บทที่ 12 ขยะ
บทที่ 12 ขยะ
ฉากนี้ ทำให้อีกฝ่ายตกตะลึง
“ตามมันไป!” พวกเขาตั้งสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน หัวหน้าก็เหลือบมองซ่งเหยียนที่อยู่ในรถ สีหน้าของเขาเผยความเยาะเย้ยออกมา “ลูกเขยปัญญาอ่อนสมชื่อจริงๆ ทิ้งภรรยาที่สวยขนาดนี้หนีไปคนเดียว แต่เขาจะหนีรอดเหรอ?”
ชายคนนี้ชื่อหรงกวนหาง เป็นอาจารย์คนหนึ่งของหรงเย่ามวยไทย
เมืองฉานมีกระแสการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ หรงเย่ามวยไทยเป็นธุรกิจในเครือของหรงซื่อกรุ๊ป ถือว่ามีชื่อเสียงในวงการมวยไทยของเมืองฉาน
หรงกวนหางพาลูกศิษย์ของหรงเย่ามวยไทยสิบกว่าคนวิ่งตามฉู่เฉินไป
เขามั่นใจว่า ด้วยความที่ตัวเองรู้จักสภาพแวดล้อมแถวนี้เป็นอย่างดี สิบกว่าคน จัดการคนคนเดียว ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ทุกคนวิ่งตามไป หายไปจากสายตาของซ่งเหยียนอย่างรวดเร็ว
ซ่งเหยียนกำพวงมาลัยแน่น ฝ่ามือของเธอเริ่มมีเหงื่อซึม “เสี่ยวชิว นายช่วยไปดูหน่อย”
ซ่งชิวขมวดคิ้ว “พี่ คุณพ่อให้ผมมาปกป้องพี่นะ”
“ไม่ต้อง” ซ่งเหยียนส่ายหน้า ระงับความกังวลในใจ “คนของหรงซื่อกรุ๊ปยังไม่กล้าลงมือกับฉันหรอก รีบไปเร็ว”
ในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คนของตระกูลซ่ง ซ่งเหยียนกับซ่งชิวสนิทกันมากที่สุด ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโต ซ่งชิวก็เชื่อฟังซ่งเหยียนทุกอย่าง ในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าซ่งเหยียนมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยว ซ่งชิวก็ไม่รู้จะพูดอะไร ถอนหายใจเบาๆ เปิดประตูรถ “พี่ พูดตรงๆ นะ เรื่องที่ฉู่เฉินก่อขึ้นในคืนนี้ เขาคงจะอยู่ที่เมืองฉานไม่ได้แล้ว อยากจะออกไปจากเมืองฉานอย่างปลอดภัย ยิ่งยาก”
ซ่งชิวรีบวิ่งตามฉู่เฉินไป
ซ่งเหยียนกำพวงมาลัยแน่น
ในตอนนี้ มีรถคันหนึ่งจอดลงข้างๆ
ประตูรถเปิดออก คนที่ลงมาจากรถคือเย่เส้าหวง ทายาทคนโตของตระกูลเย่
“ซ่งเหยียน ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีกในสถานการณ์แบบนี้” เย่เส้าหวงมีรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางของเขาดูสง่างาม “คืนนี้เป็นวันเกิดของเธอ ไม่ควรจะวุ่นวายแบบนี้ แต่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ”
ซ่งเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไป หรงตงที่เพิ่งถูกฉู่เฉินเหยียบอยู่ใต้เท้า เขาก็นั่งอยู่ในรถของเย่เส้าหวง
“ไม่เป็นไร ฉันรอน้องชิวอยู่” ซ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธ
“คุณหนูสามตระกูลซ่ง ฉันจะบอกความจริงให้เธอรู้นะ” หรงตงก็ลงมาจากรถ “ฉันรู้ว่า ถึงแม้ว่าไอ้ปัญญาอ่อนคนนั้นจะเป็นสามีของเธอในนาม แต่พวกเธอก็ต้องหย่ากัน อย่างช้าที่สุดก็คือวันพรุ่งนี้ ฉันก็พูดตรงๆ เลยว่า คืนนี้ฉู่เฉินจะถูกหักขาและหักแขนข้างหนึ่ง ที่พวกเรายังเหลือแขนข้างหนึ่งไว้ เพื่อให้เกียรติพี่เย่ ให้เขาเหลือมือเซ็นชื่อใบหย่า”
หรงตงมองไปที่ซ่งเหยียนอย่างเจ้าเลห์ “พี่เย่ ไม่ค่อยจะดีกับผู้หญิงคนไหนขนาดนี้”
มือที่ซ่งเหยียนกำพวงมาลัยอยู่ ยิ่งออกแรงมากขึ้น
“หรงตง อย่าพูดจาเหลวไหล” เย่เส้าหวงโบกมือ พูดกับซ่งเหยียนพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ “เมื่อกี้ที่หวงถิง ฉันจำเป็นต้องตัดสินใจแบบนั้น แต่โปรเจ็กต์ความร่วมมือระหว่างสามฝ่ายนั้น ตระกูลซ่งอาจจะยังไม่ถูกเตะออกจากเกมก็ได้”
“ฉันก็จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาทำลายผลประโยชน์ของบริษัท” หรงตงกล่าว “ถ้าคุณหนูสามกลายเป็นพวกเดียวกัน ฉันก็เห็นด้วยที่จะร่วมมือกันต่อ”
พูดจบ หรงตงก็ก้าวไปข้างหน้า เปิดประตูรถของซ่งเหยียน
“นายจะทำอะไร?” สีหน้าของซ่งเหยียนดูไม่พอใจ
“ซ่งเหยียน ขึ้นรถเถอะ” เย่เส้าหวงเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ยื่นมือออกไป มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
เขาเคยพูดว่า คืนนี้ เขาต้องคว้าผู้หญิงคนนี้มาให้ได้
เหยื่อที่เขาหมายตาไว้ ยังไม่มีใครหนีรอดไปได้
ไม่ไกลจากด้านหลังของเย่เส้าหวง ข้างต้นไม้ใหญ่ที่ถูกความมืดปกคลุม ซ่งชิวกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “ช่างน่ารังเกียจ”
“ใช้ความร่วมมือระหว่างสองตระกูล มาข่มขู่ซ่งเหยียน” ฉู่เฉินที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างเย็นชา “ซ่งชิว นายจะยอมมองดูพี่สาวของตัวเองถูกคนอื่นรังแกแบบนี้เหรอ?”
ซ่งชิวกำหมัดแน่นมากขึ้น
ครู่หนึ่งต่อมา
ซ่งชิวดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก เหลือบมองฉู่เฉิน พี่เขยปัญญาอ่อนคนนี้ คืนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจริงๆ หัวสมองดูจะว่องไวขึ้นเยอะ
“ฉู่เฉิน นายไปทำอะไรมา?” ซ่งชิวสงสัยมาก
เขาเพิ่งเดินไป อยากจะดูสถานการณ์ของฉู่เฉิน ในความคิดของเขา ฉู่เฉินน่าจะถูกคนอื่นจับกดลงกับพื้นแล้ว แต่ผลลัพธ์คือ ฉู่เฉินกลับเดินกลับมาอย่างสงบนิ่ง
“พวกเขาน่าจะหลงทางมั้ง” ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ สายตาของเขามองไปข้างหน้า “เข้าเรื่องเถอะ ตอนนี้นายจะทำยังไง?”
สีหน้าของซ่งชิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขากำลังโกรธ
แต่สถานะของอีกฝ่าย ทำให้เขารู้สึกเกรงกลัว
ตระกูลเย่ เย่เส้าหวง
นี่คือสิ่งที่ตระกูลซ่งไม่มีทางสู้ได้
“ฉัน...จะทำอะไรได้?” สีหน้าของซ่งชิวดูขมขื่น เขาจะไปสู้กับเย่เส้าหวงได้ยังไง?
“นายเป็นไอ้ไร้ประโยชน์จริงๆ” ฉู่เฉินแค่นเสียง ก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่หันกลับไปมอง
“แก...” ตอนที่ซ่งชิวได้ยินประโยคแรกของฉู่เฉิน เขากำลังจะเถียงกลับด้วยความโกรธ แต่คำพูดต่อมาของฉู่เฉินกลับทำให้เขาตกตะลึง
“จำคำพูดของพี่เขยเอาไว้ ใครก็ตามที่ทำร้ายคนที่นายรัก ไม่ว่าเขาจะมีสถานะอะไร ก็ต้องซ้อมมันให้ตาย”
ซ่งชิวมองดูฉู่เฉินเดินเข้าไปหาเย่เส้าหวงทีละก้าว
ข้างทางยังมีถังขยะใบหนึ่ง
ฉู่เฉินหยิบขึ้นมา
ในตอนนี้ เย่เส้าหวงมีรอยยิ้มบนใบหน้า มองไปที่ซ่งเหยียน มือของเขายื่นออกไปหาซ่งเหยียนแล้ว
เย่เส้าหวงไม่รีบร้อน
เขามั่นใจว่า ผู้หญิงคนนี้จะต้องยอมแพ้
เขาชอบความรู้สึกที่รอให้เหยื่อติดเบ็ด
“เฮ้”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง
หรงตงหันกลับไป ดวงตาของเขาเบิกกว้าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “ฉู่เฉิน!”
เย่เส้าหวงก็หันกลับไปเมื่อได้ยิน
เขาไม่อยากจะเชื่อ
ทำไมฉู่เฉินถึงได้มาอยู่ที่นี่?
ในตอนนี้ ฉู่เฉินเข้ามาใกล้แล้ว...
“ฉู่เฉิน หยุดนะ” หรงตงเห็นว่าฉู่เฉินถือถังขยะใบหนึ่งอยู่ในมือ เขาก็รีบก้าวไปข้างหน้า
ฉู่เฉินยกเท้าขึ้น หรงตงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้อง ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ชนเข้ากับเย่เส้าหวง
ฉู่เฉินรีบก้าวไปข้างหน้า ทุ่มถังขยะในมือออกไป
หรงตงกับเย่เส้าหวงไม่ทันได้หลบ ถูกถังขยะครอบหัว
ทั้งสองคนเซถอยหลัง ส่งเสียงร้องอุทาน ฉู่เฉินก็เตะออกไปอีกครั้ง ร่างทั้งสองล้มลงไปกองกับพื้น ถังขยะกระแทกพื้นอย่างแรง
“ขยะ” ฉู่เฉินรีบก้าวไปข้างหน้า เตะทั้งสองคนอยู่หลายครั้ง
ซ่งชิวที่อยู่ไกลๆ ตกตะลึง
คนหนึ่งคือทายาทคนโตของตระกูลเย่ อีกคนหนึ่งคือลูกชายของประธานหรงซื่อกรุ๊ป
ในตอนนี้ ทั้งสองคนกลับถูกถังขยะใบเดียวครอบหัว ถูกคนอื่นซ้อมอยู่บนพื้น
คนที่ลงมือคือฉู่เฉิน ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้าน ซึ่งคนทั้งเมืองฉานต่างก็ดูถูก
ซ่งชิวนึกว่าตัวเองสมองตาย
คำพูดของฉู่เฉินผุดขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
เขา... แม่งซ้อมอีกฝ่ายจริงๆ!
“ตีมันเลย!” ซ่งชิวหลุดปากพูดออกมา รู้สึกสะใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่นานเขาก็หุบปาก เงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ด้วยความรู้สึกผิด แม้ว่าจะดูแล้วสะใจ แต่ซ่งชิวไม่มีความกล้าที่จะไปซ้อมเย่เส้าหวง
ซ่งเหยียนก็ตั้งสติกลับมา สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที ลงจากรถ เดินเข้าไป “ฉู่เฉิน หยุดเดี๋ยวนี้”
ฉู่เฉินเตะเย่เส้าหวงไปอีกหนึ่งที
มองไปที่คนสองคนที่นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น ใบหน้าของซ่งเหยียนก็ซีดเผือด
คืนนี้ ฉู่เฉินสร้างเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริงๆ
ในเมืองฉาน มีใครกล้าเอาถังขยะไปครอบหัวเย่เส้าหวง แล้วซ้อมเขาอยู่บนพื้น
ซ่งเหยียนกำลังจะร้องไห้ “ฉู่เฉิน ฉันบอกแล้วไงว่า ห้ามเธอห้ามทะเลาะวิวาท”
ฉู่เฉินมองไปที่คนสองคนที่กำลังร้องโอดครวญอยู่ใต้เท้า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันไม่ได้ทะเลาะวิวาทกับพวกเขา ฉันแค่...ซ้อมพวกเขาฝ่ายเดียว”