บทที่ 11 ห้ามทะเลาะวิวาท
บทที่ 11 ห้ามทะเลาะวิวาท
คนตระกูลซ่งต่างก็จ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าเย็นชา
ในสายตาของพวกเขา คืนนี้ฉู่เฉินออกไปจากหวงถิง เขาต้องเจอเรื่องใหญ่แน่ๆ ทว่า นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉู่เฉินก่อขึ้นเอง
ไม่มีใครคิดสงสารเลย
แถมพวกเขายังต้องการลงมือสั่งสอนฉู่เฉินด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ!
มีแค่ซ่งเหยียนที่กังวลใจ มองไปที่ฉู่เฉิน เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีทีท่าอันใดเลย ซ่งเหยียนก็ยิ่งร้อนใจ เธอมองไปที่ซ่งเสียหยาง แล้วเอ่ยว่า “คุณพ่อ ไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ เรื่องที่ฉู่เฉินทำในคืนนี้ เขาก็ถือว่าเป็นตัวแทนของตระกูลซ่ง ก่อนที่เขาจะออกจากตระกูลซ่งไป เขาก็เป็นคนของตระกูลซ่ง คุณชายเย่เส้าหวงไม่ได้หาเรื่องฉู่เฉินต่อหน้าสาธารณชน แต่จะจัดการกับตระกูลซ่ง นั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายแล้ว ในตอนนี้ พวกเรายิ่งไม่ควรทอดทิ้งฉู่เฉินออกจากหวงถิง ไม่งั้น ตระกูลต่างๆ ในเมืองฉานจะมองตระกูลซ่งของพวกเราว่ายังไง?”
“ถ้าทอดทิ้งฉู่เฉิน จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ หัวเราะเยาะว่าตระกูลซ่งไร้ความสามารถงั้นเหรอ?” ซ่งเสียหยางสบตากับซ่งเหยียน “แต่ถ้าตระกูลซ่งจะปกป้องฉู่เฉิน เราก็ต้องเป็นศัตรูกับตระกูลเย่ เหยียนเหยียน ลูกคิดว่า พวกเราสู้กับตระกูลเย่ได้ไหม?”
“งั้น คืนนี้ก็ปล่อยให้ฉู่เฉินตายไปอย่างนั้นเหรอ?” ซ่งเหยียนพึมพำ
“เหยียนเหยียน อย่าดื้ออีกเลย” ซูเยว่เซียนเอ่ยปาก “แม้ว่าตระกูลซ่งจะอาศัยพลังแห่งโชคชะตาของฉู่เฉินมาห้าปี แต่คืนนี้ เขาทำให้พวกเราแย่ไม่พอรึไง? งานเลี้ยงวันเกิดดีๆ ยังไม่ทันได้เริ่มก็จบลง ลูกยิ่งรู้ดีว่าโปรเจ็กต์ความร่วมมือกับตระกูลเย่สำคัญแค่ไหน ตอนนี้ฉู่เฉินคือตัวซวย!”
ในตอนนี้ ซ่งหรูไห่รีบวิ่งเข้ามา สีหน้าของเขาดูตื่นตระหนก
“ให้คนขับรถมา ตอนนี้เราต้องกลับบ้าน การจัดการแค่นี้ แกคงจะไม่มีปัญหาใช่ไหม?” ซ่งเสียหยางมีสีหน้าที่เคร่งขรึม
ซ่งหรูไห่เหงื่อตก ไม่กล้าพูดอะไร พยักหน้าทันที
เขายังไม่ทันได้ติดต่อกับซ่งเปียว ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น
แต่ตอนนี้ ฉู่เฉินก่อเรื่องใหญ่ ทำให้ตระกูลซ่งเดือดร้อน เขาจึงมีความผิดไปด้วย
“สามีภรรยาเป็นเหมือนนกในป่าเดียวกัน พอเจอเรื่องใหญ่ก็แยกย้ายงั้นเหรอ?” ดวงตาของซ่งเหยียนเปล่งประกายที่มุ่งมั่นออกมา “ตระกูลซ่งอาจจะไม่สนใจฉู่เฉิน แต่หนูทำไม่ได้ ฉู่เฉินเป็นคนที่มาพร้อมกับหนู หนูต้องพาเขาไปด้วย”
ซ่งเหยียนเดินไปหาฉู่เฉิน “ตามฉันมา”
ฉู่เฉินพยักหน้า เดินตามซ่งเหยียนไป
“ซ่งเหยียน!” ซ่งเสียหยางอ้าปาก ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ยังไม่ได้เซ็นชื่อภายในหนึ่งวัน หนูกับฉู่เฉินยังคงเป็นสามีภรรยากัน” ซ่งเหยียนกล่าว “หนูพาเขาไป ไม่ได้เป็นตัวแทนของตระกูลซ่ง แต่เป็นเพราะ เขาคือสามีของหนู ถ้าหนูทอดทิ้งเขา ใจหนูจะรู้สึกผิด!”
ซ่งเหยียนไม่หันกลับไป เดินออกจากโรงแรมหวงถิง
“ขึ้นรถ”
“คุณพ่อ พี่สาม...” ซ่งชิวขมวดคิ้ว
“เธอก็ชอบแบบนี้แหละ” ซ่งชิ่งถอนหายใจออกมา “ตลอดห้าปีมานี้ แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับการจัดการของตระกูล ให้เธอแต่งงานกับฉู่เฉิน แต่เธอก็ดูแลไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้มาโดยตลอด เธอรู้สึกว่า ฉู่เฉินกลายเป็นคนปัญญาอ่อนเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น เธอเลยรู้สึกผิด”
“ถ้าคุณชายเย่รู้ว่าเหยียนเหยียนไปส่งฉู่เฉินด้วยตัวเอง เรื่องนี้คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว” ซ่งหยุนกังวลมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“พวกลูกคิดอะไรตื้นๆ เกินไป” ซ่งเสียหยางส่ายหน้า “ต่อให้เหยียนเหยียนไปส่งฉู่เฉินด้วยตัวเอง เธอก็ช่วยฉู่เฉินไม่ได้ ได้แต่มองดูเขาถูกทำร้าย เสี่ยวชิว ลูกตามไปด้วย เผื่อเกิดอะไรขึ้น คอยปกป้องพี่สาวของลูกให้ดี”
“ครับ” ซ่งชิวรีบเดินไป เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง “พี่ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมปกป้องพี่ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้ามีคนจะซ้อมฉู่เฉิน ฉันจะไม่ยุ่ง”
ซ่งเหยียนอ้าปากค้าง
จริงๆ แล้วเธออยากให้ซ่งชิวช่วยปกป้องฉู่เฉินสักครั้ง ทว่า เธอก็รู้ดีว่าซ่งชิวไม่มีทางยอม
รถสตาร์ท เคลื่อนตัวออกจากโรงแรมหวงถิงอย่างช้าๆ
ในตอนนี้ รปภ.คนหนึ่งที่หน้าโรงแรมหวงถิงมองไปที่ฉากนี้ รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา “เขาอยู่ในรถของคุณหนูสามตระกูลซ่ง บนรถยังมีซ่งชิว ซ่งเสียหยางให้เขาตามไปปกป้องคุณหนูสาม”
บนถนน รถราคับคั่ง
ดูเหมือนจะสงบ
แต่ฝ่ามือของซ่งเหยียนเต็มไปด้วยเหงื่อ
เมืองฉานมีกระแสการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ คุณชายของหรงซื่อกรุ๊ป ซ่งชิวที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ยิ่งเป็นแบบนี้ ซ่งเหยียนก็ยิ่งกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้น แถมยังไม่มีทางแก้ไข จากสายตาของหรงตง เขาคงอยากจะหั่นศพฉู่เฉินเป็นชิ้นๆ
“ซ่งเหยียน เธอดูเหมือนจะกังวลนะ?” ฉู่เฉินเอ่ยปากขึ้นมาทันใด ภายในรถที่เงียบสงบ
ซ่งเหยียนเหลือบมองฉู่เฉิน เธอรู้สึกว่า ฉู่เฉินในคืนนี้ แตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ
“ทำไมเธอถึงได้ตีคุณชายหรง?” ซ่งเหยียนอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉู่เฉินมีสีหน้าที่เจื่อนลงเล็กน้อย “เขาปากเสีย เขาด่าฉัน”
ซ่งชิวที่อยู่ข้างหลังแค่นเสียง “ฉันก็ด่านาย ทำไมนายไม่ตีฉัน?”
มุมปากของฉู่เฉินกระตุกเล็กน้อย
น้องเมียคนนี้ ชอบถูกทารุณใช่ไหม?
หลังจากนี้ค่อยหาโอกาส สนองความต้องการให้เขาหน่อยดีกว่า
เงียบไปครู่หนึ่ง
ฉู่เฉินตอบกลับไปส่งๆ “ฉันสู้นายไม่ได้”
ซ่งชิวแค่นเสียงเยาะเย้ย “รู้ก็ดี อย่าคิดว่าพึ่งความโง่เง่าของตัวเองไปหาเรื่องคนอื่นได้ทุกที่ ไอ้หรงตงคนนั้น ฉันคนเดียวจัดการได้ตั้งห้าคน”
ฟังดูแล้ว ซ่งชิวก็ดูเหมือนจะมีอคติกับหรงตง
“งั้นแสดงว่า นายสามารถปกป้องซ่งเหยียนได้” ฉู่เฉินกล่าว
“แน่นอน” ซ่งชิวจ้องไปที่ฉู่เฉิน “แต่นายอย่าคิดมาก ต่อให้นายถูกตีตายต่อหน้าฉัน ฉันก็จะไม่ขมวดคิ้วด้วยซ้ำ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนาย ถ้าถูกสกัดเอาไว้จริงๆ พวกเขาจะตีนายจนตาย”
สายตาของฉู่เฉินมองไปข้างหน้า เลี้ยวขวาหลังจากผ่านไฟแดงไป จะมีถนนที่ค่อนข้างเงียบสงบ
บางที นั่นอาจจะเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับการลงมือ
ฉู่เฉินมองไปที่รถหลายคันที่ขับตามมาผ่านกระจกมองหลัง สีหน้าของเขาสงบนิ่ง
จอดรถหน้าไฟแดง
“ฉู่เฉิน” ซ่งเหยียนหันหน้ามา “ถ้ารถของเราถูกสกัดเอาไว้ เธอต้องรีบหนีทันที ห้ามทะเลาะวิวาท เข้าใจไหม?”
ฉู่เฉินตกตะลึง ครู่หนึ่งต่อมาก็ได้แต่พยักหน้า “โอเค”
“ฉันจะให้เสี่ยวชิวพยายามขวางพวกเขาเอาไว้” ซ่งเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ หันกลับไปจ้องซ่งชิว “อย่าเพิ่งปฏิเสธ ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว พี่ให้ทำอะไรก็ไม่ทำแล้วงั้นเหรอ?”
ซ่งชิวยิ้มเจื่อนๆ แอบมองฉู่เฉิน จากนั้นก็ยิ้มให้ซ่งเหยียน กล่าวว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก โอเคพี่ ผมจะพยายาม”
ไฟเขียว
ซ่งเหยียนเลี้ยวขวา ขับเข้าไปในถนนเส้นนั้น
ปัง!
โดยไม่ทันตั้งตัว
รถคันหนึ่งที่อยู่ข้างหลังพุ่งชนเข้ามา
ซ่งเหยียนเหยียบเบรกโดยสัญชาตญาณ
รถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง เบรกอย่างแรง ขวางทางรถของซ่งเหยียนเอาไว้
ใบหน้าของซ่งเหยียนซีดเผือด
เธอเข้าใจแล้ว
พวกนี้เป็นคนที่ต้องการจัดการกับฉู่เฉิน
ซ่งเหยียนไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะลงมืออย่างรุนแรงแบบนี้
“ฉู่เฉิน รีบหนีไป”
ซ่งเหยียนตะโกนออกมา ดวงตาของเธอเบิกกว้าง
ฉู่เฉินมองไปที่ซ่งเหยียน จากนั้นก็หันกลับไปพูดกับซ่งชิวว่า “ปกป้องพี่สาวของนายให้ดี”
ฉู่เฉินเปิดประตูรถออก คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันกลับไปอีกครั้ง “รถที่ชนเสียหาย อย่าลืมให้พวกเขาจ่ายค่าชดเชยล่ะ”
ซ่งเหยียนกำลังร้อนใจอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ่งรู้สึกขำไม่ออก “รีบหนีไปเร็วเข้า”
ซ่งเหยียนเห็นว่า มีคนวิ่งลงมาจากรถของอีกฝ่ายหลายคนแล้ว
ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นมอง ถอนหายใจเบาๆ
เพิ่งสัญญากับซ่งเหยียนว่า คืนนี้จะไม่ทะเลาะวิวาท
ฉู่เฉินหันหลังกลับ วิ่งหนีไป...