บทที่ 3: คนที่สามารถเป็นผู้ชายของจักรพรรดินิได้ จะต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว!
“เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อ! รีบพาข้ากลับบ้านเร็ว!”
มือเล็ก ๆ ของ เสวียนหยูจับหูของหลินซวน พร้อมกับกระชับสั่นน่องเล็กทั้งสองเหมือนควบม้าด้วยความเป็นกังวล
โดยไม่รอให้หลินซวนได้คิด เสวียนจู่ก็จับมือแล้วเอ่ยออกมาว่า "เสด็จพ่อ มากับพวกเราเถอะ"
“ใช่ ๆ ไปกันเถอะ!”
เสวียนซี และ เสวียนหาน ก็เอ่ยด้วยความคาดหวังเช่นกัน
เมื่อเห็นดวงตาที่ไร้เดียงสาใสแป๋วพร้อมประกายความความหวังของพวกนาง หลินซวน จะปฏิเสธได้อย่างไร?
นอกจากนี้ การมาพักที่นี่ก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
เขามีสตรีมาขอแต่งงานทุกวันเยอะมาก ซึ่งไม่ดีต่อธิดาเลย
“อืม พ่อจะกลับบ้านพร้อมกับพวกเจ้า” หลินซวน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของสาวน้อยทั้งสี่ด้วยความรัก
มุมปากของตงหวงจื่อโหยวมีรอยยิ้มที่มองไม่เห็น
หลินซวนถาม: "ลูกรัก เจ้าชื่ออะไร?"
บุตรสาวทั้งสี่คนที่ดูกระตือรือร้นเข้ามาเล่นกับเขาเป็นเวลานาน หลินซวนต้องการทราบชื่อของพวกนางตั้งแต่แรกแล้ว.
เสวียนจู่ยกมือเล็ก ๆ ของนางเอ่ยออกมาเล็กน้อย "เสด็จพ่อ ข้าชื่อเสวียนจู่!"
เสวียนซียื่นดอกไม้ในมือของนางให้หลินซวน: "ข้าชื่อเสวียนซี!"
เสวียนหานเผยยิ้มหวาน: "ข้าชื่อเสวียนหาน!"
"แล้วเจ้าล่ะ?" หลินซวนกอดเสวียนหยูที่กำลังขี่คอของเขา
เสวียนหยูกอดศีรษะของหลินซวน ไม่ยอมกระโดดลงมาบนพื้น ห้อยตัวอยู่บนอากาศ "เสด็จพ่อ ข้าชื่อเสวียนหยู!"
"ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว"
หลินซวนจำชื่อบุตรสาวทั้งสี่คนและลักษณะเฉพาะของพวกนางได้แล้ว
มีแบบการสอนความรู้เบื้องต้นจาก แบบสอนคุณพ่อผู้สมบูรณ์แบบ ทำให้เขาสามารถแยกแยะบุตรสาวทั้งสี่คนของเขาได้ทันที
ซึ่งได้มาจากการวิเคราะห์รูปลักษณ์และบุคลิกภาพของพวกนางนั่นเอง
จากการสังเกตุของหลินซวน
เสวียนจู่บุตรสาวคนโตมีมารยาทดีที่สุด และทุกย่างก้าวของนางก็มีกิริยาท่าทางสูงส่งดังบุตรีของราชวงศ์
บุตรสาวคนที่สองเสวียนซี เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมาก มีใบหน้าเล็กและมีลักยิ้มสองอัน เผยยิ้มงามทุกครั้งที่นางยิ้ม
เสวียนหาน บุตรสาวคนที่สาม ค่อนข้างขี้อาย และดูเงียบขรึมดูสง่างาม เมื่อนางเติบโตขึ้น นางก็จะเป็นดอกโบตั๋นสีขาวศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
เสวียนหยู บุตรสาวคนที่สี่ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง นี่คือปีศาจตัวน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วต้องการดูแลเลี้ยงดูธิดาทั้งสี่คงจะวุ่นวายหัวโตเป็นแน่.
แต่ตอนนี้หลินซวนมีความมั่นใจและไม่กลัวความท้าทายดังกล่าวแต่อย่างใด.
“ลูกรัก พ่อยังมีเรื่องต้องจัดการ ลูกควรไปเล่นข้าง ๆ ก่อน” หลินซวน ปล่อยให้บุตรสาวทั้งสี่ออกห่างสักพัก
เสวียนจู่เอ่ยกับน้องสาวทั้งสามคนให้ขยับออกมาอยู่ข้าง ๆ ทันที
หลินซวนพูดกับ ตงหวงจื่อโหยว: "ข้าสามารถไปเป่ยซวนเทียนกับเจ้าได้ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าสองอย่าง"
ตงหวงจื่อโหยวพยักหน้า: "เชิญเอ่ย"
"ก่อนอื่น ให้ลุงจ้าวไปกับข้า" หลินซวนเหลือบมองจ้าวหว่านฟู่
ลุงจ้าวอยู่ในตระกูลหลิน ก่อนที่เขาจะเกิดและดูแลเขาในตระกูลหลินเป็นอย่างดี
การไปที่เป่ยเสวียนเทียน เขาจะต้องพาลุงจ้าวไปกับเขาด้วย นี่ถือได้ว่าเป็นรางวัลสำหรับเขา
จ้าวหว่านฟู่ส่ายหน้า แล้วเอ่ยออกมาว่า "นายท่าน ข้าจะไม่ไป ข้าต้องการอยู่ที่นี่ จวบจนอายุขัยที่เหลืออยู่"
"ตกลง"
หลินซวนมองไปที่ตงหวงจื่อโหยวอีกครั้ง "ลุงจ้าว เคยเรียนวิชายุทธ์ เมื่อตอนที่เขายังเด็ก เจ้าช่วยทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ไหม?"
เขาสงสัยว่าจะมีคนเดินทางมายังตระกูลหลิน มากมายเท่าไหร่กันในแต่ละวัน
และยิ่งมามากมายเท่าไหร่ ลุงจ้าวก็ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับความกดดันมากยิ่งขึ้น
หากใครก่อเรื่องหรือสร้างปัญหา เขาก็ควรที่จะสามารถจัดการที่นี่ได้
ตงหวงจื่อโหยว เผยยิ้มเล็กน้อย: "นี่เป็นเรื่องง่าย ๆ"
ด้วยการโบกมือ หยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่มือของนาง เป็นหยกที่เหมือนกับใบไผ่ เวลาต่อมาพลังเซียนในร่างก็แผ่อาบไล้ไปทั่วหยกชิ้นดังกล่าว.
“นี่คือวิชาบ่มเพาะระดับศักดิ์สิทธิ์”
“แม้นว่าเจ้าจะอยู่ในอาณาจักรตงเสวียน แต่ขีดจำกัดสูงสุดก็ไม่ได้สูง!”
“แต่ด้วยวิชาบ่มเพาะในแผ่นริ้วหยกนี้ ภายในหนึ่งเดือน เจ้าจะต้องตัดผ่านไปยังขอบเขตอาณาจักรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้แน่!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท จักรพรรดินิ !” จ้าวว่านฟู่ดูตกใจขณะรับแผ่นริ้วหยกมา
โลกวิทยายุทธ์ของทวีปคังหลง นั้นพลังบ่มเพาะในแต่ละขั้นนั้นแตกต่างกันมาก.
ตงเสวียน, กงล้อวิญญาณ, วิญญาณศักดิ์สิทธิ์,จ้าววิญญาณ, จักรพรรดิ, มหาปราชญ์, เทพโบราณ, จักรพรรดิสวรรค์...
วิชาบ่มเพาะดังกล่าวนี้สามารถทำให้เขายกระดับจากอาณาจักรตงเสวียนไปยังอาณาจักรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ภายในหนึ่งเดือน ย่อมเป็นวิชาบ่มเพาะที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง.
เรื่องเช่นนี้จ้าวหว่านฟู่ ไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลย.
ไม่ว่าอย่างไร พรสวรรค์ของเขาก็มีจำกัด และอายุของเขาเองก็มากเกินไป ทำให้เขาไม่หวังจะยกระดับการบ่มเพาะอีกต่อไป.
อย่างไรก็ตามเรื่องเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับจักรพรรดินีตงหวงจือโหยว
จ้าวหว่านฟู่เข้าใจดี หากว่าแผ่นริ้วหยกในมือของเขา มีข่าวเล็ดลอดออกไป จะต้องเกิดการแย่งชิงอย่างบ้าคลั่งไปทั้งประเทศแน่.
“แล้วเรื่องที่สองล่ะ?” ตงหวงจือหยู หันไปมองที่หลินซวน
“ข้าจะไปบอกลาบิดาข้า” ดวงตาของหลินซวนมืดลงเล็กน้อย
-
สุสานในเมืองเซี่ยง
หลินซวนพาบุตรสาวทั้งสี่ของเขาไปยืนอยู่หน้าหลุมศพของบิดา.
“ท่านพ่อ มีเรื่องน่ายินดีที่ข้าต้องการเล่าให้ท่านฟัง เวลานี้ข้ามีบุตรสาวถึงสี่คนแล้ว!”
“ท่านคงไม่คิดฝันอยู่หรอก ว่าเวลานี้จะมีหลานสาวถึงสี่คนแล้วใช่ไหม?”
“น่าเสียดาย ท่านด่วนจากไป เร็วเกินไป จึงไม่ได้เห็นเด็กน้อยน่ารักทั้งสี่คนนี้ ด้วยตาของท่านเอง”
หลินซวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นโค้งคำนับ
“วันนี้ข้าจะพาเด็ก ๆ ออกจากที่นี่ โปรดอย่าเหงาเลย ลุงจ้าวจะมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ”
หลังจากเอ่ยจบ หลินซวนก็พาบุตรสาวทั้งสี่คนของเขาหันหลังกลับ และจากไป
ไม่ไกลนัก ตงหวงจื่อโหยวยืนอยู่ที่นั่นและจ้องมองพวกเขาเงียบ ๆ
เมื่อหลินซวนและธิดาทั้งสี่เข้ามาใกล้ นางก็โบกมือปล่อยอาคมออกไป นำทุกคนจากไป.
นำหลินซวนและบุตรสาวทั้งสี่คน บินผ่านความว่างเปล่า กลายเป็นแสงเห็นเป็นเงาพุ่งผ่านขึ้นสู่ท้องฟ้า ออกเดินทางต่อไปยังทางเหนือ
เป่ยเสวียนเทียน.
ที่นี่เป็นโลกสีขาวกว้างขวางไร้ที่สิ้นสุด
มีเกล็ดหิมะสีขาวปลิวว่อน สะท้อนกับแสงตะวันเห็นเป็นสีเงินส่องประกายระยิบระยับทุกที่.
เกล็ดสีขาวที่ฟุ้งลอยไปทั่วอากาศ ดูเหมือนกับภูตที่กำลังลอยบินกระจายไปทั่ว ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนอาณาจักรเซียนเหมันต์.
เป็นไปตามที่หลินซวนคาดเอาไว้ ที่นี่อุณหภูมิต่ำ แต่ก็สามารถอยู่ได้.
หลังจากที่ตงหวง จือโหยว พาเขาเดินทางกว่า 30 ล้านลี้ ในที่สุด ก็มาถึงพระราชวังเสวียนปิง เป่ยซวนเทียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครองสูงสุด.
"นี่คือตำหนักของข้า" ตงหวงจื่อโหยวเอ่ยเบา ๆ
ต่อมา นางก็พาหลินซวนพร้อมกับเด็ก ๆ ร่อนลงสู่พื้นดิน
เมื่อทหารรักษาการณ์ในวังเห็นนางปรากฏ ทุกคนก็แสดงความเคารพพร้อมกับคุกเข่าทำลง.
ตงหวงจื่อโหยว นำหลินซวนและลูก ๆ เข้าไปที่สวนด้านหลังของพระราชวังเสวียนปิง
บนถนนสายนี้ ทุกคนที่เห็นหลินซวนต่างก็เผยความอิจฉาและชื่นชม
คนที่สามารถเป็นบุรุษของจักรพรรดินีเสวียนนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่บุรุษทางเหนือทุกคนใฝ่ฝัน แม้แต่บุรุษทุกคนจากแดนสวรรค์ทั้งเก้าเองด้วย
หลินซวนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนฝันถึง หากไม่มีใครอิจฉา ย่อมเป็นเรื่องเท็จอย่างไม่ต้องสงสัย.
แน่นอนว่าคนในวังเสวียนปิง รู้สึกว่าบุรุษที่สามารถเป็นบุรุษของจักรพรรดินิ ได้นั้นจะต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดังนั้น ความอิจฉาจึงเป็นเพียงความอิจฉา หากแต่ไม่มีใครเกลียดหรือเป็นศัตรูกับหลินซวน
ในไม่ช้า หลินซวนและ ตงหวงจื่อโหยวก็นำเขาเข้ามาถึงสวนด้านหลังของพระราชวังหยก.
“ตำหนักแห่งนี้ มีพื้นที่ครอบคลุมหนึ่งล้านลี้ เป็นที่อยู่อาศัยประจำวันของเด็ก ๆ”
“ต่อจากนี้ไป เจ้าจะอยู่ที่นี่กับลูก ๆ”
ตงหวงจื่อโหยว เรียกทหารองครักษ์และคนรับใช้ประจำตำหนักหยกมา
หลังจากเปิดเผยแนะนำตัวตนของหลินซวนแล้ว ตงหวง จื่อโหยวก็ขอให้ คนเหล่านี้รับคำสั่งจากหลินซวน โดยสมบูรณ์
หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว โหรวหยิงก็ก้าวเข้ามา เอ่ยออกไปว่า
“ฝ่าบาท มีการเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรปีศาจสวรรค์ เหล่าสมุหนายกกำลังรอพระองค์อยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อปรึกษาหารือแล้ว”
ตงหวงจื่อโหยวมองไปที่หลินซวน "ข้ายุ่งกับราชกิจ จากนี้เจ้าต้องดูแลเด็ก ๆ ให้มากขึ้น."
"อืม." หลินซวนพยักหน้า
จากนั้นตงหวงจื่อโหยวก็จากไปพร้อมกับโหรวหยิง
หลินซวนมองไปที่บุตรสาวที่น่ารักทั้งสี่: "ลูกรัก มาดูห้องของเจ้ากับพ่อกันเถอะ"
ถ้าอยากเป็นพ่อผู้สมบูรณ์แบบต้องเริ่มจากชีวิตประจำวันของลูก ๆ ก่อน.