก็กำลังวิ่งเข้ามา เพื่อดูอย่างละเอียด
บนแส้มีเข็มเงินซ่อนอยู่จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเข็มเงินมากกว่าหนึ่งเล่ม
ซ่งชิวตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ดึงเข็มเงินเส้นยาวๆ ออกมาทีละเล่ม เหงื่อบนหน้าผากของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย หลังของซ่งชิวก็เปียกชุ่ม
บนโต๊ะ มีเข็มเงินเส้นยาวๆ วางอยู่สิบกว่าเล่ม เข็มเงินแต่ละเล่มเปล่งประกายเย็นยะเยือก
ซ่งชิวกำลังรู้สึกขนลุก
ถ้าเข็มเงินพวกนี้แทงเข้าไปในร่างกายของเขา จะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้
ดวงตาของคนตระกูลซ่งเบิกกว้าง ในตอนนี้ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ
ซ่งเสียหยางเดินเข้าไป หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งขึ้นมา สีหน้าของเขาดูมืดมน
เงยหน้าขึ้นมองซ่งหรูไห่ พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ
ซ่งหรูไห่กลัวจนหน้าซีด ขาสั่นเทา คุกเข่าลงบนพื้น “ผมไม่รู้อะไรจริงๆ ครับ แส้เส้นนี้ถูกเก็บไว้ในห้องทำงานของท่านผู้นำตระกูลมาโดยตลอด ตอนที่ผมไปหยิบมาเมื่อกี้ ผมก็ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด”
ซ่งชิวคือลูกชายคนเดียวของซ่งเสียหยาง
แม้ว่าซ่งเสียหยางจะชอบซ้อมซ่งชิว แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ซ่งชิวคือแก้วตาดวงใจของซ่งเสียหยาง
ตอนนี้ กลับมีคนคิดจะทำร้ายซ่งชิว!
ลงมือกับแส้ล่วงหน้า คนผู้นี้ต้องรู้ว่า คืนนี้ซ่งเสียหยางจะลงโทษซ่งชิว!
เขาต้องเป็นคนที่รู้จักตระกูลซ่งเป็นอย่างดี
“ฉู่เฉิน!”
ในตอนนี้ หลินซิ่นผิงตะโกนออกมาทันใด จ้องไปที่ฉู่เฉิน “ทำไมทุกคนถึงไม่รู้ว่ามีคนลงมือกับแส้ แต่นายกลับรู้?”
ทันทีที่พูดจบ สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ฉู่เฉิน
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ถ้าฉู่เฉินไม่พูด ก็คงจะไม่มีใครรู้จริงๆ
เข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในแส้ มันถูกซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน ถ้าไม่สังเกตดูดีๆ ก็จะมองไม่เห็น
“ฉู่เฉิน นายจะอธิบายยังไง?” โจวเจี้ยนก็พูดด้วยความโกรธ
ซ่งหยุนแค่นเสียง “แปลกจริงๆ คนอื่นไม่รู้ แต่นายกลับรู้ นายอยากจะเอาหน้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ? ด้วยระดับสติปัญญาของนาย คงจะคิดไม่ออกว่า แบบนี้จะยิ่งเปิดโปงตัวเอง”
สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยความสงสัย
“จะต้องอธิบายอะไร?”
ฉู่เฉินหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งขึ้นมา ตอบกลับอย่างเรียบๆ “เข็มเงินยาวขนาดนี้ พวกคุณไม่เห็น นั่นก็เพราะพวกคุณ...ตาบอด”