พวกคุณจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไม (อ่านฟรี 23/06/2567)
“ทำไมกล้องวงจรปิดพวกนี้มันถึงไม่มีภาพอะไรเลยล่ะครับ ?” เย่เซวียนเดินไปถามชายที่อ้างว่าตนเป็นผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้
“แล้วคุณเป็นใคร ? ทำไมผมต้องฟังที่คุณพูดด้วยครับ” ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้ดูแลกล่าวออกมาพลางดันแว่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“ผมเป็นคนที่ถูกพวกเขากล่าวหาครับ ต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อใช้ยืนยัน คุณช่วยเปิดให้พวกเราดูหน่อยจะได้ไหม ?” เย่เซวียนพยายามจะพูดดี ๆ ด้วยถึงเขาจะรู้สึกว่าชายตรงหน้ามารยาทแย่มากก็ตาม
“ไม่ล่ะครับ พอดีว่ากล้องมันเสียอยู่ แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องฟังที่คุณพูดด้วย” ผู้ดูแลห้องกล้องวงจรปิดกล่าวออกมา
“นายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ? ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ทำตัวดี ๆ จะดีกว่านะ” ฮวาหวู่หลิงที่ทำดูคนตรงหน้ากล่าวอวดดีออกมาไม่ไหวจึงส่งเสียงออกมาบ้าง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดันไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เพราะชายตรงหน้าทำหน้าเหยียดใส่เธอเหมือนจะถามว่าเธอเป็นใคร เขาจำเป็นต้องรู้จักด้วยรึไงออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“คุณจะเป็นใครก็ช่าง! ผมไม่สนใจหรอก ช่วยออกไปจากที่นี่จะได้ไหม ?” ผู้ดูแลกล่าวออกมาอย่างไม่ไว้หน้าหญิงตัวเล็กแม้แต่น้อย ทำให้เธอเริ่มจะหมดความอดทนเหมือนกัน
“เอาน่า อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ คือผมเป็นรองสารวัตรมาจากสถานีใกล้เคียงนะครับ มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อยไม่ทราบว่าผมจะขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยจะได้ไหมครับ” รองสารวัตรที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็แอบยิ้มอยู่ในใจก่อนจะเดินมาพูดกับผู้ดูแล
“อืมม ถ้าเป็นตำรวจก็ช่วยไม่ได้ แต่กล้องมันเสียจริง ๆ ครับ เอาไว้ถ้ากู้คืนข้อมูลอะไรได้แล้วผมจะส่งไปให้ทางสถานีตำรวจอย่างเร็วที่สุดเลยนะครับ” ผู้ดูแลที่เห็นว่าใครเป็นคนกล่าวออกมาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าในทันที เขายิ้มให้กับรองสารวัตรอย่างเป็นกันเอง
ถึงเขาจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มกับหญิงสาวเป็นใครแต่ก็คงไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไร เพราะเขาได้รับคำสั่งมาจากหัวหน้าของเขาที่เป็นหุ้นส่วนของห้างซานหมิงว่าให้ช่วยเหลือรองสารวัตรอย่างเต็มที่ เขาจึงได้กล้าที่จะเล่นตุกติกกับตัวเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากเลยนะครับ” รองสารวัตรกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ในเมื่อหลักฐานทางคุณก็ยังไม่มี ถ้าอย่างนั้นขอเชิญพวกคุณไปสอบปากคำที่โรงพักหน่อยนะครับ” รองสารวัตรหันมาหาฮวาหวู่หลิงกับเย่เซวียนแล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงราบเรียบ
เขาไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่เขาคิดว่ามันช่างเพอร์เฟคในสายตาของเขา มันถูกถ่ายทอดสดให้คนเห็นหลายหมื่นคนเสียแล้ว
ในตอนนี้ชาวเน็ตที่เห็นเหตุการณ์ต่างกำลังเดือดระอุ ในตอนแรกพวกเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์สักเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่ สิ่งที่เกิดขึ้นมันดูแปลกประหลาดจนเกินไป!
ช่องไลฟ์สดในตอนนี้ไม่ใช่จากบัญชีทางการของห้างซานหมิงแล้ว เพราะช่องบัญชีทางการปิดไลฟ์สดกับงานกิจกรรมไปแล้ว ตอนนี้ฮวาหวู่หลิงไลฟ์สดด้วยช่องที่เธอสร้างขึ้นใหม่แทนซึ่งเป็นบัญชีที่เธอสร้างไว้ให้เย่เซวียนเพราะเขาขอไว้ เนื่องจากเขาสร้างเองไม่เป็น
ทั้งสองตกลงกันว่าจะใช้ช่องเขาไลฟ์สดโดยการกล่าวปิดไลฟ์จากบัญชีห้างซานหมิงว่าให้มาตามต่อได้ช่องนี้แล้วทิ้งลิงค์ไว้ให้
[พวกนายว่า ชายคนนั้นเป็นคนผิดจริงรึเปล่า ? ดูท่าทางแล้วเขาไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้นเลยนะ]
[นั่นสิ! เขายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อของมาแจกให้คนตั้งเยอะขนาดนั้น จะเป็นคนไม่ดีไปได้ยังไง!!]
[เมนต์บนสงสัยจะเป็นคนที่ได้ของดีจากกิจกรรมล่ะสิ! ถึงได้ปกป้องขนาดนั้น]
[แต่พวกตำรวจก็เชื่อใจไม่ค่อยได้หรอกนะ ฉันเคยไปแจ้งความแต่พวกมันดันไม่ยอมทำอะไรนอกจากรับเรื่องแล้วเงียบไปซะงั้น!]
[เรารอดูกันต่อไปเถอะ ฉันบังเอิญอยู่ที่ห้างซานหมิงพอดี เดี๋ยวถ้าเขาถูกพาตัวไปสถานีจริง ๆ ฉันจะตามไปดูด้วยตาตัวเอง ว่าเขาผิดจริงหรือเปล่า ทางตำรวจต้องมีคำตอบให้พวกเรา!!]
ครึ่งหลัง อัพวันนี้ถ้าทันครับ ถ้าไม่ทันอัพ 13/04/2567
“แน่ใจนะว่าพวกคุณไม่ได้วางแผนกันไว้ มันดูแปลก ๆ นะครับ” เย่เซวียนกล่าวออกมาหลังจากที่เขาได้เห็นว่าทั้งสองคนตรงหน้าดูเหมือนจะรู้จักกันหรือสนิทกันในระดับหนึ่ง
ในตอนนี้เหลือเพียงเย่เซวียน ฮวาหวู่หลิง และบอดี้การ์ดเท่านั้น พวกตากล้องกับชาวจีนมุงถูกกันออกไปจนหมด แต่ไลฟ์สดก็ยังถูกเปิดอยู่ผ่านทางโทรศัพท์ของเย่เซวียนที่เขาแอบใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้
แม้ภาพจะไม่ได้อยู่ในมุมที่ดีทุกสุดก็ยังสามารถดำเนินการไลฟ์ต่อไปได้
“ไปใส่กุญแจมือพวกเขาแล้วพาไปสถานีได้แล้ว” รองสารวัตรที่เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มจะพูดมากเกินไปจึงได้สั่งการลูกน้องของเขาทันที
ตำรวจชั้นผู้น้อยทั้งหลายได้แต่จำใจเดินเข้ามาล้อมกลุ่มของพวกเย่เซวียนและฮวาหวู่หลิงเอาไว้ พร้อมกับกุญแจมือที่ถูกถือเข้าหา
ในตอนนี้ตำรวจส่วนใหญ่ได้ล้อมบริเวณห้องกล้องวงจรปิดไว้หมดแล้ว ทำให้ชาวจีนมุงที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เฮ้ย! ฉันยอมตามไปด้วยไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ทำไมต้องใส่กุญแจมือด้วย ? ถ้ากล้าใส่กุญแจมือฉันก็อย่าหวังว่าจะให้ความร่วมมือง่าย ๆ เลย!” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมาด้วยความโมโห เธอไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอากุญแจมาใส่มือเธอ
“ถ้าคิดจะแตะตัวคุณหนูก็ข้ามศพพวกฉันไปก่อนก็แล้วกัน!” หัวหน้าบอดี้การ์ดเดินมาขวางตำรวจเอาไว้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายกำลังยืนประจันหน้ากันด้วยความตึงเครียดแทน
“พีเชียง มัวรออะไรอยู่! รีบจับมันสิครับ” เหอจุนที่ยืนอยู่ข้างรองสารวัตรกล่าวออกมาเสียงเบา
แต่ถึงจะเบาแค่ไหนด้วยประสาทการได้ยินที่ดีขึ้นของเย่เซวียนเขาก็ได้ยินอยู่ดี
‘ที่แท้ก็เป็นอย่างที่คิด พวกมันรู้จักกันนี่เอง’ เย่เซวียนคิดในใจก่อนจะยิ้มออกมา
“ไปจับกุมให้หมด! ใครขัดขืนจะโดนข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่!!” รองสารวัตรกล่าวออกมาเสียงดังทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยได้แต่พยักหน้าให้กันอย่างจำใจ
พวกเขาหยิบกระบองออกมาจากข้างลำตัวก่อนจะเดินเข้าหาพวกบอดี้การ์ดที่ขวางทางอยู่ แน่นอนว่าฝั่งบอดี้การ์ดแม้จะมีเพียงสิบกว่าคนก็ใช่ว่าจะประมาทได้ เพราะพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่มีเพียงมือเท้าเปล่าก็ย่อมสู้ได้ยากเป็นธรรมดา
“พวกคุณจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไมนะ” เย่เซวียนกล่าวออกมาพลางทุบตีพวกตำรวจไปด้วย
ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ
ทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด แม้บอดี้การ์ดเหล่านั้นจะได้รับการฝึกฝนมา แต่พวกตำรวจก็ไม่ใช่คนทั่วไป ต้องใช้ตำรวจสามคนพร้อมกระบองเพื่อรุมจัดการบอดี้การ์ดหนึ่งคนถึงจะเอาอยู่ มีเพียงเย่เซวียนที่คอยกันฮวาหวู่หลิงเอาไว้เท่านั้นที่ไม่มีตำรวจคนไหนที่สู้เขาได้
ถึงแม้จะไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน แต่ชายหนุ่มอาศัยพละกำลังและความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นในการหลบได้อย่างไม่ยากนัก เขาซัดตำรวจที่เข้ามาหาลงไปกองกับพื้นได้ภายในไม่กี่หมัดจนทำให้พวกตำรวจที่เห็นเหตุการณ์ไม่กล้าขยับเข้ามาใกล้มากกว่านี้
“ใช้แผน B ได้เลย!” รองสารวัตรที่เห็นว่าเรื่องมันไม่เป็นไปอย่างที่คิดจึงตะโกนออกมา
“แต่รองสารวัตร! ถ้าเบื้องบนรู้เข้าจะมีปัญหาได้นะครับ” นายตำรวจผู้หนึ่งกล่าวแย้งขึ้นเพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รองสารวัตรกล่าว
เพี๊ยะ!
“ฉันบอกให้ทำก็ทำซิวะ! อย่ามาต่อปากต่อคำ” รองสารวัตรตบหน้านายตำรวจผู้นั้นอย่างแรงก่อนจะตวาดออกมาเสียงดัง ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้ากัดฟันเอาไว้ด้วยความแค้น
“...ครับ” นายตำรวจที่ถูกตบหน้ากล่าวออกมาเสียงเบา ก่อนที่เขาจะชักบางสิ่งออกมาจากข้างเอวพร้อมกับนายตำรวจอื่น ๆ