บทที่ 9: ในที่สุดข้าก็อวดเสด็จพ่อแล้ว!
หลินซวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นเพราะคำพูดนี้
“ทำไมเขาถึงบอกว่าข้าเหมือนผู้หญิงล่ะ” หลินซวนถาม
ซวนหยูเอ่ยด้วยความโกรธ: "เพราะเขาบอกว่า ใบหน้าเสด็จพ่อขาวมาก เด็กผู้ชายไม่มีหน้าขาวขนาดนั้น มีแต่เด็กผู้หญิงเท่านั้นที่มี!"
คำพูดที่ทำให้ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา.
ไม่มีใครคาดคิด เพราะคำพูดนี้ เด็กทั้งสองจึงทะเลาะกัน.
อย่างไรก็ตาม หลินซวน ทั้งหล่อและประณีต แม้แต่ทั่วทั้งเป่ยเสวียนเทียนก็หาพบ ได้ยากยิ่ง
ความประณีตของเขาสามารถบดบังความงามของสตรีหลายคนได้เลย
ตงหวงเต๋อเย่ ที่บีบใบหน้าของตงหวงเห่าหยู ด้วยความตะลึง พร้อมกับเอ่ยออกมาแกมหัวเราะ“เจ้าเด็กตัวเหม็น นี่คือ บุรุษที่หล่อเหลาต่างหาก.”
“หน้าบุรุษก็ขาวและสวยมากได้นะ รู้ไหม?”
ตงหวงเห่าหยู ดูงุนงง: "เด็กผู้ชายจะดูดีเหมือนกันได้ไหม?"
"แน่นอน!"
ตงหวงเต๋อเย่พยักหน้า "ตี้ฟู่นั่นก็คือเจี่ยฟู่เกอของเจ้า เขาเป็นบุรุษที่ดูหล่อเหลาที่สุดในโลก เข้าใจไหม?"
ในขณะที่เอ่ย ตงหวงเต๋อเย ได้ริเริ่มผูกสัมพันธ์กับหลินซวนแล้ว
นับความสัมพันธ์ของเขากับตงหวงจื่อโหยว ตงหวงเห่าหยูควรเรียกหลินซวนว่า ลุง
“อืม เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!” ตงหวงเห่าหยู รีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อโค้งคำนับหลินซวน "เจี่ยฟู่เกอ ข้าขอโทษ!"
หลินซวนลูบศีรษะ: "ไม่เป็นไร"
"ฮะ!" เสวียนหยูกอดอก พร้อมกับเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิ คล้ายกับแสดงออกมาว่า ข้าไม่ได้ผิด.
ตงหวงเต๋อเย่ผลักตงหวงเห่าหยู : "ไปขอโทษน้องสาวเจ้าด้วยสิ"
เห็นได้ชัดว่าตงหวงเห่าหยูถูกทุบตีมากกว่า แต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะอีกฝ่ายเป็นคนผิด.
และเสวียนหยูยังเป็นธิดาของจักรพรรดินิตงหวงจื่อโหยว ,ตงหวงเต๋อเย่ มีแต่ต้องยอมรับผิดเท่านั้น.
ทำได้เพียงปล่อยให้ลูกชายของเขาก้าวออกไปยอมรับความผิดพลาดของตัวเองก่อน
ตงหวงเห่าหยูก้าวไปข้างหน้าและจับมือเล็ก ๆ ของเสวียนหยู: "น้องสาวเสวียนหยู ข้าผิดแล้ว"
"ฮึ!" เสวียนหยูแค่นเสียง ยังคงเผยท่าทางภาคภูมิ
ตงหวงเห่าหยูหยิบขนมชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างช่วยไม่ได้:
“น้องสาวเสวียนหยู ข้ามอบขนมแก่เจ้า ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย?”
เสวียนหยูที่คว้าขนมมา แต่ไม่ได้เปิดห่อแต่อย่างใด จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า"เสด็จพ่อของข้าเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุด!"
ตงหวงเห่าหยู พยักหน้า: "ใช่!"
เสวียนหยู: "นอกจากนี้ เสด็จพ่อของข้าก็ยังเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดด้วย!"
ตงหวง เห่าหยู: "อืม!"
เสวียนหยูเห็นทัศนคติของตงหวง เห่าหยูจริงใจมาก
จากนั้นนางก็แกะขนมออกมาพร้อมกับเลียมันเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า "มันหวานมาก เช่นนั้นข้าจะยกโทษให้กับเจ้า!"
ตงหวงเต๋อเย่ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็จัดการแม่มดตัวน้อยได้
จากนั้นเสวียนหยูก็หันหน้ากลับมาและกระโดดตัวลอยเข้าไปในป้อมกอดของหลินซวน พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยเสียงหัวเราะที่เปี่ยมด้วยความสุข
“ในที่สุดข้าก็มีเสด็จพ่อเหมือนกับทุกคนแล้ว!”
“พวกเขาเคยอวดเสด็จพ่อแต่ข้าไม่มี!”
“ตอนนี้ ในที่สุดข้าก็สามารถอวดเสด็จพ่อของข้า ให้พวกเขาเห็นได้แล้ว!”
หลินซวน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้.
ปรากฎว่าเด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้ที่ตอบสนองอย่างรุนแรงก็เพราะมีปมค้างอยู่ในใจนี่เอง.
นับตั้งแต่นางรู้ความ นางก็เฝ้ามอง ดูเด็กคนอื่น ๆ อวดบิดาของตัวเอง
ทุกครั้งที่เห็นจะทำให้นางหดหู่ใจเป็นอย่างมาก.
“เป็นบุตรสาวที่ดีของพ่อจริงๆ!” หลินซวนอดไม่ได้ที่จะหอมใบหน้าเล็ก ๆ ของนาง "เสด็จพ่อสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปในอนาคต!"
เสวียนจู เสวียนซี และเสวียนหาน เห็น หลินซวนหอมแก้มของเสวียนหยูก็เผยท่าทางอิจฉาอยู่พักหนึ่ง.
สาวน้อยทั้งสามเร่งรีบวิ่งเข้ามากอดหลินซวน: "เสด็จพ่อ ท่านก็หอมข้าด้วย!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า ดี!" หลินซวนตอบรับคำขอของบุตรสาวทันทีและหอมแก้มบุตรสาวทีละคนจนครบ
เมื่อเห็นฉากที่อ่อนโยนของพวกเขา ทุกคนต่างก็พากันอิจฉา
การมีบุตรสาวก็ดีเช่นกัน!
เด็กสาวตัวน้อยที่กอดมะรุมมะตุ้มรอบ ๆ กายของหลินซวนอย่างมีความสุข.
“ว้าว ช่างเป็นครอบครัวที่มีความรักมากมาย!”
มู่โหยวชิงเข้ามาด้านหลังหลินซวนและบังเอิญเห็นฉากที่เขาหอมแก้มบุตรสาวทั้งสี่คน ทำให้หัวใจของนางแทบละลายไปในทันที.
“เจี่ยฟู่เกอ งานเลี้ยงน้ำชากำลังจะเริ่มแล้ว ข้าจะพาท่านไปที่นั่น”
เสวียนจู่ และเด็กสาวคนอื่น ๆ เห็นมู่โหยวชิง พวกนางต่างเรียกนางอย่างกระตือรือร้น: "สวัสดีเสี่ยวอีของข้า!"
[小姨(xiǎoyí/เสี่ยวอี๋) น้องสาวของภรรยา]
ในบรรดาคนหนุ่มสาวในราชวงศ์ตงหวง มู่โหยวชิงและพวกเสวียนจู่ นางนับว่ามีสนิทสนมกันดีที่สุด
เมื่อเห็นเสวียนจู่ และเสวียนซี กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของมู่โหยวชิง หลินซวน ก็พยักหน้ารับ: "ไปกันเถอะ"
มู่โหยวชิงที่กอดเสวียนจู่ และเสวียนซี ในอ้อมแขนของนางแล้วหอมพวกนางทีละคน
“สาวน้อยทั้งสอง ไม่ได้อุ้มพวกเจ้าเพียงแค่สองสามวัน ดูเหมือนว่าจะมีน้ำหนักขึ้นนะ.”
เสวียนจู่และเสวียนซีที่จ้องมองหน้ากันเขม็ง.
“เอ่อ ข้าอ้วนขึ้นเหรอ?”
“เมื่อคืนเจ้ากินมากเกินไปหรือเปล่า?”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนเคยอยู่กับตงหวงจื่อโหยว และมักจะเห็นตงหวงจื่อโหยวไม่กินอะไรเลยเป็นเวลาหลายวัน
ภายใต้อิทธิพลดังกล่าว พวกนางจึงเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับการรักษาสภาพรูปร่างที่เพรียวบางได้.
เมื่อได้ยินมู่โหยวชิงเอ่ยเช่นนี้ เมฆดำก็ลอยอยู่ในใจของเด็กหญิงตัวน้อย
“ฮ่าฮ่า น้าของเจ้ากำลังแกล้งพวกเจ้าเท่านั้น!”
มู่โหยวชิงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง "แม้ว่าน้าจะไม่ดีเท่าแม่ของเจ้า แต่ก็มีพลังบ่มเพาะเสมือนจักรพรรดิ ทำไมจะคิดว่าพวกเจ้าหนักล่ะ"
หลินซวนแอบรู้สึกละอายใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
สมควรที่จะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในราชวงศ์ตงหวง มู่โหยวชิงที่มีระดับเสมือนจักรพรรดิตั้งแต่อายุยังน้อยเลยทีเดียว
ถ้าเติบโตขึ้นไปอีกจะมีระดับใด?
ทุกคนที่พูดคุยกัน หัวเราะไประหว่างทาง ท้ายที่สุดก็มาถึงสถานที่นัดหมายในเวลาไม่นาน.
สถานที่คือ ศาลาบนเนินเขาซึ่งอยู่ใจกลางสวน
ศาลาแห่งนี้มีชื่อว่า เฝิงหยาถิง
แค่ได้ยินชื่อก็บอกได้เลยว่าเป็นสถานที่รวมตัวของสุภาพบุรุษ
กล่าวได้ว่าผู้คนที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ล้วนแต่เป็นคนที่พิเศษ.
ด้านในที่ดูหรูหรา เต็มไปด้วยของประดับตกแต่งราคาแพง.
อย่างไรก็ตาม ผู้คนด้านในก็ไม่มีใครที่เผยท่าทางหยิ่งผยองสะกดข่มคนอื่น ๆ.
บรรยากาศที่ดูอบอุ่นทำให้หลินซวนรู้สึกสบายใจมาก
ลองคิดดูการที่เขาเข้าร่วมงานพร้อมกับสตรีงามเช่น มู่โหยวชิง นับว่าเป็นเรื่องที่ดูไม่ควรเท่าไหร่นัก.
มู่โหยวชิงที่เอ่ยแนะนำให้กับทุกคน“ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้าได้รู้จัก นี้คือบุรุษของฝ่าบาท หลินซวน!”
ชายหนุ่มและหญิงสาวทุกคนในราชวงศ์ต่างเต็มไปด้วยสีหน้าชื่นชม
"เป็นดั่งที่คาดไว้ ควรค่าจะเป็นตี้ฟู่ ท่าทางสูงสูงไม่ธรรมดา!"
"การปรากฏตัวของตี้ฟู่ เพียงพอที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเป่ยเสวียนเทียนได้จริง ๆ!"
“ช่างหล่อเหลาสง่างามมาก! ข้าอิจฉาพี่สาวจักรพรรดินีจริงๆ!”
เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของทุกคน เสวียนจู่,เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู ใบหน้าเล็ก ๆ ของ พวกนางต่างก็เผยความพึงพอใจออกมา.
ในอดีตพวกนางไปที่ไหนก็เห็นเด็กคนอื่น ๆ อวดพ่อของตนเสมอ.
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกนางจะได้รับความรู้สึกของการมีเสด็จพ่อแล้ว!
ตามคำเชิญของมู่โหย่วชิง หลินซวนได้มานั่งที่หัวโต๊ะ
มู่โหย่วชิงนั่งข้างเขาเพราะนางต้องการช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วย.
มู่โหยวชิงจึงแนะนำหลินซวนให้ทุกคนรู้จัก
ในหมู่พวกเขาปะกอบด้วย ซ่างกวนเจี๋ย และ ซ่งหลิงถิง ดูเหมือนจะโดดเด่นที่สุดในบรรดา กลุ่มพรสวรรค์รุ่นเยาว์กลุ่มนี้
“พี่ใหญ่ซ่างกวนและพี่ซ่งอยู่ห่างจากอาณาจักรจักรพรรดิเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น”
“ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาทั้งสองยังมีพรสวรรค์ที่รู้จักกันไปทั่วเป่ยเสวียนเทียน และพวกเขาต่างก็เชี่ยวชาญด้านฉิน หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษร และการวาดภาพด้วย”
"ในแง่ของความรู้ ถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วถึงกับได้รับฉายา "เป่ยซวนซวงจือ" "
หลังจากการแนะนำของมู่โหย่วชิง ทำให้หลินซวนสามารถกลืมกลืนเข้ากับงานได้อย่างรวดเร็ว.
จากนั้น งานเลี้ยงน้ำชาก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
หลังจากเอ่ยพูดคุยกันสักพัก เยาวชนในราชวงศ์คนหนึ่งก็ถามซ่างกวนเจี๋ยว่า "พี่ใหญ่ซางกวน ในงานเลี้ยงน้ำชาครั้งสุดท้าย ท่านบอกว่ามีบทกวี หงส์ชั่วนิรันดร์ที่ท่านต้องการแบ่งปันกับพวกเราทุกคน ใช่หรือไม่?"
“ข้าสงสัยว่า ท่านจะทำให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาได้ไหม!”
ซางกวนเจี๋ยส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว "โอ้ กวีหงส์ชั่วนิรันดรนี้ยากเกินไป!"
"ข้าคิดเกี่ยวกับมัน แต่กลับโง่เขลามาก จนทำให้ข้าไม่สามารถเขียนบทกวีที่เหมาะ ทำให้มันสมบูรณ์ได้"
ซ่งหลิงถิงเอ่ย : "ใช่ พี่ซ่างกวนก็มาหาข้าด้วยเช่นกัน แต่ข้าก็ไม่อาจเขียนเติมออกมาได้เช่นกัน"
มู่โหยวชิงเดาะลิ้น แล้วเอ่ยออกมาว่า: "มันยากขนาดนั้นเลยรึ? ท่านสองคนประสบความสำเร็จในบทกวีมาก แต่กลับไม่อาจเขียนต่อบทกวีคู่ได้อย่างงั้นรึ?"
ซางกวนเจี๋ยและซ่งหลิงถิง พยักหน้าพร้อมกัน
“ไม่ใช่แค่เราเท่านั้น แต่อาจารย์ของเราก็ไม่สามารถ” ทั้งสองเผยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้