Chapter 51: การต่อสู้จะสนุกได้ยังไง
Chapter 51: การต่อสู้จะสนุกได้ยังไง
เควินตื่นเต้นมากที่เขาจะยืดเส้นยืดสายและออกกำลังกายเขาจะดูเอริคและให้คำแนะนำบางอย่างกับแอ็คเซลในภายหลังเพื่อให้เอริคสามารถพัฒนาได้เร็วขึ้น
เควินชอบที่จะระมัดระวัง เมื่อเขาเข้าใกล้โรงฝึก เขาก็เอาผ้าคลุมศีรษะของเขาไว้ และด้วยความช่วยเหลือของนักสู้ที่สูงกว่าและแข็งแรงกว่าเขา เขาก็สามารถกลมกลืนเข้าไปในโรงฝึกและไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
ทันทีที่เควินเข้ามาในโรงฝึก แอ็คเซลก็ได้กลิ่นเขาทันทีและมองหาเขา
ต่อมาแอ็คเซลก็เห็นเควินโผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้ไม่มีใครอยู่ที่นี่มาก่อน แต่วินาทีต่อมาเขาปรากฏตัวขึ้นและแอ็คเซลก็ต้องถามเขาอย่างแน่นอนว่าทําได้อย่างไรและเควินเองก็ถอดหมวกออกและเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใส
เอริคที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของแอ็คเซลก็สังเกตเห็นเควินเช่นกันและเขาก็อดที่จะตะโกนด้วยความประหลาดใจไม่ได้ว่า "ฉันไม่เห็นเขาเลย เขามาตั้งเมื่อไหร่... "
แอ็คเซลตบไหล่เอริคละพูดว่า "ถ้าผู้ชายของฉันไม่ต้องการให้คุณเห็นเขา คุณก็จะไม่เห็นเขา คุณควรชินกับมันให้เร็วที่สุดนะ"
เอริคไม่เข้าใจสิ่งที่แอ็คเซลพูด แต่เขาไม่มีเวลาให้อธิบาย เพราะเควินอยู่ที่นี่แล้ว
เควินกอดแอ็คเซล และหลังจากทักทายเอริคแล้ว เขาก็ถามเขาว่า "อลันเอาสร้อยคอฉันคืนให้คุณหรือเปล่า"
เอริคเกาหัวของเขาอาย ๆ เล็กน้อยและกล่าวว่า "ยังเลย เมื่อฉันมาหาแอ็คเซล อลันยังทําสมาธิอยู่ แต่เขาน่าจะกำลังมาร่วมกับเราในเร็ว ๆ นี้"
เควินหัวเราะและพูดกับเขาว่า "เยี่ยมเลย ฉันมีคำถามจะถามเขาเกี่ยวกับการใช้พลังวิญญาณในการปรุงยาอยู่พอดีเลย”
“ฉันต้องการที่จะเพิ่มความเร็วในการผลิตของฉัน แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่าและฉันกลัวที่จะทำอะไรโง่ ๆ และทำลายมัน”
จากนั้นเอริคก็บอกเขาเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ "มันน่าเสียดายที่ฉันสามารถช่วยคุณถ้าคำถามของคุณเกี่ยวกับส่วนผสมของยา”
“ฉันรู้จักสมุนไพรวิเศษ และเลือด หรือของเหลวอื่น ๆ มากมายที่จำเป็นในการปรุงยา”
“แต่เมื่อพูดถึงพลังวิญญาณและการทำสมาธิ โชคร้ายที่ฉันไม่สามารถช่วยคุณได้”
เควินถามเขาด้วยความสงสัย "คุณรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร แอ็คเซลไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้"
เอริคยิ้มและพูดกับเขาว่า "แอ็คเซลไม่เคยพยายามที่จะล่อลวงนักเวทย์ดังนั้นเขาไม่เคยต้องการความรู้พวกนี้”
“แต่สำหรับฉัน วิธีการดึงดูดความสนใจอลันก็มีเพียงไม่กี่วิธีเท่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใด มันทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น ดังนั้นฉันจึงไม่เสียใจที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในห้องสมุดในการเรียนรู้เรื่องทั้งหมดนี้”
เควินหัวเราะและพูดว่า "อลันโชคดีที่มีคุณและตอนนี้คุณต้องแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเขา"
เอริคมองเขาอย่างสงสัยและกล่าวว่า "เควิน ฉันคิดว่าคุณไม่รู้เลยว่านักเวทย์นั้นเก่งเพียงใดและ อลันเป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในนิกายตะวัน และแม้ว่าฉันสามารถฝึกหนักทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ในเรื่องความแข็งแกร่งฉันจะไม่มีวันเทียบเขาได้เลย"
เควินมองไปที่แอ็คเซลเพื่อดูว่าเอริคนั้นพูดเกินจริงไหม แต่แอ็คเซลก็พูดกับเขาว่า "อลันเป็นคนเดียวที่สามารถเอาชนะฉันได้ เวทมนตร์ของเขาน่ากลัวมาก เขามีพลังธาตุไฟและลม และเชื่อฉันเถอะ การโจมตีของเขาน่าทึ่งมาก"
เควินไม่อยากจะเชื่อเลย "สุดยอดเลย แต่เอริคคุณไม่ต้องกังวลไป ฉันกับแอ็คเซล เราจะช่วยให้คุณแข็งแกร่งขึ้น"
เควินมองแอ็คเซล แล้วบอกเขาว่า "ฉันจะดูเขาให้ตอนที่ฉันยืดเส้นยืดสายและออกกำลังกาย แล้วฉันจะบอกคุณทีหลัง"
แต่ในตอนนี้แอ็คเซลตัดสินใจแสดงให้เอริคเห็นแทนที่จะพยายามโน้มน้าวด้วยคำพูดว่าเควินเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาใฝ่ฝัน
แอ็คเซลก็ถามเควินว่า “ที่รัก คุณช่วยสู้กับเขาได้ไหม เขาจะได้เข้าใจว่าเขาสามารถเรียนรู้อะไรจากคุณได้ แต่เบามือหน่อยนะเขายังต้องสามารถฝึกฝนต่ออีก”
"เอาแบบนั้นหรอ ได้สิ ให้ฉันดูหน่อยว่าทำไมคุณถึงเลือกเขา มันน่าจะสนุกแน่ ๆ"
เอริคเกาหัวและไม่เข้าใจสถานการณ์ในเวลานั้น การต่อสู้จะสนุกได้อย่างไร "แอ็คเซลคุณแน่ใจหรอ ผมเป็นนักสู้และเควินเป็นนักเวทย์นะเราไม่น่าจะเหมาะที่จะสู้กัน"
แอ็คเซลตอบด้วยรอยยิ้มว่า "นี่คือเหตุผลที่คุณต้องสู้กับเขา หรือคุณจะไม่เชื่อฉันล่ะ”
“แต่ไม่ต้องห่วงคุณจะทำร้ายเขาไม่ได้หรอก”
เอริคพูดไม่ออกและแอ็คเซลก็ไม่พลาดที่จะให้ไม้ยาว 1 เมตรแก่พวกเขาเพื่อฝึกและป้องกันไม่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บจากอาวุธจริง
เควินสวมหมวกคลุมศีรษะด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเป็นนิสัยที่เขาทำมาโดยตลอด ซึ่งมักจะสร้างความงุนงงให้กับคู่ต่อสู้เพราะมันทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้,ดังนั้น แม้ว่าเอริกจะไม่ใช่ศัตรูของเขา แต่การต่อสู้คือการต่อสู้
แอ็คเซลเตือนเอริคเป็นครั้งสุดท้าย "อีริค อย่าประมาทเขานะ อย่าคิดว่าเขาเป็นแค่นักเวทย์ ส่วนเควิน อย่ารุนแรงเกินไปล่ะ"
ทั้งเควินและอีริคไม่ตอบเขา ในที่สุดเอริคก็ดูจริงจังกับการสู้นี้แล้ว และเมื่อเขามองไปที่เควินมีเพียงสิ่งเดียวที่เอริคเห็นบนใบหน้าของเขาคือรอยยิ้มที่น่าขนลุกเท่านั้น
กลุ่มคนเพิ่งมารวมตัวกัน และล้อมวงเป็นวงกลมใหญ่ห่างออกไปเพื่อให้พวกเขามีพื้นที่เพียงพอในการต่อสู้ และพวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะสนใจในการต่อสู้นี้ และในตอนนั้น แอ็คเซลก็ให้สัญญาณ "สู้ได้!"
เควินที่เห็นเอริคจ้องเขาเขม็ง เขาจึงว่าเอริคจะให้เขาโจมตีก่อน เขาจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ทดสอบการตอบสนองและความเร็วว่าเอริคสามารถเรียนรู้ในการสู้ได้หรือไม่
เพื่อที่จะทำเช่นนี้เควินไม่ได้ให้เวลาเอริคหายใจและเขาทำการจู่โจมหลายครั้งด้วยการเคลื่อนไหวเดียวกันเพื่อดูว่าเอริคสามารถจับจังหวะหรือเรียนรู้ใด ๆ ได้หรือไม่ และเควินก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าแอ็คเซลพูดถูก คนคนนี้มีศักยภาพที่ดีจริง ๆ
และนี้ก็ยังต้องรอดูกันต่อไปว่าเขาจะสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่หรือไม่ และเขามั่นใจว่าแอ็คเซลไม่รู้แน่ ๆ ว่าเอริคนั้นมีความสามารถเพียงใด