บทที่ 13 วิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน
บทที่ 13 วิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน
พูดจบ ฉู่เฉินดูเหมือนจะยืนยันคำพูดของตัวเอง เตะคนสองคนที่อยู่บนพื้นไปอีกหนึ่งที
เป็นการว้อมฝ่ายเดียว ไม่ใช่การทะเลาะวิวาท
ซ่งเหยียนตกตะลึง
มองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
แต่งงานมาห้าปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฉู่เฉินเล่นคำ
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อมากกว่าการที่เขาทำร้ายเย่เส้าหวง
ทว่า ในตอนนี้ ซ่งเหยียนไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก รีบเข้าไปห้ามฉู่เฉินที่ยังคงอยากจะลงเท้า “รีบไปเถอะ ออกจากเมืองฉานไปเดี๋ยวนี้”
ฉู่เฉินเปิดประตูรถ นั่งลงที่เบาะคนขับ
“ขึ้นรถเถอะ”
ซ่งเหยียนหมดหนทาง มองไปที่คนสองคนที่อยู่บนพื้น เธอก็รู้ดีว่า ถ้าไม่ไปตอนนี้ จะมีปัญหา
ซ่งเหยียนกำลังจะขึ้นรถ จู่ๆ ก็ชะงักไป มองไปที่ฉู่เฉินด้วยความสงสัย “เธอขับรถเป็นเหรอ?”
ฉู่เฉินตกตะลึง ครู่หนึ่งต่อมาก็ลงจากรถด้วยความรู้สึกผิด
ซ่งชิวกำลังวิ่งกลับมา มองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาที่ค่อนข้างซับซ้อน
ทั้งสามคนรีบขึ้นรถ แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในรถเงียบไปครู่หนึ่ง
ฉู่เฉินเอ่ยปากขึ้น “ถนนเส้นนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางกลับบ้าน”
“นายยังกล้ากลับบ้านอีกเหรอ” ซ่งชิวพูดอย่างไม่พอใจ “พี่สาวฉันจะไปส่งนายที่ทางด่วน หารถให้นายออกจากเมืองฉานคืนนี้เลย”
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว “ถ้าฉันไปแล้ว ตระกูลซ่งจะทำยังไง”
ซ่งชิวพ่นลมออกมา เกือบจะหัวเราะออกมา จากนั้นก็มองไปที่ฉู่เฉิน “หรือว่า นายอยู่แล้วจะช่วยตระกูลซ่งได้! ฉันขอร้องล่ะ อย่าก่อเรื่องให้ตระกูลซ่งอีกเลย นายคิดว่าแค่พึ่งความโง่เง่าไปซ้อมเย่เส้าหวง มันก็สามารถแก้ไขปัญหาได้เหรอ? นายก่อเรื่องใหญ่แล้ว คืนนี้ถ้าไม่ไป ต่อไปนายคงจะไม่มีโอกาสออกจากเมืองฉานไปอย่างปลอดภัยแล้ว”
ซ่งชิวเองก็ไม่รู้ตัวว่า คำพูดที่ฉู่เฉินพูดก่อนจะซ้อมเย่เส้าหวง ทำให้เขามีทัศนคติต่อฉู่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็เหมือนกับซ่งเหยียน หวังว่าฉู่เฉินจะสามารถหนีออกจากเมืองฉานไปได้อย่างปลอดภัย
ท้ายที่สุดแล้ว ฉู่เฉินซ้อมเย่เส้าหวง ก็เพื่อปกป้องพี่สาวของเขา
“ฉันจะกลับบ้าน” ทันใดนั้นฉู่เฉินก็มีสีหน้าที่จริงจังขึ้นมากำพวงมาลัย มองไปที่ซ่งเหยียน ให้เธอหยุดรถ
“เย่เส้าหวงกับหรงซื่อกรุ๊ป จะไม่มีทางปล่อยนายไปแน่” ซ่งเหยียนกล่าว
“พวกเขาคงไม่กล้าบุกเข้าไปในตระกูลซ่ง ฆ่าคนเผาบ้านหรอกใช่ไหม?” ฉู่เฉินยิ้ม “ต่อให้ฉันจะไป มันก็ต้องไปพรุ่งนี้เย็น เซ็นชื่อในเอกสารใบหย่าก่อนแล้วค่อยไป พ่อของพวกเธอไม่ได้ให้เวลาฉันหนึ่งวันงั้นเหรอ? ตอนนี้ ฉันจะทิ้งภรรยาของฉันไปคนเดียวได้ยังไง”
ซ่งเหยียน “...”
“ฉู่เฉิน คืนนี้นายถูกพวกเขาทำให้ตกใจ จนกลายเป็นคนบ้าไปแล้วหรือไง?” ซ่งชิวถามด้วยความสงสัย “ปกตินายไม่เคยพูดจาเพ้อเจ้อแบบนี้”
“เธอจะกลับไปไม่ได้” สายตาของซ่งเหยียนมุ่งมั่น “ด้วยสถานะของเย่เส้าหวง พอเรื่องในคืนนี้แพร่ออกไป ตระกูลเย่จะจัดการกับเธอทุกวิถีทาง ตระกูลซ่งปกป้องเธอไม่ได้”
“เรื่องนี้จะไม่แพร่ออกไป” ฉู่เฉินยิ้มเบาๆ “เรื่องน่าอับอายแบบนี้ เย่เส้าหวงต้องปิดเป็นความลับแน่ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง?” ซ่งชิวหลุดปากพูดออกมา
“ถ้าเป็นนาย นายจะไปพูดให้คนอื่นฟังไหม?” ฉู่เฉินถาม
ซ่งชิวส่ายหน้า “แน่นอนว่าฉันจะไม่พูด”
“งั้นก็จบ” ฉู่เฉินกล่าว “กล้องวงจรปิดบนถนนเส้นนั้นเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าถูกทำลาย เย่เส้าหวงตั้งใจที่จะไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ เอาไว้จัดการกับฉัน ตอนนี้ก็ดีเลย ไม่มีใครรู้เรื่องที่เขาถูกยัดใส่ถังขยะ ดังนั้น ต่อให้เย่เส้าหวงจะแก้แค้น เขาก็จะแก้แค้นลับๆ จะไม่ไปล้อมตระกูลซ่ง ฆ่าคนเผาบ้าน พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง”
ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉิน สิ่งที่เขากังวล คือเย่เส้าหวงจะฆ่าคนเผาบ้านงั้นเหรอ?
“กลับบ้านเถอะ” ฉู่เฉินยิ้มอย่างผ่อนคลาย “คุณชายเซี่ยนัดฉันพรุ่งนี้เที่ยง”
“จริงเหรอ?” ซ่งเหยียนกับซ่งชิวต่างก็ตกใจ
ท่าทีของคุณชายเซี่ยต่อฉู่เฉินในคืนนี้ ทำให้พวกเขาประหลาดใจจริงๆ
เย่เส้าหวงประกาศยุติโปรเจ็กต์ความร่วมมือกับตระกูลซ่งต่อหน้าสาธารณชนที่หวงถิง ตระกูลซ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในตอนนี้ ถ้าสามารถติดต่อกับตระกูลเซี่ยได้จริงๆ สำหรับตระกูลซ่งแล้ว ก็จะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้
ฉู่เฉินพยักหน้า
ซ่งเหยียนมองไปที่ฉู่เฉิน
ตลอดห้าปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ามองฉู่เฉินไม่ออก
คำพูดเมื่อกี้ ไม่มีทางที่คนปัญญาอ่อนจะพูดออกมาได้
ซ่งเหยียนลังเล
“พี่สาม กลับบ้านเถอะ” ซ่งชิวพูดพลางกัดฟัน “อย่างมากที่สุด ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จนถึงพรุ่งนี้เย็น ช่วงเวลานี้ ฉันจะเป็นคนปกป้องฉู่เฉินเอง”
…………
บ้านตระกูลซ่ง
ภายในห้องโถง เต็มไปด้วยความกังวล
คืนนี้ควรจะเป็นวันที่คึกคักมาก ตระกูลซ่งก็จะปรากฏตัวในวงการธุรกิจของเมืองฉานด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ทว่า เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ตระกูลซ่งตั้งตัวไม่ทัน
คนในตระกูลซ่งต่างก็นิ่งเงียบ ทุกคนคิดหาวิธีแก้ไข
ซ่งเสียหยางก้าวเดินเข้ามาจากด้านนอก
ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน
“คุณปู่ ท่านว่ายังไงบ้าง?” ซูเยว่เซียนรีบถาม
สีหน้าของซ่งเสียหยางดูไม่ค่อยดี “ให้คิดหาวิธีแก้ไขกันเอง”
ซ่งเสียหยางเดินเข้าไป นั่งลง ดวงตาของเขาดูมืดมน “เรื่องที่ฉู่เฉินทำให้ซ่งชิ่งเผิงขายหน้าในห้องโถงจัดเลี้ยง น้องสองก็ไปฟ้องคุณปู่แล้ว”
ซ่งเสียหยางเป็นลูกชายคนโตของคุณปู่ ส่วนคุณปู่มีลูกชายสองคน
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เด็กๆ ทะเลาะกัน คุณปู่จะไปใส่ใจทำไม?” ซูเยว่เซียนหลุดปากพูดออกมา
“อย่าลืมกฎของตระกูลซ่ง ตำแหน่งผู้นำตระกูล ผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง” ซ่งเสียหยางกล่าว “ตลอดห้าปีมานี้ ด้วยความช่วยเหลือของจางเต้าซื่อ พวกเราผ่านพ้นช่วงเวลาที่อันตรายมาได้หลายครั้ง และฉันก็ได้เป็นผู้นำของตระกูลซ่งอย่างมั่นคง แต่คืนนี้...” ดวงตาของซ่งเสียหยางเต็มไปด้วยโทสะ “ฉู่เฉินไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ทำให้ตระกูลเย่กับหรงซื่อกรุ๊ปไม่พอใจ นำพาหายนะมาสู่ตระกูลซ่ง คำพูดนี้ของคุณปู่ มันเป็นการเตือนฉันว่า ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ตำแหน่งผู้นำของตระกูลซ่ง คงจะต้องเปลี่ยนคน”
“ท้ายที่สุดแล้ว ธุรกิจที่อาสองรับผิดชอบตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันก็พัฒนาไปได้ด้วยดี...” สีหน้าของซ่งหยุน พี่สาวคนโตของตระกูลซ่งเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“มันคือความผิดของฉู่เฉิน!” หลินซิ่นผิงกัดฟันแน่น “จางเต้าซื่อมองการณ์ไกล รู้ว่าพลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินหมดลงแล้ว ให้พวกเราตัดขาดกับฉู่เฉินทันที แต่น่าเสียดายที่ไม่คิดเลยว่า ฉู่เฉินจะหน้าด้าน ฉีกเอกสารใบหย่าทิ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนั้น คงจะไม่มีเรื่องมากมายขนาดนี้”
“ไอ้ปัญญาอ่อนคนนั้น ตอนนี้น่าจะ...” มุมปากของซ่งชิ่งยกยิ้มขึ้น “ช่างเถอะ ไม่น่าสงสาร”
เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากข้างนอก
โจวเจี้ยน ลูกเขยของตระกูลซ่ง รีบเดินเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบ “ชิงเฟิงเต้าซื่อมาถึงแล้วครับ”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย
ห้าปีก่อน ตอนที่ตระกูลซ่งมีปัญหารอบด้าน โคลงเคลงเต็มที การปรากฏตัวของจางเต้าซื่อ ด้วยการใช้โหราศาสตร์และวิชาลับต่างๆ ช่วยให้ตระกูลซ่งผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ คนตระกูลซ่งต่างก็เชื่อมั่นในเรื่องนี้
ซ่งเสียหยางเดินออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง “ชิงเฟิงเต้าซื่อ”
ชิงเฟิงเต้าซื่อ เป็นลูกศิษย์คนเดียวที่จางเต้าซื่อทิ้งเอาไว้ในเมืองฉาน
เรื่องไม่คาดฝันในคืนนี้ก็คือ ตระกูลซ่งไม่ได้ตัดขาดกับฉู่เฉินตามเวลาที่จางเต้าซื่อกำหนด
“ชิงเฟิงเต้าซื่อ” ซ่งเสียหยางรีบถาม “ไม่ทราบว่าสามารถติดต่อกับจางเต้าซื่อได้ไหม?”
วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือหาตัวจางเต้าซื่อ เพื่อหาวิธีแก้ไข
ตลอดห้าปีมานี้ ซ่งเสียหยางเริ่มคุ้นเคยการพึ่งพาจางเต้าซื่อ
“อาจารย์ไปสำนักจิ่วเสวียนเพื่อขอเป็นศิษย์ ช่วงเวลาสั้นๆ คงจะกลับมาไม่ได้” ชิงเฟิงเต้าซื่อส่ายหน้า
ทันทีที่พูดจบ ดวงตาของคนตระกูลซ่งก็เบิกกว้าง
“ขอเป็นศิษย์?” ซ่งชิ่งร้องอุทาน “ด้วยความสามารถของจางเต้าซื่อ ยังต้องขอเป็นศิษย์อีกเหรอ?”
ในสายตาของคนตระกูลซ่ง จางเต้าซื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจอยู่แล้ว
“แน่นอน” ชิงเฟิงเต้าซื่อพูดด้วยอารมณ์ “เพื่อที่จะขอเป็นศิษย์ อาจารย์เตรียมตัวอยู่ที่เมืองฉานมาห้าปี แถม...ยังไม่แน่ว่าจะสามารถเข้าสำนักจิ่วเสวียนได้”
ซ่งเสียหยางตกตะลึง “สำนักจิ่วเสวียน เป็นที่แบบไหนกันแน่?”
สีหน้าของชิงเฟิงเต้าซื่อเปล่งประกายเจิดจ้า “วิชาลับอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน ผู้นำแห่งโหราศาสตร์ จิ่วเสวียนผู้เป็นใหญ่”