บทที่ 87 หยางเสี่ยวเทียน รับมือข้าให้ดี!
วิญญาณยุทธ์ขั้นสูงที่สำนักเสินไห่ กล่าวขานว่าน่าหวาดหวั่นประดุจสัตว์ประหลาด ตอนนี้ กลับถูกหยางเสี่ยวเทียนเตะกระเด็นออกไปสภาพไม่ต่างจากหมูโสโครก
เมื่อเกาลู่และคนอื่นๆ ได้เห็นภาพร่างของซูหลี่ อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งสุดประจำชั้นปีหนึ่งแห่งสำนักเสินไห่ ถูกหยางเสี่ยวเทียนใช้เพียงเท้าเตะปลิวไปข้างหลังตัวหดงอปานกุ้งประจักษ์ต่อสายตาทุกคู่ ทำพวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือด
รวมทั้งเฉิงเป้ยเป้ยกับหยางจง
เนื่องทุกคนต่างเห็นและรับรู้ดี ว่าซูหลี่แข็งแกร่งแค่ไหนในการประลองศิษย์ใหม่ครึ่งชั่วยามก่อนหน้า เขาจัดการศิษย์ใหม่จากสำนักเสินเจี้ยน เอาชนะทุกคนโดยลำพังง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
แต่ตอนนี้ ซูหลี่ผู้ได้กวาดล้างศิษย์ใหม่ในสำนักเสินเจี้ยนจนราบคาบ ถูกหยางเสี่ยวเทียนสยบลง ง่ายกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก
นี่คือสิ่งที่ปรากฏขึ้นจริงยังสายตาทุกคนในจัตุรัส
ส่วนหลินหยงและเฉินหยวน ก็มาถึงทันเวลาเห็นหยางเสี่ยวเทียนเตะซูหลี่ตัวลอยออกไปจากระยะไกลเท่านั้น
ซึ่งทั้งคู่ก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เช่นกัน
ซูหลี่ยันร่างลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลขณะมองหยางเสี่ยวเทียนไม่วางตา ความรู้สึกเขาตอนนี้ทั้งประหลาดใจ ทั้งคุกรุ่นด้วยโกรธแค้นและยังอับอายที่เริ่มปะทุขึ้นจากส่วนลึกในจิตใจ เคล้ารวมกันจวนสับสน
เขา ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นถึงสัตว์ประหลาดอัจฉริยะที่มีวิญญาณยุทธ์ขั้นสูง กลับถูกศิษย์ใหม่ผู้มีเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสองจากสำนักเสินเจี้ยน ใช้เท้าเตะออกไปเหมือนหมูเหมือนหมา
ต่อหน้าอาจารย์พร้อมศิษย์ทุกคนของสำนักเสินเจี้ยนและสำนักเสินไห่
น่าอัปยศสิ้นดี!
หลังซูหลี่ยืนขึ้นช้าๆ พยายามเกร็งตัวให้ตรงสง่าต่อสายตาหยางเสี่ยวเทียนผู้ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า มิมีไหวติงประดุจแท่งศิลา
“หยางเสี่ยวเทียน เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ทันทีที่ซูหลี่ร้องแหกปาก แสงสว่างก็ปะทุออกมาจากร่างกายเขาเต็มทุกอณู ก่อตัวเป็นภาพธรรมของมหาวานรยักษ์ข้างหลังเขา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงที่สร้างเขาให้มีชื่อเสียง
จิตใจของทุกคนพลันตึงเครียดเมื่อมองยังภาพธรรมมหาวานรยักษ์ที่สูงกว่าร่างซูหลี่เกือบสามสิบฉื่อ
ก่อนที่ในไม่ช้า แรงกดดันอันมหาศาลจะค่อยๆ หายไป พร้อมภาพธรรมของมหาวานรยักษ์ได้ผสานรวมเข้าร่างซูหลี่เบื้องหน้ามันอย่างน่าอัศจรรย์
นี่เป็นครั้งแรกที่หลายๆ คนได้เห็นวิญญาณยุทธ์ขั้นสูง พวกเขาต่างเบิกตายืนตะลึงลานต่อภาพธรรมของมหาวานรยักษ์อันทรงพลังตรงหน้า อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเพิ่งเคยพบการผสานกายแท้เข้ากับวิญญาณยุทธ์เช่นนี้
เวลาเดียวกัน ร่างซูหลี่ก็เปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ จนทุกคน ณ ที่แห่งนั้นต้องยกมือขึ้นปิดบังตา กระทั่งแสงเลือนลับ หลงเหลือเพียงเจ้าของร่างเล็กอันดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
มังสาทั่วสรรพางค์กายทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยขน
ครั้นมองจากระยะไกล คล้ายคลาไม่ต่างเจ้ามหาวานรยักษ์มิมีผิด ทว่าตัวเล็กกว่าภาพธรรมเมื่อครู่นัก
พลังมหาศาลอัดแน่นในร่างเขาทวียิ่ง จนเอ่อล้นก่อนระเบิดออกมาจากกายนั้นอย่างรุนแรง เสียงดังไกลแผ่วงกว้างไปถ้วนทั่ว
ทันใดนั้น เขาก็กระโดดปราดจนสูงลิ่ว พุ่งลงตรงหน้าหยางเสี่ยวเทียนส่งผืนพสุธากระเทือนไหวครั้นสองเท้าหยั่งถึงพื้น ทั้งเศษหินดินกระเบื้องรอบฝ่าเท้าฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ ด้วยแรงกดทับอันมหาศาลพานให้เกิดหลุมลึกมิใช่น้อย
หลังผสานร่างวิญญาณยุทธ์ ซูหลี่มิเพียงแต่เพิ่มพูนความเร็วเท่านั้น พลังโจมตีและการป้องกันก็พลันทวีมหาศาลไปด้วย
ยิ่งวิญญาณยุทธ์ทรงพลังมากเท่าใด กายแท้วิญญาณยุทธ์ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
“หยางเสี่ยวเทียน รับมือข้าให้ดี!”
ซูหลี่แผดเสียงร้องกึกก้องกังวาน แล้วเขยื้อนร่างนั้นพุ่งเข้าหาหยางเสี่ยวเทียน พร้อมเหยียดกระบี่ยาวในมือแทงไปข้างหน้า
ปราณกระบี่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง สร้างความกดดันอันน่าพรั่นพรึงต่อผู้ได้พบเห็น ปราณกระบี่ที่กำลังท่องทะยานด้วยความเร็วสูง มิอาจคาดคะนึงได้ว่าหากถูกมันกระแทกจะแหลกหรือไม่
“นี่มัน เพลงกระบี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์!” ศิษย์หนึ่งคนในนั้นเบิกตาโปนด้วยตกใจ จนปากสั่นพลันอุทานออกมา
เพลงกระบี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในวรยุทธขั้นเซียนยุทธ์ชั้นยอดของสำนักเสินไห่
มิเพียงเท่านี้ มันยังเป็นหนึ่งในวรยุทธที่ฝึกฝนสำเร็จยากมาก หากสามารถแตกฉานได้ ก็นับว่าเป็นอัจฉริยะของชั้นปีหนึ่งทีเดียว
ทุกคนในสำนักเสินเจี้ยนต่างมิคาดคิดว่า ซูหลี่ผู้นี้จะสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ครั้นพินิจจากพลังของมันแล้ว เขาต้องบรรลุไม่ต่ำกว่าขั้นฉลาดล้ำเลิศแน่นอน
เมื่อเห็นว่าปราณกระบี่ของซูหลี่กำลังจะเข้าถึงตัวหยางเสี่ยวเทียน โดยหมายจะแทงให้ทะลุหน้าอกอย่ามิคิดปรานี
“ระวัง!” หลินหยง เฉินหยวน และคนอื่นๆ ที่กำลังรุดมาห่างมิใกล้มิไกลนัก ต่างร้องตะโกนเสียงหลงเตือนหยางเสี่ยวเทียนอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าวิตก
ระหว่างนั้นเอง หยางเสี่ยวเทียนผู้ยังคงสีหน้านิ่งเฉย ได้เริ่มเหวี่ยงกระบี่ยาวในมือออกมาฟาดฟันเข้าฉะปราณกระบี่ของซูหลี่เบื้องหน้ากะทันหัน ว่องไวไม่น้อยไปกว่าเขา
ทันใดนั้น ปราณกระบี่นับสิบเล่มก็ปรากฏขึ้นเหนือเวหา
ปราณกระบี่ มากถึงสิบเล่มแล้ว!
ขณะทุกคนกำลังสนใจกับปราณกระบี่ทั้งสิบ จู่ๆ ร่างของหยางเสี่ยวเทียนที่ยืนอยู่กลางจัตุรัสก็ขาดหายไปในพริบตาทำใจเสีย
ซูหลี่เผยยิ้มหลังคิดว่าปราณกระบี่ของตนโจมตีถูกหยางเสี่ยวเทียนแน่นอนแล้ว แต่ทันใดนั้น ปราณกระบี่จำนวนมากก็พุ่งเข้าหาเขาจากทางด้านหลังพร้อมร่างของหยางเสี่ยวเทียวถือกระบี่ในมือ ชี้ลงมาเหนือหัวเขาก่อนจะวับหายไปครั้นซูหลี่ยกกระบี่ขึ้นปัดป้อง
เขากวาดมองหาหยางเสี่ยวเทียนที่อยู่ตรงหน้าเมื่อครู่ ก็มิเห็นร่างนั้นเสียแล้ว เมื่อทุกสิ่งเบื้องหน้าประจักษ์ต่อสายตา ไม่ช้าในหัวก็พลันนึกถึงเพลงกระบี่หนึ่งผุดเข้ามา ทำเอาสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที
ยามนี้คะนึงได้ กายก็ต้องการถอยร่นอย่างรวดเร็ว แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป เพราะปราณกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนพุ่งมากระชั้นชิดแล้ว แม้นอยากจะหนีก็มิอาจพ้นได้
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ปราณกระบี่ทั้งสิบของหยางเสี่ยวเทียน ก็ทะยานเข้าใส่ร่างซูหลี่ทีละเล่ม ทำเขาตัวงอครั้งแล้วครั้งเล่า
เพลงกระบี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของซูหลี่ที่ใช้ไปเมื่อครู่ ตอนนี้นั้น ไร้ค่าเมื่อมันอยู่ต่อหน้าปราณกระบี่นับสิบของหยางเสี่ยวเทียน
แรงปะทะในครานี้เร็วขึ้นและหนักหน่วง ส่งร่างซูหลี่พุ่งลอยละลิ่วคล้ายจะเหมือนเดิมทุกประการกับโดนเพลงเตะก่อนหน้า จนกระแทกพื้นดังสะเทือนพานให้ผืนปฐพีแตกละเอียด
ปากที่เคยเหยียดยิ้มด้วยมั่นใจก่อนหน้า บัดนี้กระอักเลือดอย่างน่าเวทนานัก