บทที่ 17: สร้างรูปปั้นให้พ่อ!
มู่โหย่วชิงเชิดหน้าแล้วเดินจากไปพร้อม ๆ กับ หลินซวนด้วยความภาคภูมิใจ
เสวียนจู่ ในอ้อมแขนของมู่โหยวชิง ส่ายหน้าแล้วเอ่ยออกมาว่า "ลุงคนนั้นช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก"
เสวียนซี พยักหน้าเห็นด้วย: "ใช่ ๆ เขาเป็นคนที่ชอบอวดตัว และเสด็จแม่ก็สอนพวกเราว่า อย่าเป็นคนแบบนั้น"
มู่โหยวชิงหอมแก้มเด็กหญิงตัวน้อยสองคนพร้อมเอ่ยเบา ๆ "เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าก็เกลียดคนแบบนี้เหมือนกัน!"
เสวียนหาน และ เสวียนหยู อยู่ในอ้อมแขนของหลินซวน
พร้อมกับยกนิ้วให้กับหลินซวน.
เอ่ยออกมาพร้อมกัน: "เสด็จพ่อดีที่สุด!"
มู่โหยวชิงหัวเราะ คิกคักสองสามครั้ง: "สาวน้อย ข้าเกรงว่าคนอื่นอาจยังไม่รู้ว่าเสด็จพ่อเจ้ายอดเยี่ยมเพียงใด!"
"แน่นอน!"
เด็กหญิงตัวเล็กทั้งสี่พยักหน้าพร้อมกัน ด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ
เสด็จพ่อของพวกนางเก่งที่สุดในโลก อิอิ!
เมื่อเห็นแผ่นหลังของพวกเขาเคลื่อนตัวออกไปแล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
ซือหม่าเหวินอี้กำหมัดแน่นด้วยสีหน้าหงุดหงิด:
“ให้ตายเถอะ ปรากฎว่าเจี่ยฟู่เกอของโหยวชิงเป็นคนต่อกวีหงส์นิรันดร์!”
คนสองคนที่ติดตามเขาก็ส่ายหน้าและถอนหายใจ
"เมื่อดูการแสดงออกของแม่นางโหยวชิง ดูเหมือนว่านางจะชื่นชมเจี่ยฟู่เกอของนางมาก!"
“นี่ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะเจี่ยฟู่เกอของนางั้นหล่อเหลาและมากพรสวรรค์จริง ๆ”
"ฮึ!" ซือหม่าเหวินอี้แค่นเสียง เอ่ยอย่างไม่เต็มใจ"ในการชุมนุมครั้งนี้ มีนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่มากมายมารวมตัวกัน ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าเจี่ยฟุ่เกอของน้อง จะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนกัน!"
หลังจากเอ่ยจบเขาก็นำคนทั้งสองขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว.
หลินซวน และ มู่โหยวชิง พาเด็ก ๆ ไปที่ด้านนอกของ หอเหวินฉู่ซิง และพวกเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันอยู่ด้านในแล้ว.
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ได้เดินทางมาถึงก่อนแล้วเป็นจำนวนมาก.
ก่อนเข้าประตู เขาพบว่ามีที่นั่งฝังทองคำสิบเอ็ดที่นั่งบนแท่นที่ไกลและสูงที่สุด
หลินซวนตัดสินว่าสิบเอ็ดที่นั่งนั้นเป็นสิบเอ็ดที่นั่งพิเศษที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงเจียงจิ่วไป่ด้วย
ขณะนี้มีที่นั่งแล้วสิบที่นั่ง
ที่เหลือหนึ่งที เห็นได้ชัดว่าเป็นของหลินซวน
มีการอภิปรายกันมากมายในห้องโถงเกี่ยวกับที่นั่งที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ภายในห้องโถงก็มีที่นั่งอีกมากมาย.
“งานชุมนุมทางวรรณกรรมครั้งนี้ มีที่นั่งพิเศษ 11 ที่ ที่ดูเจิดจรัสเป็นอย่างมาก ใครเป็นคนที่นั่งในตำแหน่งสุดท้ายกัน.”
“ข้าได้ยินว่าเป็นคนที่ต่อกลอนคู่ หงส์นิรันดร”
“คนผู้นี้สมควรได้รับเกียรตินี้จริง ๆ ที่สามารถต่อกลอนคู่หงส์นิรันดรได้!”
“ข้าอิจฉาจริง ๆ! หากข้าได้นั่งที่นั่งตรงนั้น ข้าคงจะนอนหลับฝันหวาน!”
ทันทีที่หลินซวนเดินเข้าประตูมา ซ่างกวนเจี่ยก็เร่งรีบเดินเข้ามาหาทันที.
ซ่างกวนเจี่ยที่เผยใบหน้ายิ้มแย้ม ก้าวเข้ามารับหลินเซียน พร้อมกับนำเขามายังที่นั่งพิเศษบนแท่นเวทีสูงทันที.
ในเวลานี้ แทบทุกสายตาของผู้เข้าร่วมชุมนุมได้จับจ้องมองไปที่หลินซวน
เจียงจิ่วไป่ชายชราผมขาวในชุดคลุมสีขาวรีบเข้ามาทักทายเขาแล้วเอ่ยออกมาว่า "นี่คือตี้ฟู่ ผู้มีพรสวรรค์ตามที่คาดไว้!"
หลังจากได้รับการแนะนำจางซ่างกวนเจี๋ย เจียงจิ่วไป่ก็รู้จักตัวตนของหลินซวนมาก่อนแล้ว.
เมื่อเห็นรูปลักษณ์อันสง่างามของหลินซวน ก็เผยความชื่นชมออกมา.
เมื่อเห็นเจียงจิ่วไป่ที่เป็นผู้นำ นักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ กระทั่งเสิ่นหยากังก็ลุกขึ้นมาทักทายหลินซวนเช่นกัน.
แม้ว่าพวกเขาจะมีสถานะสูงในโลกวรรณกรรมก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หลินซวน ไม่เพียงแค่มีสถานะตี้ฟู่ แต่ยังสามารถต่อกลอนคู่ หงส์นิรันดรได้อีกด้วย.
ทั้งความสามารถและสถานะ ก็เพียงพอให้เจียงจิ่วไป๋ให้ความเคารพแล้ว.
เหล่าผู้คนใต้เวทีต่างก็เผยความประหลาดใจออกมาเช่นเดียวกัน.
“ปรากฏว่าคนที่ต่อบทกวี ก็คือตี้ฟู่ ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ!”
“ตี้ฟู่ทั้งหล่อเหลาและมากความสามารถ ช่างเป็นผู้ชนะในชีวิตจริง ๆ!”
“โอ้ว ข้าอิจฉาจริงๆ!”
ช่างแตกต่างกันมากมายนัก.
เพียงแค่ก้าวเข้ามาในประตู ซือหม่าเหวินอี้ก็เห็นอาจารย์ของเขาเสิ่นหยากัง ลุกขึ้นมาทักทายหลินซวนแล้ว.
ใบหน้าของเขาที่ดูบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที.
ความรู้สึกในใจที่มากล้น ทำให้ความภาคภูมิใจของเขาค่อย ๆ สลายหายไป.
สถานะ ความสามารถ และรูปร่างหน้าตาของ หลินซวน ล้วนแต่เป็นเลิศทั้งหมด.
แม้แต่อาจารย์ก็ยังต้องลุกขึ้นมาทักทายเขา ซือหม่าเหวินอี้ ไม่มีส่วนไหนที่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับหลินซวนได้เลย.
เทียบกับหลินซวน มู่โหยวซิงจะมองตัวเขาได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ซือหม่าเหวินอี้ ก็รู้สึกว่ากระดาษแผ่นหนึ่งในมือของเขาที่เขียนบทกวีรัก เริ่มร้อนขึ้นมาทันที.
แม้นว่าจะมีคนขอให้นำมันออกมา เขาก็ไม่ต้องการทำแล้ว.
ซือหม่าเหวินอี้ที่ขยี้กระดาษแผ่นดังกล่าว ก่อนที่จะหันหลังกลับเดินออกจากห้องโถงไปทันที.
เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป แล้วมองดูหลินซวนดูเปล่งประกาย มองดูผู้คนเข้าไปทักทายยกยออีกฝ่าย.
ณ ขณะนี้.
หลินซวนที่เอ่ยทักทายเจียงจิวไป๋และเหล่านักวิชาการสิบอันดับแรก จากนั้นพวกเขาก็กลับไปนั่งประจำที่ตัวเอง.
หลินซวนเองก็เข้าไปนั่ง ยังที่นั่งที่เตรียมไว้ให้เขาด้วยเช่นกัน.
โชคดีที่นั่งนั้นใหญ่พอที่จะให้ธิดาทั้งสี่สามารถนั่งร่วมกับเขาได้.
เห็นสาวน้อยน่ารักสี่คนนั่งอยู่ในอ้อมแขนของหลินซวน
คราวนี้ผู้คนนับหมื่นในโลกวรรณกรรมต่างก็แสดงความอิจฉา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รู้หนังสือที่เป็นผู้ชาย พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะกลับบ้านและให้กำเนิดบุตรสาว กับภรรยาทันที แล้วเลี้ยงดูพวกเขาเป็นอย่างดี.
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่คน เสวียนจู่และพี่น้อง เป็นเด็กสาวที่ดูน่ารัก น่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก.
หลินซวน พาเด็กทั้งสี่คนไปไหนมาไหนด้วย ภาพฉากที่อบอุ่นอ่อนโยนเช่นนี้ ทำให้ทุกคนหัวใจแทบละลายแล้ว.
และในขณะที่ทุกคนแอบถอนหายใจ แสงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องสว่างขึ้นทันที
ด้านหลังหลินซวนและที่นั่งพิเศษของพวกเขา มีรูปปั้นขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 100 เมตร ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางแสงสว่าง
เป็นรูปปั้นที่สวมชุดบัณฑิต ในมือถือซ้ายพู่กัน และมือขวาถือตำราเล่มหนึ่ง ใบหน้าเงยขึ้นมองท้องฟ้า แผ่กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา.
ในตำราสวรรค์เสวียนเจี่ยที่หลินซวนได้รับมา มีภาพของรูปปั้นนี้เช่นกัน กล่าวว่า นี่คือรูปปั้นของเหวินฉู่ซิง.
เสวียนจู่ชี้ไปที่รูปปั้นแล้วเอ่ยถาม "เสด็จพ่อ นี่คือคุณปู่ เหวินฉู่ซิงใช่ไหม"
หลินซวน อุทาน: "เจ้ารู้จัก เหวินฉู่ซิง ด้วยเหรอ?"
"ใช่!"เสวียนจู่ พยักหน้า "เสด็จแม่ได้สอนพวกเราแล้ว"
หลินซวนพยักหน้าเงียบ ๆ เสวียนจู่เป็นผู้มีมารยาทมากที่สุดในบรรดาเด็กทั้งสี่คน และเป็นคนที่ชอบวรรณกรรมมากที่สุดด้วย
ตงหวงจื่อโหยวก็พบลักษณะพิเศษของบุตรแต่ละคนด้วยเช่นกัน แม้แต่สอนพิเศษในความถนัดของแต่ละคนด้วย.
“อย่างไรก็ตาม เสด็จแม่เอ่ยถึงคุณปู่เหวินฉู่ซิงเพียงสั้นๆ เท่านั้น”
“เขาเป็นคนแบบไหนข้ายังไม่รู้เลย!” เสวียนจู่ขมวดคิ้ว
หลินซวนเผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“ตามตำนานเอ่ยว่า เหวินฉู่ซิงคือดวงดาวดวงที่สี่ของกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ และเป็นหนึ่งดาวหลักที่จุติสู่โลกมนุษย์.”
“เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เกี่ยวกับงานวรรณกรรม ผู้เขียนตำรา เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์งานด้านวรรณกรรมมากมาย.”
เสวียนจู่ที่คิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้ารับ“ปรากฏว่าคุณปู่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมจากดาวกระบวยใหญ่.”
“จะเอ่ยเช่นนั้นก็ได้” หลินซวนรู้สึกว่าความเข้าใจของเสวียนจู่นั้นสูงจริง ๆ ซ้ำยังสรุปได้ดีมาก
เสวียนจู่ถามอีกครั้ง: "แล้วทำไม คนถึงสร้างรูปปั้นให้เขาล่ะ?"
“แน่นอนว่าเป็นเพราะความชื่นชมและความรักที่มีต่อเขา” หลินซวน ยิ้มและยกมือลูบศีรษะเล็ก ๆ ของนาง.
"โอ้โอ้ว" เสวียนจู่พยักหน้า
เสวียนซีกลอกตาโตของนาง เผยยิ้มที่มีลักยิ้มน่ารักสองอันปรากฏขึ้นบนแก้มของนาง:
“งั้นข้าจะสร้างรูปปั้นให้เสด็จพ่อด้วย”
เสวียนหานยกนิ้วขึ้นสี่นิ้ว: "ข้าสร้างขึ้นมาสี่แห่งเลย แต่ละอันแทนของพวกเราแต่ละคน”
เสวียนหยูส่ายหน้าไปมา "ไม่พอ ไม่พอ! ข้าจะสร้างพันหนึ่ง ไม่สิ หนึ่งหมื่นแห่งเลย!"
เสวียนจู่,เสวียนซี และ เสวียนหาน ต่างก็ตื่นตะลึง
เอ่ยพร้อมกัน: "เสวียนหยู เจ้าสร้างขึ้นมามากมาย หากถูกคนอื่นปล้นไปล่ะ?”
เสวียนหยู"°.°·(((p(≧□≦)q)))·°.° ”