บทที่ 8: ไม่ว่าปัญหาคืออะไร พ่อจะช่วยเจ้าแก้ไข!
สวนป่าเตียวหัว
สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เล่นสนุกของสมาชิกราชวงศ์โดยเฉพาะ.
พื้นที่แห่งนี้มีอาณาเขตหนึ่งแสนลี้ มีภูเขาที่กระจัดกระจายไปทั่ว
ป่า ลำธาร พื้นที่ล่าสัตว์ สนามเด็กเล่น ล้วนมีครบ
ทุก ๆ ต้นเดือนในแต่ละเดือน เหล่าสมาชิกราชวงศ์ก็จะมาเล่นสนุกที่นี่เป็นจำนวนมาก.
เมื่อหลินซวนมายังเป่ยเสวียนเทียน ก็อยู่ในช่วงต้นเดือนพอดี.
เหล่าบุตรสาว จึงได้นำเขามาที่นี่เพื่อสัมผัสบรรยากาศยามเช้า.
“เสด็จพ่อ มีสัตว์ประหลาดน่ารักมากมายในป่าแห่งนี้ และมีผลไม้น้ำแข็งอร่อย ๆ มากมาย!”
“ยังมีวิหคที่ร้องเพลงได้ด้วย!”
“เสด็จพ่อ เมฆบนภูเขาลูกนั้นสามารถขึ้นไปนั่งและบินขึ้นสู่ยอดเขาได้ด้วย!”
“มีกบเก้าปีกที่แม่น้ำด้วย! เสด็จพ่อไปจับกบกันเถอะ!”
-
ระหว่างทางเข้าไปในป่าสวนเตียวหัว เด็กทั้งสี่ก็พูดจ้อไม่หยุดเช่นกัน.
เปรียบเสมือนมัคคุเทศก์ตัวน้อยที่แย่งชิงการแนะนำสิ่งที่น่าสนใจในสวนให้หลินซวนรู้จัก
เมื่อเห็นความกตัญญูของบุตรสาว หลินซวนก็มีความสุขเป็นอย่างมาก
“อย่ากังวลนะเลยธิดาที่รัก พ่อจะเล่นกับพวกเจ้าทุกคน”
เมื่อต้องเผชิญกับความกระตือรือร้นของเด็ก ๆ หลินซวนก็ตกปากรับคำ ที่จะเล่นกับทุกคนทันที.
เมื่อหลินซวนสัญญา เด็กหญิงทั้งสี่ต่างก็มีรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยความสุขบนใบหน้า
หลังจากเล่นแบบนี้มาครึ่งวัน
หลินซวนก็พาพวกนางไปที่สนามเด็กเล่นกลางสวน
มีสมาชิกราชวงศ์หลายคนที่พาบุตร มาเล่นที่นี่ด้วย
ทุกคนต่างก็ได้ยินมาว่า หลินซวน เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเจ้าหญิงน้อยทั้งสี่ ทำให้สมาชิกราชวงศ์ทุกคนต่างชื่นชมแสดงความยินดี
ผู้ชายที่สามารถเป็นบุรุษของจักรพรรดินีได้นั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
จักรพรรดินีเสวียนปิงนั้นทรงพลังมาก นางคือผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งในเป่ยเสวียนเทียน
ผู้ชายของนาง ทุกคนย่อมต้องเอ่ยชื่นชมเป็นธรรมดา.
หลังจากทักทายสมาชิกราชวงศ์ทุกคนแล้ว หลินซวนก็พบสถานที่พักผ่อน
เสวียนจู่และน้องสาวตลอดจนเด็กราชวงศ์กลุ่มหนึ่งเล่นด้วยกันในสวนสนุกที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกล
หลินซวน ที่ผ่อนคลายเมื่อมีเวลาว่าง ไม่เพียงแต่ได้พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเพลิดเพลินกับความงามของสวนแห่งนี้อีกด้วย
ไม่นานหลังจากนั้น ว่าวกระดาษอันบอบบางก็ล่วงหล่นและตกลงมาที่ด้านหน้าของหลินซวน
ขณะหลินซวนเอื้อมมือออกไปหยิบมันขึ้นมา มือเล็ก ๆ สีขาวก็วางอยู่บนมือของเขาแล้ว
เมื่อมือเล็ก ๆ แตะหลังมือเขาก็หดมือกลับทันควันเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อต
ขณะเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงาม อายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปีมองมายังเขาด้วย.
“ว่าวกระดาษนี้เป็นของเจ้าเหรอ?” หลินซวนหยิบว่าวกระดาษขึ้นมา
"ใช่." สาวงามมู่โหยวชิงพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
"นี่ของเจ้า" หลินซวนส่งว่าวกระดาษคืนให้มู่โหยวชิง
"ขอบคุณ" มู่โหย่วชิงยิ้มงามราวกับดอกไม้บาน "คุณชาย ข้ามาที่นี่บ่อย ๆ ทำไมไม่เคยเห็นท่านเลย"
ความหล่อเหลาและส่องสว่างของหลินซวน สร้างความประทับใจให้กับนางเป็นอย่างมาก.
เมื่ออยู่เพียงลำพังกับหลินซวน มู่โหยวชิง ก็อดไม่ได้ที่ต้องการพูดคุยกับเขาอีกสักสองสามคำ.
หลินซวน เผยยิ้มบาง "ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก"
“เนื่องจากเราทั้งสองเป็นสมาชิกราชวงศ์ เช่นนั้นพวกเรามาทำความรู้จักกันดีกว่า ข้าชื่อ มู่โหยวชิง” ดวงตาของมู่โหยวชิงเป็นประกาย
“ข้าชื่อหลินซวน” หลินซวนยิ้ม
"จำไว้แล้ว." มู่โหยวชิงไม่ได้คิดมากนัก
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลตงหวงก็มีญาติห่าง ๆ มากมาย รวมถึงคนที่มีสกุลว่า หลินด้วย
ในเวลาเดียวกัน หญิงชราคนหนึ่งเดินมาด้านข้าง และยิ้มให้มู่โหยวชิง
“โหยวชิง การที่สามารถพูดคุยกับตี้ฟูได้ช่างเชี่ยวชาญนัก”
"ตี้ฟู่!" มู่โหยวชิงอ้าปากกว้าง “เช่นนั้นก็เป็นพระสวามีของถางเจี่ย!”
[堂姐(tángjiě/ถางเจี่ย)ลูกพี่ลูกน้อง(ที่โตกว่าและเป็นผู้หญิง)]
ดวงตาที่กลมโตของนางกวาดมองไปทั่วหลินซวนอีกครั้ง
ย่อมเป็นบุรุษของจักรพรรดินีอย่างแท้จริง เขามีเสน่ห์มาก.
หญิงชราอธิบายว่า: "ตี้ฟู่ โหยวชิง นางเป็นถางเหม่ยห่าง ๆ ของจักรพรรดินิ ดังนั้นหากนับญาติแล้ว ท่านก็คือเจี่ยฟู่เกอของนาง"
[堂妹(tángmèi/ถางเม่ย)ลูกพี่ลูกน้อง(ที่อายูน้อยกว่าและเป็นผู้หญิง)]
"นั่นสินะ" หลินซวนเผยยิ้มเล็กน้อย
“เจี่ยฟู่เกอ มาร่วมงานเลี้ยงน้ำชาครั้งต่อไปกันเถอะ!” มู่โหยวชิงเอ่ยชวนด้วยความกระตือรือร้นทันที
“มีผู้เยาว์ที่มีความสามารถมากมายจากราชวงศ์ จะเข้าร่วมงานน้ำชาในครั้งนี้”
“เจี่ยฟู่เกอ ท่านดูเหมือนปราชญ์ ท่านต้องมีความรู้มากมายแน่นอน”
“จะได้พูดคุยทำความรู้จักกับญาติคนอื่น ๆ ด้วย”
จากนั้น มู่โหยวชิงก็เอ่ยคุยกับหลินซวนเกี่ยวกับงานเลี้ยงน้ำชา
โดยสรุป กลุ่มคนหนุ่มสาวคนสำคัญจากราชวงศ์จะมารวมตัวกันเพื่อดื่มชาและสนทนากัน.
เนื้อหาพูดคุยก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลก มนุษยศาสตร์ และภูมิศาสตร์
ด้วยการแลกเปลี่ยนพูดคุยในงานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้ คนหนุ่มสาวในราชวงศ์สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และทำความรู้จักสร้างความสนิทสนมระหว่างเครือญาติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.
แน่นอนว่าการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติถือว่าเป็นการวางรากฐานที่ดีในการพัฒนาราชวงศ์ในอนาคต.
จากข้อมูลของมู่โหยวชิงงานเลี้ยงน้ำชานี้เคยถูกยกเลิกไปเมื่อสิบปีก่อน
ต่อมาได้เริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง หลังจากที่จักรพรรดินิ ตงหวงจื่อโหยว ขึ้นครองบัลลังก์
จะเห็นได้ว่าตงหวงจื่อโหยว เป็นคนรอบคอบและมีความรู้มากจริง ๆ
เมื่อเห็นคำพูดที่จริงใจของมู่โหย่วชิง หลินซวนก็รู้สึกว่าเป็นการดีที่จะได้เปิดหูเปิดตาและ คงไม่เป็นไรที่จะพาเด็ก ๆ ไปเล่นด้วย.
“เข้าใจแล้ว ข้าจะมาหาท่านทีหลัง” มู่โหย่วชิงหยิบว่าวกระดาษแล้วจากไปอย่างมีความสุข
"อืม." หลินซวนพยักหน้า
ขณะหลินซวนกำลังจะนั่งลงอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงบุตรสาวคนหนึ่งดังขึ้น
“เสด็จพ่อ ไม่ได้การแล้ว!”
เสวียนจู่บุตรสาวคนโตรีบวิ่งเข้ามาหา
หลินซวนก็ก้าวเข้าไปอุ้มนางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วถามออกมาว่า "มีอะไรหรือเปล่า ธิดาที่รัก?"
เสวียนจู่หันหน้ากลับ และชี้ไปที่ไกลออกไป แล้วเอ่ยออกมาว่า "เสวียนหยูกำลังทะเลาะกับใครบางคนอยู่"
“จริงเหรอ? พาพ่อไปดูหน่อย” หลินซวนคิดว่าเสวียนหยูเป็นปีศาจตัวน้อย และย่อมจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับเด็ก ๆ คนอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่นี่คือสถานที่ของเหล่าเด็ก ๆ ของราชวงศ์ที่ให้ทุกคนมาเล่นกันที่นี่.
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่าราชวงศ์แห่งนี้มีขนาดใหญ่ขนาดไหน
มีเด็กจำนวนมากที่มารวมตัวกันที่นี่ เหมือนกับสนามเด็กเล่นที่หลินซวนเคยเห็นในชีวิตก่อนของเขา.
เพียงแต่ว่าเด็ก ๆ ที่นี่เป็นคนของราชวงศ์ที่บางคนก็ไม่ได้รู้จักกัน.
แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกัน แต่ก็เป็นเรื่องปรกติที่จะทะเลาะกันบ้างเล็กน้อย เป็นต้นว่าแย่งชิงของเล่นบางอย่าง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อนึกถึงเรื่องดังกล่าว หลินซวน ก็มาถึงสนามเด็กเล่นโดยการนำของเสวียนจู่
ในเวลาเดียวกัน ผู้ใหญ่หลายคนก็มารวมตัวกันที่สนามเด็กเล่นเช่นกัน.
และมีคนที่มีอายุมากที่สุด ก็คือตงหวงเต๋อเย่ ซึ่งมีสกุลเดียวกับตงหวงจื่อโหยว.
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ตงหวงเต๋อเย่มีสถานะสูงในหมู่ราชวงศ์
ดูเหมือนว่าเด็กชายที่ต่อสู้กับเสวียนหยูจะเป็นบุตรชายของตงหวงเต๋อเย่
“เสวียนหยู หยุดได้แล้ว!” หลินซวน วางเสวียนจู่ลง แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อกอดเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ
จากนั้นตงหวงเต๋อเย่ก็เข้าไปดึงบุตรชายของเขาออกมาเช่นกัน
หลินซวน สามารถเห็นได้ว่า ตงหวงเต๋อเย่นั้นไม่กล้าที่จะดึงเสวียนหยูออกมาเช่นกัน.
ดูเหมือนว่าปีศาจตัวน้อยนี้ย่อมไม่มีใครกล้ายั่วยุแน่นอน.
“เสวียนหยู ทำไมถึงทะเลาะกับคนอื่นล่ะ?” หลินซวนถาม
เสวียนหยูโป่งปากเล็ก ๆ ของนางแล้วส่ายหน้า: "ข้าจะไม่พูด!"
สาวน้อยคนนี้ช่างหัวแข็งจริง ๆ.
หลินซวนที่ครุ่นคิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมาช้า ๆ "ไหนบอกพ่อสิว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าปัญหาอะไร พ่อจะช่วยเจ้าแก้ไข"
เสวียนหยูยังคงส่ายหน้า: "พูดไม่ได้! พูดไม่ได้!"
หลินซวน รู้สึกขบขันกับสาวน้อยคนนี้มาก เรื่องอะไรกันที่นางต้องการเก็บเป็นความลับอย่างงั้นรึ?
หลินซวนรู้สึกว่าถ้าเขาต้องการบังคับเสวียนหยูเกรงว่าคงไม่ได้คำตอบแน่.
ต้องใช้กลอุบายเล็กน้อยในการจัดการกับเด็กหัวรั้น.
หลินซวนจงใจถอนหายใจเล็กน้อย:
“เฮ้อ ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าเสวียนหยูธิดาของข้าจะไม่บอกความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง กับพ่อ”
“วันนี้พ่ออารมณ์ไม่ดีแล้ว วันนี้คงทำอาหารอร่อย ๆ ไม่ได้แล้ว”
เมื่อเสวียนหยูได้ยินคำว่า อาหารอร่อย ๆ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น
อาหารที่เสด็จพ่อทำอร่อยมาก หากไม่ได้กิน คงกล่าวได้ว่า แย่เหมือนกัน.
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสวียนหยูก็เอ่ยออกมาว่า: "เสด็จพ่อ ข้าจะบอกท่านว่าทำไมข้าต้องทะเลาะกับ ตงหวงเห่าหยู"
“เพราะเขาบอกว่า ท่านดูเหมือนผู้หญิง!”