[ตอนฟรี] ตอนที่ 191 : โม่บดสังหารจ้าวดารา
จ้าวดาราอู๋จี๋คือใครน่ะเหรอ? เขาคือตัวตนทรงพลังที่เคยโลดแล่นไปทั่วโลก เคยกระทั่งก่อเรื่องใหญ่โตในดินแดนอมตะมาแล้ว
แต่ตอนนี้ วิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋กำลังสั่นเทา
ก่อนหน้าไม่นาน ตัวเขาในร่างวิญญาณปรารถนาที่จะทำลายจิตวิญญาณที่แท้จริงของจวินเซียวเหยา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรเช่นนี้
ในที่สุด เงาดำขนาดมหึมาก็เผยโฉมออกมาอย่างสมบูรณ์
มันคือโม่บดแห่งเทพที่เปื้อนเปรอะไปด้วยคราบเลือดนั่นเอง
ขณะที่โม่บดแห่งเทพกำลังหมุนวน ราวกับว่ามีเสียงร้องโหยหวนของเหล่าเทพเจ้าและปีศาจดังออกมา หากใครได้ยินเข้าคงขนลุกขนพองเป็นแน่
โม่บดแห่งเทพคือสุดยอดทักษะการโจมตีวิญญาณของวิถีเทพเกลาวิญญาณนั่นเอง
ทักษะการโจมตีนี้ส่งผลต่อจิตวิญญาณที่แท้จริง ร่างวิญญาณ และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องทางวิญญาณมากที่สุด
แม้ว่าการโจมตีนี้ต่อร่างกายทางกายภาพจะเป็นศูนย์
แต่ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับจิตวิญญาณที่แท้จริงหรือร่างวิญญาณ
จึงไม่แปลกที่จ้าวดาราอู๋จี๋จะตัวสั่น
“นี่มันเคล็ดวิญญาณบ้าอะไรกัน?” จ้าวดาราอู๋จี๋อดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา
แรงกดดันที่น่ากลัวนั้นแทบจะทำให้ตัวเขาแหลกสลาย
จ้าวดาราอู๋จี๋รีบถอยหลังและต้องการที่จะหนี
“ไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว งั้นก็อยู่ที่นี่ซะสิ” วิญญาณของจวินเซียวเหยายิ้มเยาะ
ภายในมิติของวิหารศักดิ์สิทธิ์ โม่บดแห่งเทพที่มีขนาดมหึมาดั่งทวีปสีดำก็เคลื่อนตัวเสียงดังกึกก้องไปทางจ้าวดาราอู๋จี๋
จากนั้นแรงดูดมหาศาลก็ปะทุออกมา
ต่อให้จ้าวดาราอู๋จี๋พยายามจะหนียังไง เขาก็หนีไม่พ้น
ในที่สุด หลังจากที่ส่งเสียงกรีดร้องบาดใจออกมา เขาก็โม่บดแห่งเทพดูดเข้าไป
ทุกครั้งที่โม่บดแห่งเทพหมุนบด วิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋ก็จะถูกบดขยี้ไปทีละนิด
“ม่ายย…ข้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาทั้งชีวิต กว่าแผนการจะมาถึงจุดนี้ได้ เหตุใดข้าถึงพ่ายแพ้ให้กับเด็กวานซืนอย่างเจ้าด้วย!”
วิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋ร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น
เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะพ่ายแพ้ให้กับจวินเซียวเหยา
แผนการอันแยบยล ความทะเยอทะยานที่จะมีชีวิตใหม่ และความมุ่งมั่นที่จะเปิดเส้นทางที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนล้วนพังทลายลงในวินาทีนี้
ไม่ต้องบรรยายเลยว่าจ้าวดาราอู๋จี๋จะคับแค้นใจขนาดไหน
“คลื่นลูกใหม่ในแยงซีซัดคลื่นลูกเก่า เจ้าไม่รู้หรือไงว่าคลื่นลูกใหม่นั้นน่ากลัวแค่ไหน?” จวินเซียวเหยายิ้มอย่างเย็นชา
เขาเกิดในตระกูลโบราณที่เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรนับไม่ถ้วนและมีพรสวรรค์ไร้เปรียบ
แถมเกิดมาก็มีสถานะสูงส่งในตระกูลชั้นสูงทันที
ในอีกแง่หนึ่ง จะนับว่า “คลื่นลูกใหม่” ก็ได้
โดนคลื่นลูกใหม่ซัดตายบนหาด มันก็ไม่เสียชื่อสักเท่าไหร่
“อ๊ากกก…น่าแค้นใจซะจริง!”
สุดท้าย เสียงร้องอันโศกเศร้าและขุ่นเคืองของจ้าวดาราอู๋จี๋ก็ดังกึกก้องไปทั่วโม่บดแห่งเทพ
หนึ่งในสุดยอดตัวตนแห่งยุค บัดนี้ได้ล้มหายตายจากไปจากโลกโดยสมบูรณ์แล้ว
ตัดภาพมาที่โลกภายนอก สีหน้าของอี้ยวี่และราชสีห์เก้าเศียรต่างก็กำลังตึงเครียดอยู่
ส่วนโม่ฝานนั้นยังคงอยู่ที่เดิม
เพราะมีอี้ยวี่และพรรคพวกอยู่ อยากหนีขนาดไหนเขาก็คงหนีไม่ได้
“หรือว่าจ้าวดาราอู๋จี๋จะยึดร่างได้แล้ว?” โม่ฝานครุ่นคิด
ถ้าจ้าวดาราอู๋จี๋ยึดร่างได้สำเร็จ แบบนั้นเขาก็น่าจะมีโอกาสรอดอยู่
แต่ครู่ต่อมา จวินเซียวเหยาก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขายังคงใสกระจ่างและดูสงบ
ตอนนั้นเองที่สายตาของจวินเซียวเหยาปะทะเข้ากับสายตาของโม่ฝาน
ดวงตาของเขาเผยให้เห็นร่องรอยของการเย้ยหยันอยู่ ถึงกับทำให้หัวใจของโม่ฝานตกไปอยู่ตาตุ่ม
“โม่ฝาน เจ้าอยากเห็นข้าถูกยึดร่างงั้นเหรอ?”
คำพูดของจวินเซียวเหยาทำให้สีหน้าของโม่ฝานซีดเป็นกระดาษทันที
และก็ทำให้อี้ยวี่และราชสีห์เก้าเศียรพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พวกเขาแสดงท่าทีที่ชื่นชมอย่างสุดซึ้งออกมา
ขนาดคนที่พยายามจะยึดร่างคือจ้าวดาราอู๋จี๋ เขาก็ทำอะไรจวินเซียวเหยาไม่ได้
“ไม่…ไม่ใช่จ้าวดาราอู๋จี๋…” โม่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เขาไม่มีวันได้ใช้ชีวิตที่สองแล้วล่ะ” จวินเซียวเหยาพูดอย่างเย็นชา
หัวใจของโม่ฝานเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีที่ได้ยิน
เห็นได้ชัดว่าจ้าวดาราอู๋จี๋ตายไปแล้ว
ทันใดนั้น โม่ฝานก็คุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัวขอขมา “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย!”
“ไว้ชีวิตเจ้างั้นเหรอ?”
“เจ้าปล่อยพวกเผ่าคนบาปและนำหายนะมาสู่นิกายเสวียนเทียน ต่อให้เจ้ามีอีกร้อยชีวิต เจ้าก็ชดใช้บาปครั้งนี้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับชีวิตเดียวที่เจ้ามี!” น้ำเสียงของจวินเซียวเหยาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
เขาไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ และตบฝ่ามือใส่โม่ฝานทันที
“ไม่!”
โม่ฝานลุกขึ้นและวิ่งหนีทันที
พุฟ!
หลังจากฝ่ามือกระแทกลงไป ร่างโม่ฝานก็หายไปโดยสมบูรณ์
โดนตบจนกลายเป็นหมอกเลือดขนาดนี้ มั่นใจได้เลยว่าตายสนิทแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เอง ปัญหาทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้จึงได้รับการแก้ไข
เย่ซิงหยุนถูกยึดร่าง จ้าวดาราอู๋จี๋ถูกจวินเซียวเหยาสังหาร และโม่ฝานก็ตาย
จากนั้นจวินเซียวเหยาก็หยิบคันศรทำลายดวงดาวขึ้นมาดู
“เป็นอาวุธระดับเทวะที่ไม่เลว บางทีมันอาจจะยกระดับเป็นอาวุธกึ่งจักรพรรดิได้ในวันข้างหน้า” จวินเซียวเหยาพิจารณาคันศรทำลายดวงดาวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โยนมันให้อี้ยวี่
“นายท่าน นี่มัน…” อี้ยวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ในขณะที่ถือคันศรทำลายดวงดาวไว้
นี่มันอาวุธเทวะเชียวนะ!
ถ้าเอาไปซ่อมแซมแล้วก็ดูแลต่ออีกหน่อย มันอาจพัฒนาเป็นอาวุธกึ่งจักรพรรดิได้เลย!
อาวุธเทวะที่หายากขนาดนี้ จวินเซียวเหยากลับโยนให้เขาหน้าตาเฉย
“นายท่าน ของสิ่งนี้มีค่ามากเกินไป อี้ยวี่คงรับไว้ไม่ได้” อี้ยวี่ค้อมตัวและยื่นคันศรทำลายดวงดาวคืน
“บอกให้เอาก็เอาไปเถอะ คิดว่านายท่านของเจ้าขาดแคลนอาวุธเทวะรึไง?” จวินเซียวเหยาโบกมือ
เขามีดาบวิญญาณผานหวางอยู่แล้ว
อีกอย่าง ถ้าเขาอยากได้อาวุธกึ่งจักรพรรดิจริงๆ แค่เอ่ยปากขอ เดี๋ยวตระกูลจวินก็มอบมันให้กับเขาเอง
ดังนั้น จวินเซียวเหยาจึงไม่ขาดแคลนอาวุธ
คันศรทำลายดวงดาวนี้เหมาะกับอี้ยวี่พอดี และเขาย่อมดึงประสิทธิภาพของมันออกมาได้มากที่สุด
อี้ยวี่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตระหนักได้ว่าจวินเซียวเหยาไม่ขาดแคลนอาวุธจริงๆ
ยังไงก็ตาม ความจริงใจนี้ยังคงทำให้อี้ยวี่ประทับใจอยู่ดี เขาจึงคุกเข่าลงคำนับจวินเซียวเหยาสามครั้ง
จวินเซียวเหยาเหลือบมองหุ่นเชิดเทพผ่าดาวหกตัว จากนั้นก็เก็บมันไว้ในแหวนมิติ
หุ่นเชิดเทพผ่าดาวระดับนักบุญหกตัว แม้แต่ในดินแดนอมตะก็หาได้ยาก
ในดินแดนเบื้องล่างแห่งนี้ บทบาทของพวกมันจะเฉิดฉายอย่างมาก
จากนี้ไป การปราบพวกเผ่าคนบาปจะสามารถทำได้โดยหุ่นเชิดเทพผ่าดาว
ยังไงก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการใช้งานหุ่นเชิดเทพผ่าดาวระดับนักบุญก็สูงมาก
อย่างน้อยก็ต้องใช้ศิลาปราณอมตะเกรดต่ำ หรือแหล่งพลังงานอย่างแก่นดวงดาว
โชคดีที่ก่อนหน้านี้จวินเซียวเหยาได้แก่นดวงดาวมาเป็นพัน
ไม่อย่างนั้นคงลังเลไม่น้อย กว่าจะได้ใช้งานมันแต่ละครั้ง
สุดท้าย สายตาของจวินเซียวเหยาก็หยุดอยู่ที่บัลลังก์แห่งดวงดาว หรือก็คือ แก่นแท้พิภพ
จวินเซียวเหยาก้าวเท้าเข้าไปดู
แก่นแท้พิภพเต็มไปด้วยสีสันงดงาม เต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระยับกระจายอยู่ทั่ว
จวินเซียวเหยาเคยได้รับชิ้นส่วนเล็กๆ ของแก่นแท้พิภพมาจากหลินเฟิงแล้ว
แต่ตอนนี้ที่อยู่ตรงหน้าของจวินเซียวเหยา มันคือแก่นแท้พิภพทั้งก้อนของทวีปดวงดาว!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับอันไร้ที่สิ้นสุดที่บรรจุอยู่ในแก่นแท้พิภพ ถึงจวินเซียวเหยาจะเห็นสมบัติมามากมายแล้วก็เถอะ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ดี
แต่เดิมคงเป็นจ้าวดาราอู๋จี๋ที่ได้หลอมกลั่นแก่นแท้พิภพอันนี้หลังจากที่ได้ยึดร่างของเย่ซิงหยุน
แต่ก็อย่างที่เห็น ทุกอย่างกลายเป็นของจวินเซียวเหยาแล้ว
จากนั้นเขาก็เก็บแก่นแท้พิภพอันนี้เข้าไปในช่องเก็บ
เขาต้องการที่จะสร้างเส้นทางเป็นของตัวเองและใช้ร่างกายตัวเองเป็นเมล็ดพันธุ์ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่แก่นแท้พิภพอันนี้จะไม่ถูกใช้เป็นเมล็ดพันธุ์
มันจะถูกใช้เป็นพลังงานสำรองในภายหลัง
“เสร็จธุระที่นี่เมื่อไหร่ก็คงถึงเวลากลับทวีปสวรรค์เร้นลับพอดี ข้าจะได้กลับไปเก็บต้นกุยช่ายหลินเฟิงด้วย” จวินเซียวเหยาคิดในใจ