บทที่ 26 ถ่ายทำ (1)
บทที่ 26 ถ่ายทำ (1)
. .
. .
คังวูจินเดินออกมาด้วยท่าทางที่เฉยเมย นักแสดงต่างมองด้วยความสับสนและกระวนกระวาย พวกเขาสัมผัสได้อย่างรุนแรงถึงบางสิ่งบางอย่างจากใบหน้าที่เฉยเมยของคังวูจิน
เขากำลังโกรธอยู่ แค่เห็นแววตานั้นใคร ๆ ก็รับรู้ได้
หากพวกเขาโดนเองก็คงรู้สึกอารมณ์เสียเช่นกัน แต่ที่จริงคังวูจินไม่ได้โกรธอะไรเป็นพิเศษ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องการแก้ไขความเข้าใจผิดอยู่ดี ขณะเดินไป คังวูจินจึงมองไปที่นักแสดงที่เบิกตากว้างและพูดอย่างสั้น ๆ ไป
น้ำเสียงของเขายังคงเหมือนเดิม
"ผมไม่ได้อยู่ในสังกัดไหนครับ"
ทันใดนั้น ใบหน้าของนักแสดงโดยรอบก็ดูหม่นหมองขึ้นทันที
ประโยคแรกฟังดูเหมือนเป็นการเตือนว่าไม่ใช่เพราะสังกัด สีหน้าเฉยเมยของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคำรามออกมาได้ในทุกวินาที นักแสดงทุกคนต่างก้มหัวให้กับคังอูจิน
“ผมขอโทษครับ!!”
"ขอโทษจริง ๆ ครับ!"
"พวกเราไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่... ขอโทษด้วยนะคะ"
ทันใดนั้น ขณะที่เหล่านักแสดงขอโทษ ผู้กํากับชินดงชุนก็กระพริบตาปริบ ๆ
"อะไรเนี่ย? มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ?"
คังวูจินที่จ้องนักแสดงโดยรอบก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
"ดูเหมือนว่าพวกเขาแค่เข้าใจผิดครับ"
"เข้าใจผิด?"
"คุณไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้หรอก"
เหตุผลที่คังวูจินตอบกลับไปอย่างเย็นชาก็มาจากการศึกษาของเขาเอง ตัวเขาเป็นนักแสดงอัจฉริยะที่ไม่สนใจว่าคนอื่นคิดอย่างไร พูดกันง่าย ๆ ก็คือ เขาเป็นคนประเภท 'ทำตามใจฉัน' เขาไม่จําเป็นต้องมาโกรธกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลย
มันเป็นแค่เรื่องนินทาไร้สาระเอง อา ด้วยนิสัยที่เขาวางโครงเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเลย
แต่คังวูจินยังเป็นตัวเอกในกองนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องทำตัวให้มีบารมีและเสน่ห์ครบสูตร และในฐานะนักแสดงแบบเขา มันย่อมต้องหนีไม่พ้นที่จะเจอสถานการณ์แบบ ‘เล่นใหญ่' สักครั้ง ตัวอย่างเช่น อาจจะมีคนระดับสูงมาหาเรื่องหรือสร้างความเดือดร้อนให้
แต่หากเกิดกรณีแบบนั้นขึ้น คังวูจินจะต้องโกรธอย่างแน่นอน อย่าลืมสิว่าก่อนหน้านี้ เขาถึงขั้นกล้าโยนใบลาออกใส่มือซีอีโอของบริษัทออกแบบไปอย่างกล้าหาญ
'ฉันรับมือเรื่องพวกนี้ได้ แต่ตอนนี้ เขายังจําเป็นต้องทําแบบนั้นด้วยเหรอ?'
แต่ถึงในหัวกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่มากมาย นักแสดงตรงหน้าเขาก็ยังคงขอโทษคังวูจินอยู่เช่นเดิม
'อืม...'
ผู้กำกับชินดงชุนเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
'ดูเหมือนว่านักแสดงจะพูดจาไม่ดีกับคังวูจินสินะ เดี๋ยวฉันจะเรียกพวกเขาแต่ละคน แล้วถามรายละเอียดทีหลัง แต่ดูเหมือนคังวูจินจะมีความอดทนสูงมากเลย ไม่เหมือนพวกดาราดังมากมายที่โกรธนักแสดงรุ่นน้องโดยไม่มีเหตุผล'
จากนั้นเขาละสายตาจากนักแสดงไปยังวิลล่าที่อยู่ไกล ๆ พวกเขากำลังเตรียมงานถ่ายทำ โดยเน้นที่การตกแต่งภายในมากกว่าภายนอกของวิลล่า
"เช็คอุปกรณ์ประกอบฉากในห้องใต้ดินหน่อย!"
"ครับ ได้ครับ! ผมจะไปเดี๋ยวนี้ -"
"วันนี้มีการถ่ายทําที่ชั้นสองหรือเปล่า?"
"ตามกําหนดการคือพรุ่งนี้ครับ!"
มีทีมงานของ 'สำนักงานนักสืบ' ประมาณสิบคนกระจายอยู่ทั่ววิลล่า จํานวนอุปกรณ์ในกองถ่ายไม่มากนัก มันค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับทีมถ่ายหนังทำเงินทั่วไป ทว่าสำหรับหนังสั้น ทีมงานและอุปกรณ์ถือว่าดีเลยทีเดียว
ปกติแล้ว ได้แค่ครึ่งหนึ่งในตอนนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
โชคดีที่ 'สำนักงานนักสืบ' เพิ่งได้รับเงินทุนมา ทำให้สถานการณ์ตอนนี้คลี่คลายไปในทางที่ดี
ถึงอย่างนั้น…
"การถ่ายทําเริ่มเวลา 14.00 น.! รีบไปกันเถอะ!!"
การถ่ายทําหนังสั้นเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' อย่างเป็นทางการจะเริ่มเวลา 14.00 น. พวกเขาเหลือเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ในช่วงเวลานี้ ผู้กำกับชินดงชุนจะเริ่มทำการพูดสรุปเกี่ยวกับการจัดเตรียมสถานที่ถ่ายทำและที่พัก ซึ่งทางทีมงานหนัง 'สำนักงานนักสืบ' จะพักอาศัยอยู่ที่พักใกล้กับวิลล่าเป็นเวลาประมาณ 5 วัน ตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ
ตามโครงเรื่อง ฉากส่วนใหญ่ของการถ่ายทำส่วนใหญ่จะถ่ายทำบริเวณใกล้เคียงกับวิลล่า
ในขณะนั้นเอง
-พึบ
ผู้หญิงผมยาวสลวยได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันด้านหลังผู้กำกับชินดงชุน ผู้ที่กำลังมองไปทางวิลล่า นักแสดงชายรูปร่างกำยำที่อยู่ด้านข้างก็เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นเธอ
"...หือ?"
ผู้หญิงคนนั้นช่างคุ้นเคย แต่ก็แปลกตามาก ชายร่างกำยำได้แต่พึมพำชื่อของเธอเบา ๆ
“นั่นมัน...คุณฮงฮเยยอนไม่ใช่เหรอ??”
ประโยคนี้ได้กระจายกันไปอย่างรวดเร็วในหมู่นักแสดง
"อะไรนะ? ที่ไหน? อ๊า! ว้าว!!”
“ว้าว…ใช่เธอ จริง ๆ เหรอนี่ สุดยอดไปเลย”
"เป็นเธอจริงเหรอ??! ฮงฮเยยอนจริง ๆ งั้นเหรอ? หรือว่าเป็นแค่คนที่หน้าคล้ายเธอกัน?"
ใช่แล้ว เธอคือฮงฮเยยอน นักแสดงสาวชื่อดังจริง ๆ น่าเหลือเชื่อเลย นักแสดงต่างพากันตกตะลึงอีกครั้ง ผู้กำกับชินดงชุนที่หันกลับมามองก็เห็นฮงฮเยยอน เขาจึงยิ้มกว้างออกมาทันที
“ฮ่าฮ่า พวกคุณตกใจกันมากเลยใช่ไหม? ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้บอก นี่คือฮงฮเยยอน เธอจะมารับบทเป็น 'ภรรยา'”
ในเวลาเดียวกัน ฮงฮเยยอนที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตยาวสีขาวบุฟองก็ยิ้มทักทายเหล่านักแสดง
“สวัสดีค่ะ มาพยายามกันไปด้วยกันนะคะ”
เหล่านักแสดงต่างตะลึงกับการปรากฏตัวของฮงฮเยยอน พวกเขาทักทายเธออย่างสับสน เป็นฮงฮเยยอนจริง ๆ เหรอ? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? นั่นคือสีหน้าที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะดาราดระดับแถวหน้าคนหนึ่งดันมาปรากฏตัวที่กองถ่ายหนังสั้น
ในที่สุด สายตาของฮงฮเยยอนก็สบตาเข้ากับคังวูจิน ใบหน้าของเขาดูเรียบเฉย ในไม่ช้าเธอก็พึมพํากับตัวเองว่า
'นิ่งเกินคาดเลยแฮะ เขารู้อยู่แล้วหรือเปล่านะ? แต่จะว่าไปกระทั่งตอนอยู่ต่อหน้าคนร้อยคนตอนอ่านบทเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ฉันนึกว่าเขาอาจจะตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะเป็นการถ่ายทำครั้งแรกของเขาเสียอีก คาดหวังอยู่เหรอ? ตอนนี้ฉันกำลังคาดหวังอะไรอยู่กันเนี่ย?’
จากนั้น คังวูจินจึงทักทายเธออย่างรวบรัด
“สวัสดีครับ”
นักแสดงรอบข้างเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเสียงทุ้มของคังวูจินที่ทําให้พวกเขาประหลาดใจ แต่เป็นเพราะเขายังคงนิ่งมาก แม้ว่าฮงฮเยยอนผู้เป็นถึงนักแสดงชื่อดังจะโผล่มาที่นี่
'มันแปลกไปหน่อยไหม? นั่นมันนักแสดงฮงฮเยยอนเลยนะ?? เขาใจเย็นขนาดนั้นได้ยังไงกัน?’
ในทางกลับกัน ฮงฮเยยอนผู้ซึ่งตอนนี้คุ้นเคยกับปฏิกิริยาของคังวูจินก็ยิ้มตอบให้เขา
"เราเจอกันอีกแล้วนะคะ เจอกันค่อนข้างบ่อยเลยว่าไหม?"
สําหรับผม มันเป็นเหมือนพรจากสวรรค์เลยต่างหาก คังวูจินตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ต่างจากความคิดภายในของเขา
“ใช่ครับ เรามักเจอกันบ่อย ๆ เลยนะครับ”
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ค่อนข้างสร้างความตกตะลึงให้กับนักแสดงคนอื่น ๆ
'พวกเขามักเจอกันบ่อย ๆ งั้นเหรอ? กับนักแสดงฮงฮเยยอน? พวกเขาสนิทกันเหรอ?’
‘ที่จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาเป็นนักแสดงชื่อดังในวงการละครเวทีหรือเปล่า?’
ทันใดนั้น สายตาที่จ้องไปที่คังวูจินก็เปลี่ยนเป็นความอิจฉา
ในขณะเดียวกัน ที่จีจีโอเอ็นเตอร์เทนเม้นท์
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของซีอีโอ ที่ตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้นานาพันธ์ ซีอีโอซอกูชอบกำลังนั่งสูบบุหรี่ ใบหน้าของเขายังชวนให้นึกถึงสุนัขพันธุ์บูลด็อก มีพนักงานชายสองคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในไม่ช้า เขาก็เงยหน้าขึ้นจากการอ่านเอกสารรายงาน
“งั้นเรื่องของพัคจองฮยอกก็ไม่มีปัญหาแล้วสินะ?”
พนักงานรูปร่างผอมพยักหน้าอย่างมั่นใจ
"ใช่ครับ กำหนดการถ่ายทำจะเริ่มในอีกสองวันและคุณพัคจองฮยอกก็อยู่ในสภาพที่พร้อมแล้ว”
“จัดการเรื่องทั้งหมดให้ดี กดดันบริษัทผู้ผลิตให้ดูแลกองถ่ายต่อไป”
"เข้าใจแล้วครับ"
“มีอุปกรณ์อะไรขาดตกบกพร่องไหม?”
“เท่าที่ทราบ ไม่มีอะไรขาดครับ”
“อย่าประมาท ไปตรวจสอบกองถ่ายด้วยตัวเอง”
ซีอีโอซอกูซอบพ่นควันออกมาอย่างต่อเนื่อง
"เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การช่วยพัคจองฮยอก แต่มันเป็นเรื่องของชื่อเสียงของจีจีโอเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ด้วย อย่าได้มองข้ามไปเด็ดขาด”
“ครับท่าน เราจะดูแลเป็นพิเศษครับ”
“ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นสปอนเซอร์ สถานที่หรือนักแสดง ฝ่ายเราก็ต้องช่วยเหลือพวกเขาให้ได้”
ซีอีโอซอกูชอบมุ่งมั่นที่จะช่วยกู้ชื่อเสียงให้กับพัคจองฮยอก ขณะปิดเอกสารรายงานที่กำลังดูอยู่ เขาก็เปลี่ยนคำถามไป
“แล้วเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ’ ล่ะ? พวกนั้นยังเงียบอยู่หรือเปล่า?”
“ครับ นอกจากเรื่องที่พวกเขาได้รับเงินลงทุนและกำลังจะเริ่มถ่ายทำ ก็ไม่มีข่าวอะไรเลย ดูเหมือนว่านักแสดงสมทบที่พวกเขารับมาจะไม่ใช่แม้แต่ระดับ B ด้วยซ้ำครับ”
“ใช่เลยครับ ถ้าเป็นนักแสดง B ก็ยังพอว่าหน่อย เหอะ แค่คิดแล้วก็น่าโมโห ไอ้เวรพวกนี้ สุดท้ายก็ดันเลือกนักแสดงห่วย ๆ มาแทนนักแสดงจองฮยอกที่ถูกโยนความผิดเนี่ยนะ?”
“······”
ซีอีโอโซกูซอบใบหน้าของเขาแดงก่ำเล็กน้อย หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกครั้ง
"ช่างมันเถอะ พวกมันทำตัวเอง ปล่อยให้พวกขยะนั้นสร้างขยะต่อไป ว่าแต่ใครกันที่ลงทุนให้มัน?”
“เรื่องนั้น… เรายังไม่สามารถยืนยันได้ครับ มันไม่ได้มาจากบริษัทผลิตหนังสั้นอย่างแน่นอน อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้กำกับชินดงชุนชักชวนมาจากภายนอกผ่านเส้นสายส่วนตัวของเขา”
"ให้ตายสิ คงไม่ใช่ว่าเป็นแผนการโจมตีจากบริษัทบันเทิงอื่นใช่ไหม?”
“ไม่น่าจะใช่ครับ พวกเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะสนใจหนังสั้นหรือตลาดหนังอินดี้หรอกครับ”
“ชิ น่าจะดีกว่าถ้าไอ้หนังสั้น ‘สำนักงานนักสืบ’ ล่มไม่เป็นท่าตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ”
ซีอีโอซอกูชอบดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่แก้วด้วยความหงุดหงิด เขาลุกขึ้นยืนทันที
“ยังไงก็ลองติดต่อกับไอ้พวกนักข่าวที่เราเคยเป็นเพื่อนกันดูซิ บอกพวกเขาให้ลงบทความไปเลย เราต้องเริ่มดึงดูดความสนใจตั้งแต่ตอนนี้แล้ว”
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา บทความที่เกี่ยวข้องกับนักแสดงพัคจองฮยอกก็ถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ต
『[บทความพิเศษ] นักแสดงพัคจองฮยอกจองฮยอกได้เริ่มต้นใหม่จากจุดล่างสุด “ผมขอตอบด้วยการแสดงของผม”』
ประมาณบ่ายสองโมง กลับมาที่ ‘สำนักงานนักสืบ’ ในวิลล่าของเมืองพาจู
ผู้คนหลายสิบคนรวมตัวกันอยู่ที่สนามหน้าวิลล่า ซึ่งได้มีการตั้งกองถ่ายเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาเป็นทีมงานทั้งหมดของ ‘สำนักงานนักสืบ’ เป็นเหล่าทีมงานและนักแสดง สิ่งที่น่าสนใจคือ ใบหน้าของทุกคนตึงเครียดไม่เหมือนเมื่อก่อน เหตุผลนั้นง่ายมาก
เป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของนักแสดงหญิงชั้นนำ ฮงฮเยยอน
ไม่มีใครในกองถ่ายนี้เคยฝันว่าจะได้เห็นฮงฮเยยอนในวันนี้ ปกติแล้วเธอมักจะรับเฉพาะงานฟอร์มยักษ์เท่านั้น แต่เธอกลับเข้าร่วมแสดงใน ‘สำนักงานนักสืบ’ ด้วยเหตุนี้ ทีมงานทุกคนจึงเหลียวมองฮงฮเยยอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผู้กำกับชินดงชุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในตอนนี้เอง ผู้กำกับชินดงชุนก็กล่าวว่า
“ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้ว”
เขาเริ่มบรีฟให้กับทีมงานที่ดูตื่นตกใจกับฮงฮเยยอน
“การมาของคุณฮงฮเยยอนเป็นความลับจนกว่าจะถ่ายทำเสร็จ มีข้อกำหนดการรักษาความลับในสัญญาด้วย มันมีเหตุผลที่ไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่ ดังนั้นโปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะครับ”
ข้าง ๆ เขา ฮงฮเยยอนที่หวีผมยาวสยายออกด้านหลังได้กล่าวทักทายอย่างเหมาะสม
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ-”
ด้วยเหตุนี้ บรรยากาศของกองถ่ายค่อนข้างผ่อนคลายขึ้นพอสมควร ต่อมาผู้กำกับชินดงชุนก็กลับมาควบคุมสถานการณ์อีกครั้ง
“ทุกคนครับ ยกเว้นคุณฮงฮเยยอน พวกเราจะพักกันที่นี่ประมาณ 5 วันเพื่อถ่ายทำ ถ้าใครมีปัญหาอะไรแจ้งทีมกำกับไว้ล่วงหน้านะครับ”
โดยปกติแล้ว หนังสั้นอิสระมักจะมีช่วงเวลาถ่ายทำที่สั้น ดังนั้นทีมงานมักจะพักกันใกล้ ๆ กับกองถ่าย เพราะการย้ายที่พักบ่อยจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แถมด้วยความที่เป็นกองถ่ายเล็ก ๆ หากมีการย้ายที่บ่อย มันอาจทำให้กระทั่งตารางงานที่เรียบง่ายก็ยังรวนได้
“เข้าใจตรงกันนะครับ! เริ่มตั้งแต่วันนี้ ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามตารางอย่างเคร่งครัดนะครับ!”
ผู้กำกับชินดงชุน ผู้กำกับหน้าใหม่แต่มีประสบการณ์เป็น PD มาก่อนได้ก้มหัวให้กับทุกคน ในขณะเดียวกัน ทีมงานคนหนึ่งจากทีมกำกับก็ตะโกนบอกทุกคนว่า
“เราจะเริ่มถ่ายทำใน 10 นาที!!”
ทันใดนั้น ทีมงานก็เริ่มเคลื่อนที่ไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ถึงแม้จะมีแค่ประมาณสิบกว่าคน แต่พวกเขาก็คล่องแคล่วว่องไว ในระหว่างนั้นเอง ผู้กำกับชินดงชุนก็เดินตรงไปหาคังวูจิน
“คุณคังวูจิน คุณไปแต่งหน้าได้เลยครับ ฉากแรกเป็นฉากเดี่ยวอย่างที่คุยกันไว้ ส่วนในตอนนี้ ขอเริ่มด้วยฉากที่คุณเดินเข้าวิลล่าไปก่อนนะครับ”
"เข้าใจแล้วครับ"
คังวูจินตอบกลับมาอย่างใจเย็น แต่...
‘บ้าจริง ฉันชักกังวลนิดหน่อยแฮะ นี่ฉันจะได้ถ่ายทำครั้งแรกแล้วเหรอเนี่ย?’
ในตอนนี้ หัวใจของคังวูจินเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา ไม่สิ มันเป็นอย่างนั้นตั้งแต่เขามาถึงกองถ่ายเลยต่างหาก แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' จำนวนคนในกองถ่ายนี้มีน้อยกว่ามาก
‘แต่ฉันกำลังถ่ายทำอยู่งั้นเหรอ? นี่ฉันกำลังถ่ายหนังจริง ๆ เหรอเนี่ย??'
ความตึงเครียดระหว่างการอ่านบทกับมาถ่ายทำนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการอ่านบทเป็นแค่การเตรียมความพร้อม แต่การถ่ายทำคือของจริง ถึงแม้จะเป็นกองถ่ายหนังสั้น แต่สำหรับคังวูจินผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันก็เหมือนกับการยืนอยู่คนเดียวบนเวทีขนาดใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้น คังวูจินยังเป็นตัวเอกของเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' อีก
กล้อง ผู้กำกับชินดงชุน และทีมงานทุกคนต่างกำลังเคลื่อนไหวเพื่อคังวูจิน คังวูจินรู้สึกกดดันเล็กน้อย และกลัวมากด้วย มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากตอนเป็นรองหัวหน้าพัคพอสมควร
‘มันรู้สึกมากเกินไปหน่อยแฮะ’
ความรับผิดชอบของการเป็นตัวละครนำ เป็นภาระที่คังวูจินต้องรับผิดชอบ กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันดีเท่าไรเลย
‘แต่ถ้ากองถ่าย 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' เป็นแบบนี้ การถ่ายทำมันคงเป็นฝันร้ายชัด ๆ ’
แต่ถึงจะกังวล คังวูจินก็ย้ำกับตัวเองให้แสร้งทำเป็นเข้มแข็งขณะที่กำลังไปแต่งหน้า มันคงถึงเวลาแล้วล่ะที่จะต้องเสแสร้งออกไป ไม่ใช่แค่ภายนอก แต่ภายในด้วยเช่นกัน คังวูจินจึงเริ่มหลอกตัวเองพร้อมกับกำลังแต่งหน้าไป โดยคงใบหน้าที่เรียบเฉยเอาไว้
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ตัวเขายามนี้ดูเย็นชามากกว่าเดิมเสียอีก
ระหว่างนั้นเอง
"คุณคังวูจิน"
เสียงของฮงฮเยยอนดังขึ้นทักทายคังวูจิน ในมือข้างหนึ่งถือบทละครอยู่
“คิดเรื่องนั้นแล้วหรือยังคะ? เรื่องสังกัด”
คังวูจินที่เพิ่งแต่งหน้าเสร็จได้พึมพำตอบเบา ๆ
“ผมคิดว่าจะเลือกหลังจากถ่ายทำ ‘สำนักงานนักสืบ’ เสร็จครับ”
“··· คุณยังไม่ได้คุยกับใครเลยใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ”
“คุณมีเงื่อนไขอะไรที่คุณคิดไว้บ้างไหมคะ?”
ไม่มีทางที่เขาจะคิดได้หรอก เพราะแม้แต่การถ่ายทำเองมันก็เป็นครั้งแรกของคังวูจิน เรื่องของสังกัดจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา ในไม่ช้า คังวูจินจึงหลบเลี่ยงคำถามอย่างคลุมเครือ
“อาจจะมีครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮงฮเยยอนมองดูคังวูจินราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่างแบบลึกซึ้ง แล้วเธอจึงเปิดปากพูดขึ้นมา
“เราก็เป็นสินค้าเหมือนกันแหละค่ะ สำหรับนักแสดงแล้ว การกำหนดค่าตัวของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องคุยกับบริษัทสังกัดอะไรทำนองนี้”
ด้วยคำแนะนำนั้น หลังจากบอกให้เขาโชว์ฝีมือในการถ่ายทำแล้ว ฮงฮเยยอนก็เดินจากไป พอเห็นเธอเดินจากไปแล้ว คังวูจินก็พึมพำกับตัวเอง
‘งั้นคุณก็ช่วยบอกวิธีคิดค่าตัวของตัวเองมาด้วยสิครับ’
ผู้กำกับชินดงชุนนั่งอยู่หน้าจอภาพ เขาได้เรียกคังวูจินทันที
"คุณคังวูจิน! เตรียมตัวพร้อมนะครับ!!”
คังวูจินเดินไปทางประตูวิลล่า พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาซ้อมบทสั้น ๆ กับผู้กำกับชินดงชุนผู้กำลังถือบทแล้ว เมื่อเสร็จสิ้น ผู้กำกับชินดงชุนก็กลับไปที่หน้าจอภาพอีกครั้ง ข้างหลังเขา ฮงฮเยยอนโน้มตัวลง ทำให้ผมที่ยาวสลวยของเธอยุ่งเหยิงไปหมด
“ผู้กำกับ ฉันขอดูจอภาพกับคุณได้ไหมคะ?”
"ฮ่าฮ่า! แน่นอนสิครับ ทำไมต้องถามด้วยล่ะ? คุณอยากนั่งตรงนี้ไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ ขอแค่ยืนดูก็พอ”
ขณะที่เธอพูดจบ นักแสดงคนอื่น ๆ ก็เริ่มรวมตัวกันโดยรอบเพื่อมารอชม ในตอนนี้เอง คังวูจินสวมสูทสีดำเรียบร้อย ยืนรอเข้าฉาก มีการตั้งกล้องสองตัวในสนามหญ้าของวิลล่าแล้ว
“…”
คังวูจินยืนอยู่ในที่ของเขา มองไปที่วิลล่าอย่างเงียบ ๆ ก่อนถ่ายทำเขาต้องดึง 'คิมรยูจิน' ตัวเอกของ ‘สำนักงานนักสืบ’ ออกมาก่อน เขาต้องมีสมาธิมากกว่าตอนที่อ่านบท ต้องทำให้ตัวตนของตัวเอกออกมาให้ได้มากถึงที่สุด
คราวนี้ เขาต้องขยับร่างกายในฐานะคิมรยูจิน
คังวูจินพยายามซ่อนเสียงหัวใจที่เต้นแรง และมุ่งสู่การกลายเป็นตัวละครคิมรยูจิน เขาดึงเอาประสาทสัมผัสทั้งหมดที่ได้รับและรู้สึกมาจากการอ่านบทให้มันซึมผ่านไปทั่วร่างกาย ในไม่ช้า โลกของคิมรยูจินก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าคังวูจินราวกับพาโนรามา
ชีวิต อารมณ์ ความคิด ประสาทสัมผัสทั้งห้า ความรู้ ฯลฯ ของคิมริวจิน จนในชั่วพริบตา คังวูจินก็กลายเป็นคิมรยูจิน
ทันใดนั้นเอง
'ไม่นานนัก ความเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์ของคังวูจินหายไปแล้ว ดวงตาของเขามีประกายสดใสเหมือนกับที่เขาเคยเห็นมันมาก่อน วิธีการสวมบทบาทตัวละครออกมาของเขานั้นช่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ'
ผู้กำกับชินดงชุน ผู้กำลังเฝ้ามองใบหน้าของคังวูจินบนจอภาพก็ตะโกนเสียงดัง
“พร้อม-แอคชั่น!”
นั่นคือสัญญาณบอกให้คิมรยูจิได้โผล่ขึ้นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง คิมรยูจินก้าวเท้าไปข้างหนึ่ง ภาพที่ได้เห็นการเคลื่อนย้ายศพโดยภรรยาของลูกค้าและชายแปลกหน้า ความหวาดกลัวที่เลือนรางยังคงติดตามอยู่ในทุกฝีเก้าของคิมรยูจิน
ก้าวหนึ่ง สองก้าว
คิมรยูจินมองไปที่วิลล่าและก้าวที่สาม เสียงแห้งกรอบดังขึ้นมาจากพื้นหญ้า
-แคร๊ก
ด้วยความตึงเครียดหรือเพราะอะไรไม่ทราบได้ เสียงหญ้าจึงเหมือนราวกับเสียงกรีดร้อง ในไม่ช้า ก้าวที่สี่คิมรยูจิน เพียงแค่ก้าวเท้าออกไป เขาก็สะดุดและล้มลงอย่างแรงบนทุ่งหญ้าหนาทึบ โชคดีที่เขาทรงตัวได้ทัน แต่เข่าข้างหนึ่งงอลง เขาจึงได้แต่ครางออกมาเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวด
"อึก"
ทุกอย่างดูสดใสและเป็นธรรมชาติ เหมือนน้ำกำลังไหลผ่าน มันเป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงตัวละครของคิมรยูจิน ผู้กำกับชินดงชุนที่เฝ้าดูทั้งหมดนี้บนจอภาพก็เต็มไปด้วยความชื่นชม พึมพำอยู่เงียบ ๆ
“เนียนตามาก! เขาวางแผนท่าทางละเอียดขนาดนี้เลยเหรอ? ชวนให้นึกถึงตัวละครคิมรยูจินจริง ๆ เลย”
ฮงฮเยยอนที่ได้ยินดังนั้นก็มองผ่านจอภาพไปที่คิมรยูจินที่ล้มลง เธอหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง
‘เพราะว่าคิมรยูจินมีนิสัยค่อนข้างสะเพร่านิดหน่อยตามบท...แต่เพราะการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ เพียงอย่างเดียว มันก็ทำให้ตัวตนของคิมรยูจินชัดเจนขึ้นหลายเท่าเลย’
ด้านหลังของเธอ นักแสดงคนอื่น ๆ ก็พากันกระซิบกระซาบ
“แค่เห็นศพในเรื่องก็มีปฏิกิริยาแบบนั้นออกมาแล้ว เหมือนกำลังดึงดูดให้เราเข้าสู่โลกของคิมรยูจินได้เลยเนอะ เห็นบุคลิกของตัวละครอย่างชัดเลยว่าไหม?”
"ถูกต้อง เขาแสดงได้ดีมาก ราวกับตัวละครมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ ด้วย”
ฮงฮเยยอนได้ยินเสียงกระซิบเช่นนั้น เธอเผลอกัดริมฝีปากด้วยเหตุผลบางอย่าง
‘ทั้งความใส่ใจใส่รายละเอียดในการใส่ท่าทางเพื่อเพิ่มเสริมมิติของตัวละคร แถมยังมีไหวพริบที่คิดท่าทางการแสดงแบบนั้นออกมาได้อีก คังวูจิน คุณขี้โกงเกินไปหน่อยไหม? ถ้าการแสดงคุณมันขนาดนี้ พลาดสักหน่อยบ้างไม่ได้เหรอ?’
ผู้กำกับชินดงชุนกำลังยิ้มออกมาด้วยความชื่นชม เขาเอาหน้าเข้าใกล้จอภาพขึ้นไปอีก
“ต้องใช้คัตนี้เท่านั้นแหละ มันวิเศษเกินกว่าจะทิ้งไปได้แล้ว”
ทุกคนต่างหลงใหลไปกับคิมรยูจินที่แสดงได้อย่างสดใส ราวกับตัวละครได้มามีชีวิต ในช่วงเวลานี้เอง คิมรยูจินหรือเปล่า? ไม่สิ น่าจะเป็นคังวูจินมากกว่าที่ค่อย ๆ ลุกขึ้น ยืนนิ่งเฉย พร้อมรำพึงกับตัวเอง
‘ตายแล้ว น่าอายชะมัด’
เพราะมันไม่ใช่การแสดงสักนิดเดียว เขาเผลอล้มลงไปจริง ๆ ต่างหาก