บทที่ 83 : การต่อสู้ของผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า
บทที่ 83 : การต่อสู้ของผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า
ณ ตอนนี้
คลื่นพลังงานทางจิตวิญญาณลูกใหญ่ได้พัดไปทั่วอาณาเขตของตระกูลตงฟาง….ทำให้อาคารของตระกูลตงฟางทั้งหมดถูกทําลายราวกับเจอภัยพิบัติ
และนี่ไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุด
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือกลุ่มคนด้านล่างซึ่งมีออร่าที่ทรงพลังเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของพวกเขา
ออร่าของแต่ละคนเพียงพอที่จะระงับการดํารงอยู่ของผู้นำตระกูลระดับกลางทุกตระกูล
แม้แต่ในทวีปเทียนหลัวทั้งหมด…..ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน, พวกเขาก็จะเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนเสมอ
อย่างไรก็ตาม, สภาพของบุคคลที่มีอํานาจเหล่านี้ในขณะนี้ไม่ค่อยดีนัก
พวกเขากําลังจับหน้าอก…..ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับกําลังพยายามระงับบางสิ่งบางอย่าง
ยิ่งกว่านั้นบางคนก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากแล้ว
จากสิ่งนี้, เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังประสบความสูญเสียครั้งใหญ่จากเเรงสะท้อนของการปะทะกันบนท้องฟ้า
เมื่อเห็นฉากนี้ผู้คนนับไม่ถ้วนก็เเลกเปลี่ยนสายตาและมองไปข้างหน้า
พวกเขาทั้งหมดต้องการรู้ว่าใครคือผู้มาเยือนเเละครอบครองความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูร่างที่ลงมาจากฟากฟ้า
การแสดงออกของผู้ฝึกตนหลายคนจากตระกูลตงฟางก็เริ่มเปลี่ยนไปหลายครั้ง
ผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าขั้นที่แปดจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง….ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาที่ไม่ปิดบังสักนิด
"นำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมาและช่วยกันฆ่าเขา!"
ด้วยเสียงตะโกนเบาๆ, ผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าจํานวนมากก็ปะทุขึ้นทีละคนเพื่อเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
เเต่ทันใดนั้นเอง
บนภูเขาด้านหลัง, ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นจริง….แล้วระงับออร่าอันโอ่อ่าของผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้ารอบๆ
"พวกเจ้าถอยออกมา!"
เสียงที่เก่าเป็นพิเศษพร้อมความรู้สึกของความเฉยเมยทําให้โมเมนตัมของทุกคนหยุดชั่วคราว
พวกเขาหันหน้าไปมองเเละเห็นชายชราผู้เสื้อคลุมสีม่วง
แม้ว่าใบหน้าของชายคนนี้จะแก่ชรา มาก…..แต่พลังของเขายังคงยิ่งใหญ่จนเเทบจะปกคลุมสวรรค์ได้
"ท่านบรรพบุรุษสูงสุด!"
เมื่อเห็นชายชราคนนี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าต่างก็ตกตะลึงและทุกคนก็เริ่มโค้งคํานับ
เมื่อเห็นสิ่งนี้, ผู้ชมรอบๆก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ….และคนที่แข็งแกร่งกว่าบางคนก็เริ่มแสดงความกลัวอย่างสุดซึ้ง
ที่ทุกคนเเสดงออกเเบบนี้ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด….แต่เพราะบุคคลนี้คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลตงฟาง
บรรพบุรุษสูงสุด, ตงฟางหมิงคง
เมื่อพูดถึงชื่อของตงฟางหมิงคง….ทั่วทั้งทวีปเทียนหลัวก็จะต้องสั่นสะท้านทันที
ไม่มีใครในระดับเดียวกันจากทวีปเทียนหลัวสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้
ทั้งชีวิตของเขาถูกสร้างขึ้นบนกองศพของศัตรูเเละการต่อสู้ที่เป็นตำนานนับครั้งไม่ถ้วน
และภายใต้การนําของเขา….ตระกูลตงฟางจึงได้รับชื่อเสียงเเละความแข็งแกร่งที่สูงส่งในปัจจุบัน
เมื่อเห็นทุกคนโค้งคํานับ ตงฟางหมิงคงก็โบกมืออย่างไม่เป็นทางการและมองไปข้างหน้าด้วยแววตาแห่งอารมณ์
“เย่เจิ้น”
“ข้าไม่ได้คาดหวังเลยว่าเจ้าจะบรรลุอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้”
ตงฟางหมิงคงดูเหมือนจะรู้จักเย่เจิ้นและเอ่ยปากพูดกับอีกฝ่ายตรงๆ
และเมื่อได้ยินบรรพบุรุษเรียกชื่อเย่เจิ้น….ชายชราสองสามคนในตระกูลตงฟางก็ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรได้
อีกด้าน, เมื่อได้ยินคําพูดของตงฟางหมิงคง
เย่เจิ้นก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับอีกฝ่ายเเละยกยิ้มจาง ๆ
"ที่ข้าสามารถปรับปรุงได้เร็วมากเช่นนี้….ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านไม่ใช่หรือ"
เมื่อได้รับการตอบกลับเช่นนี้….ตงฟางหมิงคงก็ได้เเต่ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง
"ตอนนั้นเจ้าเข้าใจผิด, ข้าเเค่อยากรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าและทําให้เจ้าเป็นลูกเขยของตระกูลตงฟาง….ยิ่งกว่านั้นในตอนนั้นข้าไม่ได้พยายามจะฆ่าเจ้าเลย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เจิ้นก็ได้เเต่ยักไหล่อย่างเฉยเมย
"เหอะๆ, ถ้าไม่ใช่เพราะวิกฤตที่ตระกูลตงฟางของท่านได้เผชิญในเวลานั้นจนท่านไม่มีเวลาว่าง….ไม่อย่างนั้น ข้าเกรงว่าท่านคงจะจับข้ามาที่ตระกูลตงฟางนี้นานแล้ว!"
เมื่อเห็นสิ่งนี้, ตงฟางหมิงคงก็ไม่ได้เถียงต่อ
เขาเริ่มคำถามเข้าประเด็นทันที
"งั้นคราวนี้….เจ้ามาเพื่อแก้แค้นข้างั้นเหรอ"
เเต่เย่เจิ้นกลับส่ายหน้าเบาๆ
"ตอนนี้ข้าไม่ได้สนใจความแค้นอะไรทั้งนั้น, ทั้งสองฝ่ายล้วนมีความผิด และข้าไม่ใช่คนที่พยายามแก้แค้นในทุกสิ่งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย….มันไม่คุ้มค่าเลยที่จะมาที่นี่เพื่อสิ่งนั้น!"
ด้วยคําพูดเหล่านี้, ตงฟางหมิงคงก็ยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก
"แล้วคราวนี้เจ้ามาทําไม"
"ข้ามาเพราะเรื่องลูกหลานของตระกูลของข้า"
"ลูกหลาน?"
ตงฟางหมิงคงยิ่งสับสนมากขึ้น
เท่าที่เขารู้เย่เจิ้นไม่ได้มาจากภูมิหลังที่ดี….ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงต้องการนําอีกฝ่ายมาเป็นลูกเขยตั้งแต่แรก
เขาไม่เข้าใจว่าตระกูลเล็กๆและไม่มีนัยสําคัญ….จะสามารถมีเรื่องแค้นเคืองกับตระกูลตงฟางได้อย่างไร
เเต่ในทางกลับกันนั้น
ผู้นำตระกูล, ตงฟางฉางซิงก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก
ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเขามองไปที่เย่เจิ้นและเอ่ยถามว่า
"ลูกหลานของผู้อาวุโส, ใช่เย่หวู่ชาง หรือไม่"
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เจิ้นก็ยกยิ้มจางๆ
"เห็นได้ชัดว่าการมีชีวิตอยู่มาหลายปีไม่ได้ช่วยอะไร….ลูกหลานของท่านยังฉลาดกว่าท่านอีก!"
ตงฟางหมิงคงไม่สนใจการเยาะเย้ยของเย่เจิ้น, เขามองไปที่ผู้นำตระกูลของตนทันที
ตงฟางฉางซิงที่เห็นดังนั้นก็รีบก้าวไปข้างหน้าและอธิบายสถานการณ์เกี่ยวกับเย่หวู่ชาง
หลังจากฟังแล้ว, ตงฟางหมิงคงก็เข้าใจในที่สุด
"เจ้ารุ่นเยาว์คนนี้ค่อนข้างคล้ายกับเจ้า”
“แต่การฆ่าอัจฉริยะของตระกูลของข้าต่อหน้าผู้มีอิทธิพลมากมาย…..ชัดเจนว่าเขาไม่นับถือหน้าตระกูลตงฟางของข้าเลย!”
เมื่อได้ยินคําพูดของเขา, เย่เจิ้นยังคงไม่แสดงออกและตอบกลับอย่างใจเย็นว่า
"ช่วยไม่ได้นี่…..รุ่นเยาว์ในตระกูลของท่านขาดความเเข็งเเกร่งเเต่กลับไปยั่วยุผู้อื่นก่อน, การที่เขาถูกฆ่าตายมันก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“เเต่หากท่านยังคงคับข้องใจก็คงต้องมาคุยกับข้า…..ไม่ว่าในกรณีใด ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ท่านจะไม่สามารถทำอะไรตระกูลเย่ได้!”
ครืนนนนน~~!
ทันทีที่คําพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา…..ความว่างเปล่าโดยรอบก็สะท้อนด้วยเสียงอ้าปากค้างของผู้คนนับไม่ถ้วน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแต่ละคนคิดว่าเย่เจิ้นนั้นหยิ่งยโสมากเกินไปเเล้ว
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา, ใครก็ตามที่กล้าพูดกับตงฟางหมิงคงเเบบนี้
พวกเขาคงได้เเต่จมอยู่ในกระแสของประวัติศาสตร์ไปนานเเล้ว
…….
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อได้ยินคําพูดของเย่เจิ้น, สมาชิกผู้แข็งแกร่งหลายคนของตระกูลตงฟางก็จ้องมองด้วยความโกรธโดยคิดว่าบุคคลนี้หยิ่งผยองยิ่งนัก
เเต่เย่เจิ้นไม่สนใจสายตาของพวกเขา….เขามองไปที่ตงฟางหมิงคง โดยตรงด้วยความเฉยเมย
เเละเมื่อเห็นสิ่งนี้ตงฟางหมิงคงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
"ดูเหมือนว่าเจ้ามีความมั่นใจอย่างมากในความแข็งแกร่งของตนเอง!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เจิ้นก็ยกยิ้มจางๆ
"ท่านจะได้รู้เอง….หลังจากเราได้ประลองกัน"
"น่าสนใจ, งั้นเราไปยังโลกความว่างเปล่าแล้วหาคําตอบกันเถอะ!"
"ตามนั้น!"
ด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คําของทั้งสอง
…..ช่องว่างมิติขนาดใหญ่สองช่องก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาเเละมันได้ปลดปล่อยพลังงานความว่างเปล่าอันไม่รู้จบ
เย่เจิ้นเหลือบมองอีกฝ่ายเบาๆแล้วก้าวเข้าไป
เเละเมื่อเห็นสิ่งนี้, ตงฟางหมิงคงก็พูดกับคนที่อยู่ข้างหลังเขาว่า
"ตอนนี้อย่าเคลื่อนไหวใดๆ….รอจนกว่าข้าจะกลับมา"
หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเดินเข้าไปในช่องว่างมิติ
ทันใดนั้นการสั่นสะเทือนที่น่าตกตะลึงก็ปะทุขึ้นในความว่างเปล่า
ความว่างเปล่าของมิติได้ถูกฉีกออกจากกัน….และชิ้นของมิติจำนวนนับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกมา
ผู้ฝึกตนที่จุดสูงสุดทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดในความว่างเปล่าทั้งหมด
พลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของพวกเขาตอบสนองความตื่นตระหนกของผู้คนนับไม่ถ้วน
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีผู้ฝึกตนที่น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจเช่นนี้ปรากฏตัวในทวีปเทียนหลัว
การต่อสู้ครั้งใหญ่นี้, กินเวลาสามวันสามคืน….และช่องว่างมิตินับไม่ถ้วนได้ถูกทําลายและถูกซ่อมแซมไปพร้อมๆกัน
ในที่สุด
ร่างสองร่างก็เดินออกมาจากความว่างเปล่าของมิติ
สายตาของคนในตระกูลตงฟางทั้งหมดตกอยู่ที่ตงฟางหมิงคง
ในขณะนี้ตงฟางหมิงคงดูแตกต่างจากความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในช่วงก่อนหน้านี้
ณ ตอนนี้, เขามีตรึงเครียดและความหวาดกลัวอยู่ในสายตาของเขา
เเต่อีกด้านหนึ่ง, ใบหน้าของเย่เจิ้นยังคงสงบราวกับรอให้อีกฝ่ายพูด
หลังจากความเงียบอบอวลไปทั่วบริเวณ….จากนั้นไม่นาน ตงฟางหมิงคงก็พูดช้าๆด้วยพูดคําที่ทําให้โลกตกตะลึง
“ตระกูลตงฟางจงกระจายข่าวออกไป”
“ตงฟางลู่ทําตัวดื้อรั้น, เย่อหยิ่งเเละสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลายครั้ง”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชื่อของเขาจะถูกลบออกจากแผนภูมิของตระกูล, ชีวิตและความตายของเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลตงฟางของเราอีกต่อไป”
“คนในตระกูลตงฟางทั้งหมด….ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้แก้แค้นเเทนเขา”
ครืนนนนนน~~!
ทันทีที่คําพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา, มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลในห้องโถง
ผู้คนนับไม่ถ้วนจากตระกูลตงฟางต่างหันมามองหน้ากัน….ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ไม่มีใครคาดคิดว่าตงฟางหมิงคงซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านความมุทะลุมาโดยตลอดจะรู้จักการถอยกลับ
อย่างไรก็ตาม, โดยไม่สนใจสายตาของฝูงชน…..ตงฟางหมิงคงมองไปที่เย่เจิ้นและถามเขาด้วยเสียงทุ้มว่า
"เจ้าพอใจกับสิ่งนี้หรือไม่"
อย่างไรก็ตามเย่เจิ้นยังคงสงบเช่นเดิม
เขาเพียงเหลือบมองอีกฝ่ายเเละพูดว่า
"ข้าหวังว่าท่านจะรักษาคําพูดของท่าน….มิฉะนั้น, ท่านจะต้องรับผลที่ตามมา"
ทันทีที่เขาพูดจบ, ช่องว่างมิติขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น….และเย่เจิ้นก็ก้าวเข้าไปในนั้นแล้วเดินจากไป
เมื่อเห็นว่าเย่เจิ้นจากไปเเล้ว, ตงฟางหมิงคงก็ยังคงดูเย็นชาเช่นเดิม
แต่คนที่มีสัมผัสที่ดีจะสังเกตเห็นถึงความโล่งใจในดวงตาของเขา
มันคล้ายกับความรู้สึกโล่งใจจากภาระอันหนักอึ้ง
"ท่านบรรพบุรุษสูงสุด"
คนรอบข้างต่างเดินเข้ามาหาเขาด้วยความกังวลและความสงสัย
เมื่อเห็นสิ่งนี้, ตงฟางหมิงคงก็โบกมือและพูดว่า
"เราค่อยไปคุยกันในบ้าน!"
หลังจากพูดจบ, ค่ายกลของตระกูลตงฟางก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้งเเละตัดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของทุกคนที่ไม่ใช่ตระกูลตงฟางออกโดยตรง
เมื่อเห็นสิ่งนี้, ผู้ชมรอบๆก็ได้แต่หันหลังเเละกลับบ้านไป
แต่ต้องบอกว่าข่าวการต่อสู้ของเย่เจิ้น….ในวันนี้ก็ได้แพร่กระจายด้วยความเร็วที่เร็วมาก
ในทวีปเทียนหลัว
ทุกคนและทุกกองกําลังเริ่มตระหนักว่าเบื้องหลังเย่หวู่ชาง….มีการดํารงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวของอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าขั้นสูงสุด
ความแข็งแกร่งของเขาหาตัวจับยากมาก….แม้แต่ตงฟางหมิงคง,บรรพบุรุษสูงสุดของตระกูลตงฟางก็ต้องล่าถอยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
……
อีกด้านหนึ่ง
ในขณะนี้ตงฟางหมิงคงนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของตระกูลตงฟาง
สมาชิกที่มีอํานาจหลายคนของตระกูลตงฟางได้มารวมตัวกันที่นี่
"ท่านบรรพบุรุษสูงสุด…มันเกิดอะไรขึ้นในนั้น" อยู่ๆก็มีคนถามด้วยความสับสน
เเต่ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบ….ตงฟางหมิงคงก็เคลื่อนไหวทันที
“อั่คคคคค~~!”
มีเลือดไหลออกมาจากปากของตงฟางหมิงคง….และทุกคนก็เห็นได้ทันทีว่าออร่าที่เต็มเปี่ยมและทรงพลังของตงฟางหมิงคงได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
"ท่านบรรพบุรุษสูงสุด"
คราวนี้ทุกคนตื่นตระหนกอย่างแท้จริง
แม้จะมีสมาชิกจํานวนมากของตระกูลตงฟางที่เป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า
แต่พวกเขารู้ดีว่าเหตุผลที่ตระกูลตงฟางสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในทุกวันนี้ก็เป็นเพราะตงฟางหมิงคง
ถ้าบรรพบุรุษคนนี้จากไป, ตําแหน่งของตระกูลตงฟางในฐานะผู้ปกครองของมณฑลหยุนไห่อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้เลยทีเดียว
ดังนั้น, เมื่อพวกเขาเห็นตงฟางหมิงคงกระอักเลือด….พวกเขาต่างก็ตกใจจนเเทบจะสิ้นสติ
"ข้าไม่เป็นไร!"
ตงฟางหมิงคงยกมือขึ้นเเละส่งสัญญาณให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก
"เขายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่!"
ฟ่อ~~!
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านี้ทุกคนต่างก็ตกใจอีกครั้ง
คนที่สามารถทำให้บรรพบุรุษสูงสุดตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้….กลับยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
เเล้วถ้าเขาปลดปล่อยพลังเต็มที่ ล่ะ…..ตระกูลตงฟางจะไม่เหลือซากเลยหรือ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง
เเละทันใดนั้นตงฟางหมิงคงก็กล่าวว่า
"ข้าต้องเก็บตัวสักระยะหนึ่งเพื่อพักรักษาตัว”
“ในช่วงเวลานี้ตระกูลตงฟางควรอยู่อย่างเงียบๆและหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาใดๆ….นอกจากนี้จงอย่ายั่วยุตระกูลเย่และเย่หวู่ชาง”
“ถ้าข้ารู้ว่าพวกเจ้าคนใดกระทําการโดยประมาท….ก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดร้าย”
หลังจากกล่าวเตือนทุกคนจบ, เขาก็หายตัวไปเพื่อไปรักษาอาการบาดเจ็บอย่างสันโดษ
เมื่อเห็นบรรพบุรุษจากไปทุกคนต่างก็มองหน้ากัน
แต่สุดท้ายพวกเขาก็แยกย้ายกันไปโดยไม่มีการพูดอะไรสักคํา….ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่
สําหรับการประชุมก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งหมดตกลงอย่างเงียบๆที่จะไม่พูดถึงมัน
หัวข้อและชื่อของตงฟางลู่ก็ถูกลบทิ้งเช่นกัน….ราวกับว่าทั้งตระกูลตงฟาง ไม่เคยมีอัจฉริยะที่มีชื่อเเบบนี้
…….
หลังจากนั้น….เวลาสามเดือนก็ได้ผ่านไปอย่างช้าๆ
ณ ขณะนี้ที่ทางตอนเหนือของอาณาจักรชางหลาน
การโจมตีของราชวงศ์ต้าเซี่ยยังคงดําเนินต่อไปอย่างดุเดือด
โดยพวกเขาได้มีการโจมตีพร้อมกันในทั้งสี่ทิศ….เเละทำให้กองกําลังหลักของทั้งสี่ราชวงศ์ต้องล่าถอยทีละคน
………………….