บทที่ 4: วันที่รอคอย! พ่อผู้สมบูรณ์แบบต้องทำอาหารเอง!
เสวียนหยูได้ยินจึงรีบจับมือหลินซวน: "เสด็จพ่อ ท่านต้องไปที่ห้องของข้าก่อน!"
เสวียนจู่แสดงท่าทางหวาดกลัว: "เสด็จพ่อ มีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวมากมายอยู่ในห้องของเสวียนหยู มีตัวใหญ่ที่สุดคืออสรพิษวิญญาณเก้าลาย มันดูน่ากลัวมาก!"
หลินซวนอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว ปีศาจน้อยบุตรสาวคนที่สี่ช่างมีรสนิยมที่รุนแรงจริง ๆ!
เสวียนซีเผยยิ้มและกอดแขนของหลินซวน: "เสด็จพ่อ ไปที่ห้องของข้าสิ ห้องข้ามีดอกไม้สวย ๆ มากมาย!"
เสวียนหานรีบเอ่ยแย้ง: "เสด็จพ่อครับ มีดอกไม้อยู่ในห้องของข้าด้วย นอกจากนี้ห้องข้ายังมีปลาคริสตัลสวยงามมากมาย"
หลินซวนพยักหน้าเงียบ ๆ บุตรสาวคนที่สองและสามความชอบถือว่าปรกติ
“ไม่ ไม่ เสด็จพ่อจะต้องไปที่ห้องข้าก่อน!” เสวียนหยูโอบรอบต้นขาของหลินซวนราวกับกำลังปีนต้นไม้
หากเขาไม่เห็นด้วยกับนาง เกรงว่านางคงปฏิเสธที่จะลงจากต้นไม้เป็นแน่
หลินซวนเห็นสีหน้าของบุตรสาวทั้งสี่ ในแววตาของพวกนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง อดไม่ได้ที่จะทำให้เขาส่ายหน้าและเผยยิ้มออกมา
เห็นได้ว่าสาวน้อยทั้งสี่ กำลังแย่งชิงความโปรดปรานจากเขา
ในหัวใจเล็ก ๆ ของพวกนาง หากหลินซวนไปดูห้องของใครก่อน ก็จะหมายความว่า คน ๆ ก็คือคนที่หลินซวนรักมากที่สุดนั่นเอง.
ตอนนี้พบปัญหาดังกล่าวแล้ว หลินซวนควรไปดูห้องของใครก่อนละ ถึงจะไม่ทำร้ายจิตใจบุตรสาวอีกสามคน?
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง หลินซวนก็เอ่ยออกมาว่า "ธิดาที่รัก เสด็จพ่อยังไม่มีห้องเลย เอาเป็นว่า พวกเราไปดูห้องของพ่อด้วยกันดีไหม?"
หลินซวนรู้สึกว่าเมื่อเด็ก ๆ แข่งขันกัน วิธีที่ดีที่สุดคือการหันเหความสนใจของพวกนาง
รอจนกว่าพวกนางเพิกเฉยความสนใจ แล้วจึงค่อยไปเยี่ยมชมห้องของพวกนางทีละคน
"ดีเลย!"
ในเวลานั้นบุตรสาวทั้งสี่ปรบมือออกมาด้วยความตื่นเต้น
หลินซวนแอบยิ้มเมื่อเห็นสิ่งดังกล่าว และด้วยคำแนะนำของบทเรียนพ่อผู้สมบูรณ์แบบ มันง่ายมากที่จะจัดการกับเด็ก ๆ เหล่านี้
คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้ พวกเขาทั้งหมดเองก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความชื่นชม
สมกับเป็นตี้ฟู่ ช่างปราดเปรื่อง
จากนั้น ภายใต้การนำของคนรับใช้ หลินซวนก็พาเด็ก ๆ ไปที่ห้องของเขา
แม้นจะบอกว่าเป็นห้อง แต่จริงๆ แล้วมีขนาดเทียบได้กับพระราชวังที่หรูหรา
ไม่เพียงแต่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
โต๊ะและเก้าอี้ทำจากไม้จันทน์ ประตูและหน้าต่างเคลือบทอง พื้นปูคริสตัล มีโคมไฟเพดานที่ดูหรูหราอลังการเป็นอย่างมาก.
“ตี้ฟู่ ที่นี่คือ ห้องที่ฝ่าบาททรงเลือกเป็นพิเศษ” คนรับใช้กล่าวด้วยความเคารพ
หลินซวนพยักหน้า ดูเหมือนว่าตงหวงจื่อโหยว จะไม่ได้เย็นชาอย่างที่เห็น
อาศัยช่องว่างที่เด็ก ๆ เล่นอยู่ในห้องของเขา ภายใต้การนำของคนรับใช้ เขาเร่งรีบตรวจสอบห้องของเด็กทั้งสี่คนอย่างรวดเร็ว
ด้วยความเข้าใจนี้ หลินซวนจึงมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับบุคลิกและงานอดิเรกของบุตรสาวทั้งสี่คน
และแล้วก็มาถึงเวลาอาหารเย็น
หลินซวนพาบุตรสาวทั้งสี่คนของเขา ไปยังห้องอาหารประจำพระราชวังหยก
พ่อครัวของพระราชวังได้เตรียมโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเย็นอันหรูหราเอาไว้แล้ว
ภายใต้การแนะนำของคนรับใช้ หลินซวนได้เรียนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอาหารที่ล้ำค่ามาก
น้ำผลไม้เซียนที่เข้มข้น เนื้อเต่าทองดำ น้ำนมมังกร ไข่เคลือบน้ำผึ้งเหล่ยม่าง...
ส่วนผสมทั้งหมดได้รับการคัดสรรจากสัตว์อสูรที่หายากมาก ๆ และแม้แต่เป็นสัตว์อสูรที่คนทั่วไปได้ยินเพียงแค่เรื่องเล่าเท่านั้น.
เมื่อเห็นอาหารอร่อยเหล่านี้ หลินซวนก็รู้สึกหิวอย่างช่วยไม่ได้.
ภายใต้การบริการของคนรับใช้ เขาเริ่มรับประทานอาหาร
อย่างไรก็ตามขณะที่เขารับประทานอาหาร เขาสังเกตเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะ ดูแปลกไปเล็กน้อย
บุตรสาวคนโตเสวียนจู่ ตักไข่เคลือบน้ำผึ้งขึ้นมา แล้วเลียมันเล็กน้อย แต่กับปฏิเสธที่จะกินมัน.
บุตรสาวคนที่สองเสวียนซี ที่ตักเนื้อเต่าทองดำ เข้ามาในปาก ทว่าดูเหมือนว่านางกับเคี้ยวมันอยู่นานคล้ายกับไม่ต้องการกลืนลงท้อง.
เสวียนหาน บุตรสาวคนที่สาม ถือช้อนในมือแล้วหมุนไปรอบ ๆ ในชามราวกับว่า ไม่รู้สึกหิวเลย.
บุตรสาวคนที่สี่ เสวียนหยูที่เรียกสัตว์อสูร ที่มีรูปร่างคล้ายสุนัขมาจากไหนไม่รู้ และยัดอาหารเข้าไปในปากของมันด้วยท่าทางผะอืดผะอม
ในไม่ช้า ท้องของสัตว์อสูรก็นูนออกมา เหมือนลูกโป่ง
“ทำไมไม่กินล่ะ?” หลินซวนวางตะเกียบลงแล้วถาม
แววตาทั้งสี่คู่ที่ แลดูน่าสงสาร จ้องมองไปยังหลินซวนพร้อม ๆ กัน หลังจากนั้นไม่นาน บุตรสาวทั้งสี่ก็เอ่ยออกมาพร้อมกันว่า
“พวกเราเบื่ออาหารเหล่านี้แล้ว!”
เสวียนจู่ เอ่ยออกมาว่า: "เสด็จพ่อ ท่านจะดุพวกเราไหม?"
เสวียนซีเอ่ยออกมาว่า: "ทุกครั้งที่เราไม่กิน เสด็จแม่จะดุพวกเรา"
เสวียนหยูกล่าวอย่างมีชัย "โชคดีที่ข้ามีสนัขสวรรค์ ซึ่งสามารถช่วยข้ากินได้หลายอย่าง!"
หลินซวนเข้าใจทุกอย่างในคราวเดียว
ปรากฏว่าบุตรสาวของข้า เบื่ออาหารเหล่านี้
ด้วยบทเรียนช่วยสอนที่ระบบมอบให้ เขาจึงรู้ว่าเด็ก ๆ มักจะจู้จี้จุกจิกเกี่ยวกับอาหารตั้งแต่ยังเล็ก ๆ
ไม่เพียงแต่แค่อาหารดูน่าอร่อย จะต้องมีคุณค่าทางโภชนาการด้วย นอกจากนี้ยังต้องปรับเปลี่ยนรสชาติอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
เปรียบเสมือนอาหารเลิศรสบนโต๊ะแห่งนี้ อร่อยยิ่งกว่าอาหารใด ๆ ในโลกหล้า.
แต่เพียงเพราะรสชาติอร่อยเกินไป ก็จะทำให้เด็ก ๆ เบื่อได้ง่าย
เมื่อเข้าใจปัญหาแล้ว หลินซวนก็มองดูบุตรสาวทั้งสี่ของเขาอย่างงุนงง: "พ่อจะไม่ดุพวกเจ้า ดังนั้นก็ปล่อยมันไว้ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการกิน"
“เดี๋ยวพ่อจะพาไปกินอะไรอร่อย ๆ กว่านี้”
“มีอะไรอร่อยกว่านี้รึ?”
ดวงตาของบุตรสาวทั้งสี่เป็นประกาย
“เสด็จพ่อ มีอะไรที่ดีกว่านี้จริง ๆ เหรอ?” เสวียนจู่ชี้ไปที่จานบนโต๊ะ “เสด็จแม่บอกว่า อาหารเหล่านี้ อร่อยที่สุดแล้ว”
เสวียนซี: "ข้าตั้งตารอเลย!"
เสวียนหาน: "เสด็จพ่อบอกว่ามี ก็ต้องมีสิ!"
เสวียนหยู: "เสด็จพ่อรีบไปเอาสิ่งที่อร่อยออกมาเลย ข้ากำลังหิวแล้ว!"
หลินซวนลุกขึ้นและลูบศีรษะเล็ก ๆ ของธิดาทั้งสี่ "ได้ พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ แล้วพ่อจะกลับมาเร็ว ๆ นี้"
จากนั้นเขาจึงขอให้คนรับใช้ พาตัวเองไปที่ห้องครัวด้านหลัง
เขาคิดจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับหัวหน้าพ่อครัวของวังหลวง เพื่อจะดูว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำอาหารที่ถูกใจเด็ก ๆ ได้ตามต้องการหรือไม่?
เมื่อเขามาถึงครัวด้านหลัง
คนรับใช้ได้เอ่ยออกมาว่า: "คุณไป๋หลี่ ตี้ฟู่ต้องการพบคุณ"
พ่อครัวหลายร้อยคนหันศีรษะมาพร้อม ๆ กัน และมองไปยังหลินซวนด้วยความตื่นตะลึง
รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและกลิ่นอายที่สูงส่งไม่ธรรมดาของ หลินซวนทำให้คนเหล่านี้ ตื่นตะลึงอย่างที่สุด.
"ปรากฏว่า นี่คือตี้ฟู่ ช่างเป็นคนที่พิเศษจริง ๆ!"
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคน ที่สวมเสื้อคลุมสีขาวรีบเดินเข้ามาแสดงความเคารพ "ผู้ใต้บังคับบัญชา ไป๋หลี่โจว ได้พบตี้ฟู่(สวามีจักรพรรดินิ)แล้ว!"
คนรับใช้เอ่ยแนะนำ: "คุณไป๋หลี่เป็นพ่อครัวที่ดีที่สุดของเราในเป่ยเสวียนเทียน เขาฝึกฝนทำอาหารมาเป็นเวลาสามพันปีแล้ว ภายในเป่ยเสวียนเทียน เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการทำอาหาร"
ไป๋หลี่โจวส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยออกมาว่า: "มันเป็นนามที่พูดเกินจริง"
เขาจะกล้าแสดงท่าทางโอ้อวดต่อหน้าตี้ฟู่ได้อย่างไร?
หลินซวนเห็นว่าไป๋หลี่โจวเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จึงเอ่ยถามออกมาว่า "ข้าสงสัยว่า คุณไป๋หลี่ เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเด็กหรือไม่?"
ไป๋หลี่โจวพยักหน้า: "ผู้ใต้บังคับบัญชาเชี่ยวชาญด้านอาหารสำหรับเด็กมาหลายร้อยปีแล้ว และเข้าใจข้อมูลเชิงลึกด้วย"
“โอ้? ถ้าเช่นนั้นโปรดเอ่ยอธิบายให้ข้าได้ฟังด้วย.” หลินซวนกล่าวอย่างสบาย ๆ
จากนั้นไป๋หลี่โจว ก็อธิบายความเข้าใจของเขาออกมา.
หลินซวนค้นพบว่าเขาได้พยายามอย่างมากในด้านโภชนาการอาหารสำหรับเด็ก
อาหารสามมื้อต่อวันที่เตรียมไว้สำหรับพวกเสวียนจู่ และมื้ออื่น ๆ ล้วนแต่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมากและจะไม่ทำอาหารที่มีสารอาหารมากเกินไปด้วย
อย่างไรก็ตามในแง่ของรสชาติและการจับคู่อาหารนั้นยังไม่ค่อยลงตัวนัก.
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า นี่คืออาหารของเหล่าผู้ฝึกตนเซียนในดินแดนเป่ยเสวียนเทียน.
ต้องไม่ลืมว่า เหล่าผู้ฝึกตนเมื่อพวกเขากินอาหารมาถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะเริ่มงดธัญพืชทั้งห้า.
จึงทำให้คนที่เชี่ยวชาญเรื่องอาหารนั้นมีอยู่น้อยมาก.
แม้นว่าไป่หลี่โจวจะทำอาหารให้เหล่าผู้ฝึกตนเสวียนได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ.
“ถ้าเจ้ามีอาหารที่หลากหลายและจับคู่ได้ดีกว่านี้ เด็ก ๆ ก็จะไม่เบื่ออาหาร เจ้าช่วยทำอาหารให้มากกว่านี้ได้ไหม?”หลินซวนเอ่ยถาม.
ไป๋หลี่โจวครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า“ข้าสามารถทดลองวิจัยพัฒนาอาหารเพิ่มขึ้นได้ แต่คงไม่สามารถสำเร็จผลได้ในสามถึงห้าเดือน.”
“มันนานเกินไป”หลินซวนส่ายหน้าเล็กน้อย“ เอาล่ะ ข้าจะทำอาหารสักสองสามจาน และข้าจะสอนเจ้าเมื่อมีเวลาก็แล้วกัน.”
เมื่อนึกถึงสีหน้าของธิดาทั้งสี่ที่รอคอยอาหาร หลินซวนก็ตัดสินใจที่จะทำอาหารเอง.