บทที่ 13: บุตรสาวผู้สง่างาม เสด็จพ่อกลับยิ่งสง่างามกว่า.
หลินซวน กวาดตามองค่ายกลรวมวิญญาณอย่างรวดเร็ว.
“เจ้าเพิ่งบอกว่าการสร้างค่ายกลก็เหมือนกับการสร้างบ้าน แท้จริงแล้วมีความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน”
“อย่างไรก็ตาม ค่ายกลนั้นกับมีความยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งยังคงแตกต่างจากการสร้างบ้านอยู่มาก”
เมื่อเขาเอ่ยสองคำนี้ สีหน้าของหรงฮุยก็เปลี่ยนไปทันที
นี่เป็นข้อโต้แย้งที่ถูกโค่นล้มอย่างสิ้นเชิง จนเขาไม่อาจหาข้อโต้แย้งได้.
เดิมทีเขาคิดว่าทุกค่ายกลนั้นควรมีโครงสร้างและการทำงานที่มั่นคงแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากลองคิดอย่างรอบคอบ สิ่งที่ หลินซวน เอ่ยกับ สมเหตุสมผลมากกว่า
“ตี้ฟู่ เชิญชี้แนะต่อ” หรงฮุย เฝ้ามองอย่างกระตือรือร้นในการเรียนรู้
หลินซวนชี้ไปที่ค่ายกลรวบรวมวิญญาณและเอ่ยออกมาว่า "หน้าที่พื้นฐานที่สุดของค่ายกลนี้คือ การรวบรวมรัศมีพลังฟ้าดินที่กระจัดกระจายไร้ขอบเขต"
“อย่างไรก็ตาม หากเจ้ารวบรวมกลิ่นอายทั้งหมดเข้ามาไว้ในนั้นอย่างเข้มแข็ง ก็จะมีสักวันหนึ่งที่พลังงานจะล้นการกักกัน”
“ดังสุภาษิตที่ว่า การปิดกั้นนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการกระจาย หากเจ้าต้องการให้มันคงอยู่ เจ้าต้องใส่ใจกับความสมดุลของค่ายกลนี้อยู่เสมอ”
หรงฮุยพยักหน้าหลังจากได้รับฟัง "นี่เป็นความจริง! ฟังคำพูดของตี้ฟู่แล้ว ยอดเยี่ยมกว่าอ่านหนังสือสิบปีเสียอีก!"
สีหน้าตื่นตะลึงที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟิงจี้ฟ่านเป็นอย่างมาก.
แม้แต่ปรมาจารย์ค่ายกลยังถ่อมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าตี้ฟู่ ดูเหมือนว่าตี้ฟู่จะทรงพลังมากกว่าที่เขาคิด.
“ตามความเห็นของตี้ฟู่ ข้าควรทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้ค่ายกลรวมวิญญาณสมบูรณ์แบบ?”หรงฮุยที่เอ่ยสอบถามต่อไป.
หลินซวนที่เผยยิ้มบาง“จำนวนห้าธาตุและเจ็ดดารา ไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็ใช้เป็นแปดดารา หกธาตุก็แล้วกัน.”
"ฮะ?" หร่งฮุ่ยสะดุ้ง
จำนวนแปดดาราหกธาตุ สามารถที่จะผันแปร 99.8 พันล้านรูปแบบ.
โครงการใหญ่ขนาดนี้เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์!
โดยไม่รอให้หรงฮุยตั้งสติ หลินซวนก็เดินเข้าไปในค่ายกลรวมวิญญาณแล้ว.
เขาที่ยกนิ้วขึ้น ชี้ไปยังทิศทางของค่ายกลรวมวิญญาณ.
ในไม่ช้า วงกลมสีทองลึกลับก็ปรากฏขึ้นในค่ายกลรวมวิญญาณ.
มันได้กระจายเปิดเป็นช่องแสงสีทองที่มีความพิเศษผสานเข้ากับวิถีแห่งสวรรค์และปฐพี.
หรงฮุยที่เฝ้ามองอย่างตั้งใจ อดไม่ได้เลยที่จะเผยความตื่นตะลึง“นี่คือวิธี แปดขาด หกรวม ตี้ฟู่ช่างทำได้รวดเร็วจริง ๆ”
ฟู่ ๆ~
แสงสีทองเกิดการปะทุขึ้นมาอีกครั้ง.
แสงสีทองรอบ ๆ ที่เชื่อมต่อกันเห็นเป็นแสงโค้งงดงาม.
ในเวลานี้กลิ่นอายที่พวยพุ่ง เริ่มไหลเข้ามารวมในค่ายกลรวมวิญญาณ.
ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อกลิ่นอายมีความเข้มข้นถึงจุดหนึ่งมันก็หยุด เพื่อทำให้พลังด้านในความเสถียร.
พลังส่วนเกินจะไหลออกไปในทิศทางที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า.
เป็นการรับเข้าและไหลออก เป็นวัฏจักร ไม่มีที่สิ้นสุด ราบรื่นและนุ่มนวล กลมกลืนกันเป็นอย่างมากมาก
หรงฮุยถูฝ่ามือไปมา แล้วถอนหายใจ: "ตี้ฟู่ช่างเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!"
ในเวลานี้เขาก็เข้าใจแล้วทำไม หลินซวน ถึงกลายเป็นบุรุษของจักรพรรดินิ
เพียงแค่ความสามารถดังกล่าว ก็มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นตี้ฟู่แห่งเป่ยเสวียนเทียนแล้ว.
แน่นอน แม้นว่าจะไม่เอ่ยถึงความสามารถด้านค่ายกลที่ลึกล้ำ
เพียงแค่รูปร่างหน้าตาของหลินซวน ก็หล่อเหลาหายากจนไม่มีใครเทียบเคียงได้แล้ว.
ด้วยหน้าตาและความสามารถ ก็เอ่ยได้ว่าเขาคือจักรพรรดิแห่งยุคสมัยอย่างแท้จริง.
แม้แต่เฟิงจี้ฟ่านก็เอ่ยชมในใจ“ฝ่าบาทช่างมีสายตาที่กว้างไกล ตี้ฟู่ช่างมีความสามารถไร้สิ้นสุดจริง ๆ”
"เอาล่ะ เข้าไปกันเถอะ"
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว หลินซวน จึงพาบุตรสาวทั้งสี่ของเขา เข้าไปในค่ายรวบรวมวิญญาณ
หรงฮุยและเฟิงจี้ฟานหลบเลี่ยงออกไปทันที
ตามกฎที่จักรพรรดินีกำหนดไว้ เมื่อองค์หญิงฝึกกระบี่ ผู้คุ้มกันต้องแยกออกมา.
สาเหตุหลักมาจากทักษะกระบี่ที่ตงหวงจื่อโหยวสอนให้กับเด็ก ๆ นั้นทรงพลังมาก
“เสด็จพ่อ ข้าจะแสดงให้ท่านได้เห็นถึงทักษะกระบี่ที่เสด็จแม่สอน!”
ดวงตาสีเข้มของเสวียนจู่ กลอกไปมา และเป็นคนแรกที่จับมือของหลินซวน แล้วเอ่ยอย่างภาคภูมิ
“ข้าก็อยากฝึกให้เสด็จพ่อเห็นเหมือนกัน!”
หลังจากนั้นสามสาวตัวน้อยก็เข้ามาหาข้าเพื่อช่วงชิงความโปรดปรานทันที.
หลินซวน ลูบศีรษะเล็ก ๆ ของพวกนางด้วยความรัก: "ธิดาที่รัก กระบี่ที่แม่เจ้าสอน ชื่ออะไร?"
"มันมีชื่อว่า 'วิชากระบี่เทียนเจา' เสวียนซีรีบยกมือเล็ก ๆ ของนางขึ้นมาเพื่อตอบ
เสวียนจู่ กล่าวเสริม: "เสด็จแม่บอกว่านี่คือวิชากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง"
หลินซวนพยักหน้ารับเบา ๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตงหวงจื่อโหยวไม่ได้อนุญาตให้คนอื่นเข้ามาดู
วิชากระบี่เทียนเจ้าระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง ถือเป็นทักษะกระบี่ที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก.
“เอาล่ะ ฝึกด้วยกันให้พ่อดูก็ได้” หลินซวนเผยยิ้ม
เด็กหญิงตัวเล็กทั้งสี่พยักหน้าพร้อม ๆ กัน ถอยกลับไปสองสามก้าว หายใจเข้าอย่างสดชื่น และเริ่มแสดงกระบวนท่าที่แท้จริงออกมา
ใช้กลิ่นอายที่ไม่มีที่สิ้นสุดในค่ายกลรวบรวมวิญญาณเพื่อดึงกระบี่ยาวที่วางอยู่บนหิ้งในอากาศ
ด้วยกลิ่นอายจิตวิญญาณจากค่ายกลรวมวิญญาณทำให้สามารถรวมพลังในอากาศได้ง่ายขึ้น.
“เสด็จพ่อ เริ่มแล้ว!”
สาวน้อยทั้งสี่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
ขณะพวกนางวาดมือ ปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งก็ปะทุออกมา.
หลินซวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
สมควรที่จะเรียกว่า มังกรให้กำเนิดมังกร ฟีนิกซ์ให้กำเนิดฟีนิกซ์
พรสวรรค์อันน่าหลงใหลของตงหวงจื่อโหยว ถูกส่งต่อไปยังเด็กทั้งสี่คนนี้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อใช้ทักษะกระบี่เทียนเจา ซึ่งเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง เด็กหญิงตัวน้อยทั้งสี่ก็ปลดปล่อยปราณกระบี่ที่คมกริบและไม่ธรรมดาออกมา.
หลังจากผ่านการฝึกฝนจนเพียงพอแล้ว.
เด็กทั้งสี่ก็เร่งรีบวิ่งเข้ามาหาหลินซวนและเอ่ยสอบถามออกมาว่า“เสด็จพ่อ การฝึกของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดีมาก!”หลินซวนที่รู้สึกว่าทั้งสี่ที่เข้ามาออดอ้อน เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังกอดแข้งกอดขา สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจ.
เสวียนหยูที่ปืนขึ้นมาบนขาของหลินซวน และเอ่ยออกมาว่า“เสด็จพ่อยอดเยี่ยมที่สุด ช่วยสอนทักษะกระบี่ให้กับพวกเราด้วยได้ไหม?”
เสวียนจู่และคนอื่นๆ เองก็เริ่มสนใจขึ้นมาในทันที และรบเร้า หลินซวน เพื่อสอนกระบวนท่ากระบี่ใหม่ให้กับพวกนาง.
หลินซวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า: "เอาล่ะ พ่อจะสอนเคล็ดลับกระบี่ใหม่ให้กับพวกเจ้าด้วย"
"ยอดเยี่ยม!"
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่กระจายตัวออกไปทันที ทุกคนจ้องมองไปที่หลินซวน ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและคาดหวัง.
หลินซวนหยิบกระบี่ยาวขึ้นมาในมือของเขา และมองดูบุตรสาวทั้งสี่ของเขา: "โปรดมองให้ดี"
สิ่งที่เขาใช้คือ "วิชากระบี่อู๋จี้" ที่ระบบมอบให้
[จีน wuji 無極"ไร้ขีด จำกัด ; ไม่มีที่สิ้นสุด" เป็นสารประกอบของwu 無"โดยไม่มี; ไม่ต้อง; ไม่มีไม่มีอะไร, ความว่างเปล่า"]
สิ่งนี่เรียกว่าไร้ขีดจำกัด ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีอะไร ว่างเปล่า ไร้เงา!
นี่เป็นกระบวนท่ากระบี่ประเภทหนึ่งที่ไม่เน้นรูปร่าง ไม่มีกรอบกระบวนท่าและไม่มีข้อจำกัด
กระบวนท่ากระบี่นั้นไร้กรอบ ไร้รูปร่าง.
เนื่องจาก หลินซวน ไม่มีฐานการฝึกฝน เขาจึงไม่เคยฝึกฝนวิชากระบี่มาก่อน
ดังนั้นท่าทางที่เขาใช้จึงดูไม่เพียงแต่ช้า แต่ยังดูไม่ได้ทรงพลังอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับเสวียนจู่ และคนอื่น ๆ มันกับมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
“เสด็จพ่อขยับช้ามาก แต่รู้สึกทรงพลังสุด ๆ เลย!”
“ถูกต้อง ทักษะกระบี่ของเสด็จพ่อและเสด็จแม่แตกต่างกันมาก!”
"ข้าอยากเรียนจริง ๆ!"
"ข้าด้วย!"
สาวน้อยทั้งสี่ตาดวงตาเป็นประกาย
หลินซวนดึงกระบี่กลับมาเก็บแล้วหันไปมองบุตรสาวทั้งสี่: "พวกเจ้าเห็นอะไรไหม?"
"เอิ่ม!"
เด็กหญิงทั้งสี่พยักหน้าพร้อมกัน
พรสวรรค์ของพวกเขาแต่เดิมอยู่ในระดับอสุรกายอยู่แล้ว แม้ว่าการเคลื่อนไหวของกระบี่หลินซวน จะดูน่าเบื่อ แต่เจตจำนงกระบี่นั้นไม่ธรรมดา
เสวียนจู่และคนอื่น ๆ ลืมกระบวนท่ากระบี่ของหลินซวน แต่พวกนางสามารถแกะสลักเจตนากระบี่ที่เผยออกมาได้อย่างมั่นคง
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ลองทดสอบดู” หลินซวน ต้องการดูว่าบุตรสาวของเขาจะเข้าใจ "เทคนิคกระบี่อู๋จี้" ได้มากแค่ไหน
“เสด็จพ่อ ข้าคนแรก!”
ธิดาคนโตเสวียนจู่ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง.
นางสูดหายใจเข้าลึก และใช้พลังแก่นแท้ที่แท้จริงออกมา
หลับตาและสัมผัสถึงเจตจำนงกระบี่ จากนั้นก็ฟันกระบี่ออกไปบนอากาศ
ซูมมม!
ลำแสงกระบี่พุ่งออกไปเป็นแนวนอนและแนวตั้ง กะพริบยาวหลายร้อยฟุตพุ่งออกไป
แสงกระบี่สีทองทะลุผ่านค่ายกลรวบรวมวิญญาณและตกลงไปบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป.
บูม! เกิดเสียงดังก้อง ก้อนหินระเบิด แหลกเป็นชิ้น ๆ กระเด็นไปทั่วสารทิศ.
"ว้าว!"
"อะไร!"
"อา!"
"โอ้ว!"
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่คน ปิดปากทีละคนแล้วอุทานดัง
เฟิงจี้ฟ่านและทหารองค์รักษ์ที่หันกลับไปมอง ต่างก็เผยความตกใจกับอำนาจกระบี่ที่น่าเกรงขาม.