บทที่ 14 พี่เขยใหญ่ คุณเป็นคนดีจริงๆ
บทที่ 14 พี่เขยใหญ่ คุณเป็นคนดีจริงๆ
วิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน
คนตระกูลซ่งไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ แต่พวกเขาก็สรุปได้จากคำพูดของชิงเฟิงเต้าซื่อว่า ช่วงเวลาสั้นๆ คงจะไม่ได้พบกับจางเต้าซื่อแล้ว
“จะทำยังไงดี?” ซูเยว่เซียนถอนหายใจ
“ระหว่างทางมา ฉันก็เล่าสถานการณ์ให้ชิงเฟิงเต้าซื่อฟังแล้ว” โจวเจี้ยนเอ่ยปากขึ้นมาทันใด “เต้าซื่อสามารถช่วยคำนวณดูว่า พลังแห่งโชคชะตาบนตัวฉู่เฉินเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น”
สายตาของคนตระกูลซ่งจับจ้องไปที่ชิงเฟิงเต้าซื่อ
ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย
ใช่แล้ว!
ชิงเฟิงเต้าซื่อ เขาคือลูกศิษย์คนเดียวที่จางเต้าซื่อทิ้งเอาไว้ในเมืองฉาน แถมชิงเฟิงเต้าซื่อก็มีชื่อเสียงในเมืองฉาน
“นี่คือวันเดือนปีเกิดของฉู่เฉิน” ซ่งเสียหยางเขียนออกมาอย่างรวดเร็ว ห้าปีก่อน เขาพบของมากมายในกระเป๋าของฉู่เฉิน หนึ่งในนั้นก็คือวันเดือนปีเกิดของเขา “และนี่คือวันเดือนปีเกิดของลูกสาวฉัน ซ่งเหยียน”
ชิงเฟิงเต้าซื่อรับไป สีหน้าของเขาดูจริงจัง และตั้งใจ
คนตระกูลซ่งต่างก็เงียบ มองไปที่ชิงเฟิงเต้าซื่อ
ชิงเฟิงเต้าซื่อขมวดคิ้วเป็นครั้งคราว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นครั้งคราว ปากก็พึมพำเป็นครั้งคราว
ครู่หนึ่งต่อมา
ร่างกายของชิงเฟิงเต้าซื่อสั่นสะท้าน ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เงยหน้าขึ้น มองไปที่ซ่งเสียหยาง
ครู่หนึ่งต่อมา ชิงเฟิงเต้าซื่อส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “ความสามารถของฉันยังอ่อนด้อย พลังแห่งโชคชะตาของเด็กคนนี้ ฉันมองไม่ออก”
แววตาของคนตระกูลซ่งเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ซ่งเสียหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มฝืนๆ “รบกวนเต้าซื่อแล้ว”
ระหว่างทางกลับบ้านตระกูลซ่ง
ซ่งชิวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ฉู่เฉิน นายหนีคนของหรงเย่ามวยไทยไปได้ยังไง? ทำไมนายถึงได้เดินกลับมา?”
ฉู่เฉินส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้ พวกเขาวิ่งตามมา แล้วก็หายไป”
ซ่งชิว “...”
“ใกล้จะถึงบ้านแล้วใช่ไหม?” ฉู่เฉินพูดขึ้นมาทันใด “เสี่ยวชิว ทำไมเธอไม่โทรหาพ่อ บอกว่าปลอดภัย?”
“จริงด้วย” ซ่งชิวพยักหน้า รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา
“คุณพ่อ ผมใกล้จะถึงบ้านแล้ว เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ กลับไปแล้วค่อยคุยกัน ฉู่เฉิน? เขาก็อยู่ในรถครับ ไม่มีอะไร”
ซ่งชิวพูดจบ ก็วางสาย
แต่ในตอนนี้ ซ่งชิวรู้สึกแปลกๆ
เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
มุมปากของซ่งเหยียนยกขึ้นเล็กน้อย “ฉู่เฉิน คืนนี้เธอกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนเหรอ?”
ตั้งแต่เริ่มต้นบังคับให้ซ่งชิ่งเผิงดื่มไวน์ เรื่องต่างๆ ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ไม่คิดหน้าคิดหลังเลย
ตอนนี้ ยังมาคิดบัญชีกับพ่อตาอีก
ซ่งเหยียนจำได้อย่างชัดเจน คุณพ่อพูดอย่างหนักแน่นว่า ถ้าฉู่เฉินกลับมาถึงหน้าประตูบ้านได้อย่างปลอดภัย เขาจะเปิดประตูต้อนรับด้วยตัวเอง
ฉู่เฉินกลับมาแล้ว
เขาต้องการจะตบหน้าพ่อตา
ในตอนนี้เอง ซ่งชิวก็เริ่มคิดได้ เขาอ้าปากค้างทันที
ฉิบหายแล้ว! ตัวเองดันโทรกลับไปบอกที่บ้าน!
นี่ไม่ใช่...เป็นการเตือนพ่อทางอ้อมหรอกเหรอ...
ฉู่เฉินกลับมาแล้ว คุณพ่อรีบเตรียมตัวเปิดประตูต้อนรับฉุูเฉินเร็วเข้า...
“บ้าเอ๊ย!” ซ่งชิวอยากจะร้องไห้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้เขาโทรไปบอกพ่ออีกครั้งว่า อย่าออกมาต้อนรับ เขาไม่ได้ตั้งใจจะเตือนงั้นเหรอ?
ซ่งชิวเผลอเอามือไปลูบหัวตัวเอง
เขามีลางสังหรณ์ว่า คืนนี้กลับไปถึงบ้านหัวของเขาคงจะแตก
“ฉู่เฉิน นายตั้งใจใช่ไหม?” ทันใดนั้นซ่งชิวก็นึกอะไรบางอย่างออก รีบจ้องไปที่ฉู่เฉิน
ฉู่เฉินเบิกตากว้าง ใบหน้ามึนงง ไม่เข้าใจ “ฉันตั้งใจอะไร?”
ซ่งชิวกัดฟันแน่น
ไม่คุยเรื่องเหตุผลกับคนปัญญาอ่อน!
ห้องโถงของตระกูลซ่ง
ทุกคนต่างก็มองไปที่ซ่งเสียหยางด้วยความสงสัย
หลังจากที่ซ่งเสียหยางรับโทรศัพท์ เขาก็นิ่งจนกลายเป็นหินไปเลย ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
ครู่หนึ่งต่อมา...
ซ่งหยุน พี่สาวคนโตของตระกูลซ่งอดไม่ได้ที่จะถาม “คุณพ่อ เกิดอะไรขึ้น?”
ซ่งเสียหยางตั้งสติกลับมา ดวงตาของเขาดูซับซ้อน “เสี่ยวชิวโทรกลับมา บอกว่าใกล้จะถึงบ้าน แล้วก็... ฉู่เฉินอยู่ในรถ”
“หมายความว่ายังไง? ฉู่เฉินไม่เป็นอะไรงั้นเหรอ?” หลินซิ่นผิงเบิกตากว้าง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “จะเป็นไปได้ยังไง? ผมได้ยินมาว่า อาจารย์หรงกวนหางของหรงเย่ามวยไทยลงมือเองนะ...”
ซูเยว่เซียนมองไปที่ซ่งเสียหยาง สีหน้าของเธอไม่ค่อยดี จู่ๆ เธอก็นึกถึงคำพูดของซ่งเสียหยางที่หวงถิง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
มุมปากของเธอกระตุก “เสี่ยวชิว...ทำไมเขาถึงได้โทรกลับมา?”
หน้าอกของซ่งเสียหยางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง
ครู่หนึ่งต่อมา
ซ่งเสียหยางรีบเดินออกไปข้างนอก
“คุณพ่อคงจะไม่ได้จะ...” หลินซิ่นผิงก็ลุกขึ้นยืนทันที
“พ่อเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น” สีหน้าของซ่งหยุนก็ค่อนข้างซับซ้อน
ไม่มีใครคิดเลยว่า ฉู่เฉินจะสามารถกลับมาถึงตระกูลซ่งได้อย่างปลอดภัย
“บางที คนของหรงเย่ามวยไทย อาจจะรอฉู่เฉินอยู่ที่หน้าบ้านเราก็ได้” ซ่งชิ่งพูดขึ้นมาทันใด
คนตระกูลซ่งเดินตามซ่งเสียหยางออกไป
ประตูใหญ่ของตระกูลซ่งปิดสนิท
ซ่งเสียหยางเดินไปเปิดประตูออกอย่างช้าๆ...
ตรงหน้า ไฟรถส่องเข้ามาพอดี
ภายในรถ
ขาของซ่งชิวอ่อนยวบไปเลย สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ “พี่สาม ผมไม่ลงจากรถได้ไหม?”
“ไม่ลงจากรถ งั้นนายจะรอให้คุณพ่อมาเปิดประตูรถให้เหรอไง?” ซ่งเหยียนพูดพลางเปิดประตูรถออก
ซ่งชิวกำลังจะลงมา
ฉู่เฉินลงจากรถ ทั้งสามคนเดินไปหาซ่งเสียหยาง
ในตอนนี้ ซ่งเหยียนก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
ฉู่เฉินทำให้พ่อเปิดประตูต้อนรับด้วยตัวเองจริงๆ
นี่เป็นประวัติศาสตร์ของตระกูลซ่ง
สีหน้าของซ่งเสียหยางดูไม่ค่อยดี มองไปที่คนทั้งสามคน จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปข้างในทันที
คนตระกูลซ่งก็เดินกลับเข้าไปทีละคน
“ฉู่เฉิน ไม่รู้เลยว่าคืนนี้เธอเป็นบ้าจริงหรือแกล้งโง่” ซ่งเหยียนเหลือบมองฉู่เฉิน “เธอต้องการเอาชนะให้ได้งั้นเหรอ? คุณพ่อเองก็กำลังปวดหัวกับการตัดสินใจของคุณชายเย่เส้าหวงอยู่แล้ว ตอนนี้ท่านคงจะโกรธมาก”
ฉู่เฉินตกตะลึง “ฉันไม่ได้ให้พ่อออกมาต้อนรับสักหน่อย”
พูดจบ ฉู่เฉินก็เผลอมองไปที่ซ่งชิว
ซ่งชิวนึกอยากจะตาย
คืนนี้เขาต้องถูกซ้อมยับแน่ๆ
“แต่ว่า... พระพุทธรูปยังต้องแย่งธูปคนละดอก คนเรายิ่งต้องแย่งหน้าตา” ฉู่เฉินก้าวเดินเข้าไปก่อน “ชาแก้วนี้ ฉันต้องดื่มให้ได้”
“ดื่มชา?” ซ่งเหยียนตกตะลึง
“จริงสิ พี่เขยใหญ่บอกว่า ถ้าฉู่เฉินกลับมา เขาจะเป็นคนชงชาให้ฉู่เฉินดื่ม” สีหน้าของซ่งชิวยิ่งซับซ้อน “พี่เขยใหญ่เป็นคนที่ดูถูกฉู่เฉินมากที่สุด”
“ในบ้านเรา มีใครบ้างที่เห็นหัวฉู่เฉิน?” ซ่งเหยียนถามกลับ
สีหน้าของซ่งชิวดูอึดอัด
นั่นก็รวมถึงเขาด้วย
เพียงแต่ คืนนี้ฉู่เฉินซ้อมเย่เส้าหวงกับหรงตงเพื่อพี่สาวของเขา ทำให้ความรู้สึกที่ซ่งชิวมีต่อฉู่เฉินเปลี่ยนไป
ห้องโถง...
ฉู่เฉินกับอีกสองคนก้าวเดินเข้าไป คนตระกูลซ่งต่างก็มองมาที่พวกเขา
ฉู่เฉินนั่งลงที่มุมสุดอย่างเปิดเผย ใบหน้ามีรอยยิ้ม มองไปที่หลินซิ่นผิง “พี่เขยใหญ่ ผมกลับมาแล้ว”
ใบหน้าของหลินซิ่นผิงบิดเบี้ยวไปเลย
นายกลับมา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?
หลินซิ่นผิงยังคิดว่าจะไม่พูดอะไร ท้ายที่สุดแล้วฉู่เฉินก็เป็นคนปัญญาอ่อน คนตระกูลซ่งยิ่งจะไม่พูดถึงเรื่องนี้
ไม่คิดเลยว่า ทันทีที่ฉู่เฉินนั่งลง จากนั้นก็มองมาที่เขาด้วยสายตาที่กระตือรือร้น
เหมือนกับกำลังบอกว่า พี่เขยใหญ่ ถึงเวลาชงชาแล้ว
ซ่งหยุนที่อยู่ข้างๆ เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี
ให้สามีของตัวเองไปชงชาให้คนปัญญาอ่อนดื่ม นี่คือความอัปยศอดสูชัดๆ!
แต่ชานี้ ไม่ว่าบังไงหลินซิ่นผิงก็ต้องชง
ซ่งเสียหยางเพิ่งเปิดประตูต้อนรับฉู่เฉินด้วยตัวเองแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมรับ มันก็เท่ากับว่าตบหน้าซ่งเสียหยาง
หลินซิ่นผิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นยืน ชงชาด้วยมือที่สั่นเทา เดินไปหาฉู่เฉิน
เขาพูดพลางกัดฟันว่า “ดื่มชา”
ฉู่เฉินรับมาพร้อมกับรอยยิ้ม “พี่เขยใหญ่ คุณเป็นคนดีจริงๆ”