บทที่ 48 ฐานวิจัย
บทที่ 48 ฐานวิจัย
ประธานาธิบดีเชนีย์ถูกปลุกระหว่างกำลังหลับอีกครั้ง ใบหน้าของเขามืดมน ดูน่าเกลียดยิ่ง แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา เขาสวมเสื้อคลุมอย่างเงียบ ๆ แล้วเดินออกไป
"มีอะไรอีก?" เขาถามเลขาฯ ด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้จะพยายามควบคุมอารมณ์อย่างสุด ๆ แต่น้ำเสียงก็ยังปนไปด้วยความโกรธ
ประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนจะมีเลขาหลายคนตลอดวาระการดำรงตำแหน่ง เลขาฯ บางคนทำหน้าที่เกี่ยวกับการออกข่าวประชาสัมพันธ์ บางคนดูแลเรื่องงานสังคม บางคนจัดการระบบเอกสาร และแน่นอนว่ามีเลขาลับที่รับผิดชอบการรายงานเหตุการณ์สำคัญ ๆ อยู่ด้วย
เซเกสตา คือเลขาคนที่สองของเชนีย์ ตามคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
เมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของเชนีย์ เซเกสตาจึงหยิบแฟ้มเอกสารออกมาจากกระเป๋าเอกสาร ส่งให้เขาอย่างเคารพ จากนั้นก็ถอยกลับไปรอคำสั่งของเชนีย์
เชนีย์เปิดแฟ้มเอกสารอย่างรีบร้อน พออ่านมันก็ได้แต่กระแทกมันลงบนโต๊ะข้าง ๆ ตัวเขา "แม้กระทั่งเขต 7 ก็ยังโดนรุกรานงั้นเหรอ? บานาเช็คเพิ่งสัญญากับฉันไว้แท้ ๆ แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นอีก?"
เขาโกรธจนกลั้นไม่อยู่ ถึงแม้ว่าจากการติดต่อประสานงานล่าสุด เชนีย์จะรู้เกี่ยวกับประวัติ ความสำคัญ และการสนับสนุนข้อมูลที่เขต 7 มอบให้กับสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยความที่เป็นองค์กรพิเศษที่มีความลับระดับสูง กระทั่งประธานาธิบดีเองก็แทบจะยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้ องค์กรเช่นนี้ เพราะอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีคนไหนของสหรัฐฯ ก็คงไม่อยากให้มันยังคงมีอยู่ต่อไป
จริง ๆ แล้วเชนีย์ได้เตรียมที่จะจัดการกับเขต 7 อยู่แล้ว เพราะในความคิดของเขา เขต 7 ยังคงอยู่ต่อไปได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของรัฐบาล และฐานวิจัยขนาดใหญ่นั้นจะต้องถูกแบ่งแยกออกมาให้ชัดเจนด้วย
เชนีย์ไม่เชื่อหรอกว่ารูสเวลท์จะอนุญาตให้เขต 7 ดำเนินไปตามตัวของมันเอง ให้คัดเลือกสมาชิกและเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยเองเนี่ยนะ?
ก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งรู้มาว่าเขต 7 เบิกเงินประจำปีเป็นหลักพันล้านดอลลาร์จากงบประมาณ ในชื่อของกองทุนพิเศษของรัฐบาล ถึงแม้ว่าทอม บานาเช็ค หัวหน้าของเขต 7 จะมีสัมพันธ์อันดีกับเขา แต่ความต้องการยุบองค์กรเขต 7 ของเชนีย์ก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป
"ท่านประธานาธิบดี" เซเกสตา สมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติและเป็นสมาชิกคนสำคัญของคณะที่ปรึกษาเงาของเชนีย์ ก็ได้รับทราบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเขต 7 มาจากประธานาธิบดีเชนีย์อยู่แล้ว
"ดูเหมือนว่าการมีอยู่ของเขต 7 ถูกเปิดเผยแล้ว เราควรจะย้ายสิ่งของวิจัยที่สำคัญออกจากที่นั่นไหมครับ?"
"ยุ่งยากเกินไป!" เชนีย์ส่ายหัว "บานาเช็คบอกฉันว่าอุกกาบาตนอกโลกที่เก็บรักษาไว้ในห้องทดลองพีบีมีพลังงานกัมมันตภาพรังสีรุนแรง ถ้าหากมันออกจากห้องทดลองที่ออกแบบพิเศษแล้ว พลังงานของมันจะทำให้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในบริเวณนั้นรวน"
"แถมยังมี NBE-1 อีก เขต 7 ตรวจสอบมันอย่างละเอียดทุกปี พวกเขาสงสัยว่าถ้าอุณหภูมิและความดันเปลี่ยนแปลง สัตว์ประหลาดต่างดาวตัวนั้นน่าจะหลุดจากการควบคุมไป!"
"แต่เราจะปล่อยให้เรื่องมันวุ่นวายต่อไปไม่ได้!"
คราวนี้ เขต 7 ต้องเผชิญกับการรุกรานของทหารชีวจักรกลต่างดาวที่คาดว่ามาจากนอกโลก นั่นยิ่งเป็นเหตุผลที่ดีให้เชนีย์เข้าแทรกแซงเขต 7
เขาครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนสั่งเซเกสตา "ไปจัดการเอกสารพวกนี้แล้วส่งไปเพนตากอน ให้รัฐมนตรีวอยต์และให้เขาจัดกำลังทหารไปประจำการที่เขต 7 เพื่อความปลอดภัย"
เชนีย์หยุดคิดอีกครู่แล้วพูดต่อ "ถ้าสื่อสนใจเรื่องนี้ อ้างว่า FBI ได้รับข้อมูลข่าวกรองว่า ผู้ก่อการร้ายได้แทรกซึมเข้าสหรัฐอเมริกาและพร้อมที่จะวางระเบิดที่เขื่อนฮูเวอร์!"
"เข้าใจแล้วครับ!"
เซเกสตารีบออกไปเพื่อแจ้งข่าวไปยังเพนตากอนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เชนีย์รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนเลย เขาสูดหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย "ไอ้พวกสัตว์ประหลาดนอกโลกบ้า ๆ พวกมันทำไมไม่ประพฤติตัวดี ๆ สักทีกันนะ!"
พอนึกถึงหัวรบนิวเคลียร์สี่หัวที่ยังคงสูญหาย และเหล่าสิ่งมีชีวิตเครื่องจักรที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกมุมใดสักแห่งของสหรัฐอเมริกากว้างใหญ่ เขาก็เริ่มรู้สึกปวดหัว
...
ตัดมาที่ตีหนึ่ง ช่วงกลางดึก ณ ชานเมืองเทศมณฑลซากาเช ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐโคโลราโด ที่ฐานปล่อยขีปนาวุธใต้ดินระหว่างประเทศ “ไททัน วัน” ของสหรัฐฯ ที่ร้างมานาน
ฝาปิดบ่อที่ปิดผนึกไว้นานได้เปิดออก พร้อมกับคลื่นอากาศขุ่นมัวที่พวยพุ่งออกมา โดยมีองค์ประกอบเป็นกัมมันตภาพรังสีจำนวนเล็กน้อย มันปะปนไปกับร่องรอยของธาตุรังสี ร่างจักรกลสวมเกราะสีเทาเข้มกระโดดออกจากปล่องบ่อขีปนาวุธอย่างคล่องแคล่ว ร่างนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คือ ซุนเฉิง นั่นเอง!
"มืดแล้วเหรอ? ฉันไม่ชินกับการอยู่ที่แบบนี้เลยแฮะ มันเหมือนอยู่ใต้ดินยังไงไม่รู้!"
แม้จะรู้ว่าน่าจะมีคนน้อยคนที่จะมาตามถึงที่นี่ แต่ซุนเฉิงก็ยังคงมองไปรอบ ๆ อย่างระวัง ก่อนจะพึมพำบ่นพลางมองไปมา
แต่พอคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันที
เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขากำหนดทิศทางโดยใช้ดาวเทียมในอวกาศ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนฟ้า ร่างกายแปรเปลี่ยนไปเป็นโดรนรีเปอร์ แล้วมุ่งหน้าบินไปยังเมืองโคโลราโดสปริงส์
มันผ่านมาห้าวันแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาบุกเข้าไปและหนีออกมาจากเขต 7 ถึงแม้จะมีข้อมูลที่แม่นยำถึงสถานที่ของออลสปาร์ค เขาก็เลือกที่จะเก็บมันไว้เป็นความลับ และไม่ได้แจ้งให้สตาร์สครีมหรือออนสลอตรู้
ตลอดห้าวันนี้ ซุนเฉิงยุ่งมาก เขาเดินทางไปทั่วสหรัฐอเมริกาอันกว้างใหญ่ และสุดท้ายก็มาตั้งหลักที่ฐานปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ร้าง บริเวณชานเมืองเทศมณฑลซากาเช ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐโคโลราโด ซุนเฉิงวางแผนที่จะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นฐานทัพของเขา เหมือนของออลสลอตและสตาร์สครีม
หลังจากได้ออลสปาร์คมา ความเร็วของซุนเฉิงก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอีกครั้ง ตอนนี้ความเร็วของเขาพุ่งไปถึงกว่า 900 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว ถึงแม้ระยะทางระหว่างเมืองเทศมณฑลซากาเชกับเมืองโคโลราโดสปริงส์จะไกลพอสมควร แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินเล่นในสายตาของเขาเลย
พอมาถึงระยะห่างจากเมืองโคโลราโดสปริงส์ประมาณไม่กี่สิบกิโลเมตร ซุนเฉิงก็ลดความเร็วลงและเริ่มวางแผนอย่างรอบคอบ
บริเวณใกล้เคียงเมืองโคโลราโดสปริงส์มีเครื่องมือทางทหารที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันภัยทางอากาศมากมาย ซึ่งรวมถึง ฐานทัพอากาศพีทส์เตอร์สัน ฐานทัพอากาศชรีเวอร์และ สำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการป้องกันอวกาศอากาศอเมริกาเหนือ ระบบเตือนภัยป้องกันภัยทางอากาศที่นี่ค่อนข้างสมบูรณ์ แม้แต่ซุนเฉิงก็ไม่อยากยุ่งกับกองทัพอากาศสหรัฐฯ หรอก
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงปลอมตัวเข้าสู่เมืองโคโลราโดสปริงส์ ซุนเฉิงมุ่งตรงไปยังโรงงานร้างบริเวณชานเมืองทันที เมื่อเห็นลังไม้หลายใบวางอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าของโรงงาน ใบหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"ฉันมาถูกทางแล้วสินะ"
เขาตีลังกากลับหลังอยู่กลางโรงงานกว้าง ไม่อาจปิดบังความรู้สึกยินดีในใจของเขาเอาไว้ได้เลย
ตั้งแต่ติดตามออนสลอต เขาก็ได้เรียนรู้ว่าดิเซปติคอนระดับสูงส่วนใหญ่เพิ่มพูนพลังการต่อสู้ของพวกเขาด้วยการเสริมสร้างร่างกายจักรกลให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้ทำให้ซุนเฉิงมีความคิดที่อยากจะสร้างห้องทดลองขั้นสูงสำหรับตัวเองในอนาคต
ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเอาเครื่องจักรขั้นสูงจากดาวไซเบอร์ทรอนมาได้เหมือนออนสลอตและสตาร์สครีม แต่ถึงกระนั้น ซุนเฉิงก็ไม่ใช่หมูที่ใครต่อใครจะมารังแกได้ ด้วยการรุกเข้าสู่ระบบธนาคารของสหรัฐฯ เขาย้ายเงินเป็นพันล้านดอลลาร์จากบัญชีของคนตายหลายหมื่นบัญชีภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น จากนั้นเขาก็จดทะเบียนบริษัทนอมินีต่าง ๆ ผ่านทางเครือข่ายเพื่อฟอกเงิน และใช้ชื่อของบริษัทนอมินีเหล่านั้นเป็นจำนวนมากในการซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบขั้นสูงจำนวนมากที่เขาต้องการ หลังจากนั้นแล้ว เขาก็ให้บริษัทขนส่งจัดส่งไปยังโรงงานของเขาหลายแห่งในเมืองใหญ่ ๆ ของรัฐโคโรลาโด
ตลอดกระบวนการ ซุนเฉิงติดต่อกับตัวแทนต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายเท่านั้น แผนของเขารัดกุมมาก แม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในจุดใดจุดหนึ่ง มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อจุดอื่น
โรงงานร้างแห่งนี้ อยู่ในบริเวณชานเมืองโคโลราโดสปริงส์ ซึ่งมันก็เป็นหนึ่งในจุดรับสินค้าของเขาเช่นกัน
ที่นี่ เครื่องมือกลึง CNC 5 แกน เครื่องตัดเลเซอร์โลหะ และเครื่องปั่นไฟดีเซลสองเครื่อง ผ่านขั้นตอนการรับสินค้าเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าผู้รับของก็ถูกเขาว่าจ้างมาทางอินเตอร์เน็ตเช่นกัน
สิ่งที่ซุนเฉิงต้องทำต่อไปตอนนี้ก็คือ เอาเครื่องจักรเหล่านี้กลับไปในตอนกลางคืน จากนั้นใช้ฟังก์ชั่นพิเศษของดิเซปติคอนในการอัปเกรดพวกมัน แล้วค่อยนำไปใช้ศึกษาเพื่อหาทางยกระดับร่างกายหุ่นยนต์ของตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบโคตรถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น