ตอนที่ 165 มาเที่ยวเล่นที่บ้าน
“ฮ่าฮ่า โอเค โอเค”
“ครั้งหน้าเมื่อมีเวลา เราจะไปเที่ยวที่บ้านคุณ”
เซี่ย เฉิงตง พอได้ยิน ซูเหวิน พูดแบบนี้ ก็ตอบตกลงด้วยรอยยิ้มทันที ในใจของเขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง
ท้ายที่สุดแล้ว ฝีมือการทำอาหารของ ซูเหวิน เขาเองอยากที่จะลองชิมมันอีกครั้ง
และโดยไม่รู้ตัว เขาถือ ซูเหวิน เป็นเหมือนลูกชายของตัวเองแล้ว ไยต้องเกรงใจอีก
“พี่เขย ที่คุณเพิ่งบอก.. เราไปด้วยได้เหรอ?”
“ใช่ใช่ จริงหรือเปล่า?”
เซี่ย เคอหมิง ที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง และเซี่ย ชิวเยี่ยน ทั้งสองพี่น้อง พอได้ยิน ซูเหวิน พูดแบบนี้ ดวงตาก็พลันสว่างขึ้นทันที
บ้านพี่เขยในอนาคตนะ และพวกเขาก็ยังไม่เคยไปแม้แต่ครั้งเดียวจึงพากันอยากไปดู
แต่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมคิดถึงอาหารที่ ซูเหวิน ทํามากกว่า นั่นเรียกได้ว่า อร่อยเกินบรรยาย~ เลยล่ะ
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”
ซูเหวิน ยิ้ม และกล่าวตามความจริง
พ่อ และแม่ของ ซูเหวิน เมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ก็พยักหน้า และเห็นด้วยกับเขามาก
ระหว่างพูดคุยก็ได้ผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง
ทุกคนได้กินดื่มอย่างเต็มที่แล้ว พลางพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวเซี่ยมาเป็นเวลานาน
พอถึงเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ
ซูเหวิน จึงลุกขึ้นทักทาย เซี่ย เฉิงตง และคนอื่นๆ และเตรียมที่จะพาพ่อแม่ของเขาจากไป
แม้ว่าทุกคนในครอบครัวเซี่ยจะพยายามรั้งพวกเขาไว้ให้รออยู่ทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่ ซู กว่างเซิง และอู๋เจวียน ก็ปฏิเสธ
ในมุมมองของพ่อแม่ของ ซูเหวิน พวกเขามาเป็นแขกที่บ้านตระกูลเซี่ย ..เป็นครั้งแรก ต้องรู้จักกาลเทศะ และไม่ควรรบกวนคนอื่นมากจนเกินไป
วันหนึ่งวันใดในอนาคต ลูกชายของพวกเขากับ เสี่ยวเหยา ได้แต่งงานกัน เมื่อนั้นทุกคนจะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ในเวลานั้นครอบครัวของพวกเขาจะอยู่ทานข้าวเพิ่มอีกสักสองสามมื้อที่บ้านตระกูลเซี่ย หรือพักค้างคืน พวกเขาย่อมไม่ขัดข้อง
เมื่อทาง เซี่ย เฉิงตง และคนอื่นๆ เห็นพ่อแม่ของ ซูเหวิน ยืนยันที่จะจากไป พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ยังไงเราทุกคนอยู่ในเมืองม่อ ดังนั้นเราสามารถเจอกันได้ทุกเมื่อ
ทันทีหลังจากนั้น ครอบครัวเซี่ย ก็มาส่ง ซูเหวิน และคนอื่นๆ ออกไปนอกลานบ้านอย่างกระตือรือร้น
“เสี่ยวเหยา ทำไมเราไม่มาเที่ยวเล่นที่บ้านของเราล่ะ?”
“คุณยังไม่เคยไปที่บ้านของเราเลย”
ก่อนจะจากไป จู่ๆ แม่ของ ซูเหวิน ก็มองไปที่ เซี่ย ซินเหยา พลางพูดด้วยรอยยิ้ม
เธอเองชอบเด็กคนนี้มาก
มันไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะสวย หรืองดงามเพียงใด แต่เธอยังมีบุคลิกที่ดีอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นเธอไม่มีท่าทีเหมือนคุณหนูจากตระกูลที่ร่ำรวยเลยแม้แต่น้อย
“อืม ที่แม่ผมบอกไม่เลวเลยจริงๆ คุณอยากไปเที่ยวบ้านผมไหม ผมจะทําอาหารอร่อยๆ ให้คุณทานตอนเย็น ถ้าคุณอยากกลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาส่งคุณกลับก็ได้”
ซูเหวิน พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของแม่มาก พร้อมกับกล่าวเชิญชวนเธอ
“ไปเที่ยวที่บ้าน.. โอเคคะ!”
พอได้ยินแม่ของ ซูเหวิน และซูเหวิน เชิญเธอให้ไปเป็นแขก เซี่ย ซินเหยา ก็ตกตะลึงก่อนในตอนแรก และจากนั้นเธอก็ดูมีสีหน้าประหลาด และเอ่ยรับปากไปโดยไม่ต้องคิด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซูเหวิน มาเที่ยวที่บ้านของเธอบ่อยแล้ว ส่วนเธอเองไม่เคยไปที่บ้านของ ซูเหวิน เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งนี้แน่นอน เธออยากไปดู…
ที่สำคัญกว่านั้น อาหารที่ ซูเหวิน ทำนั้นยังอร่อยมาก และเธอดูเหมือนจะตั้งตารอคอยแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงเธอเลย แม้แต่ เซี่ย เค่อหมิง และเซี่ย ชิวเยี่ยน พอได้ยินว่า ซูเหวิน จะทําอาหารด้วยตัวเองในตอนเย็น ต่างก็รู้สึกอิจฉาแทบตาย
ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นลูกพี่ลูกน้องไปเยี่ยมบ้านตระกูลซู พวกเขาเองรู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่งั้นพวกเขาคงเอ่ยปากขอไปที่นั่นด้วยแล้ว
“ฮ่าฮ่า เอาล่ะ งั้นให้ เสี่ยวเหยา ไปอยู่กับพวกคุณเถอะ!”
“ไปบ้านคนอื่นต้องสุภาพหน่อยล่ะ รู้หรือไม่?”
ในเวลานี้ พ่อแม่ของ เซี่ย ซินเหยา ก็พูดแล้ว
ลูกสาวพวกเขาไปเที่ยวเล่นที่บ้านของ เสี่ยวเหวิน พวกเขาย่อมไม่มีอะไรต้องกังวล
สวี่หยุน ยังจงใจลูบผมยาวที่นุ่มสลวยของลูกสาว พลางกล่าวกําชับเธอประโยคหนึ่ง โดยกลัวว่าลูกสาวจะสร้างความประทับใจที่ไม่ดีให้กับผู้อื่น
“หนูรู้แล้วค่ะ.. คุณแม่”
เซี่ย ซินเหยา เม้มปาก เอาจริงๆ เธอรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย
อีกอย่างเธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?
ให้ตายสิ.. คุณแม่ที่รักค่ะ ทำไมถึงชอบปฏิบัติกับหนูเหมือนเด็กเสมอเลย
ฮึ่ย! (′-﹏-`;)
หลังจากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันอีกสองสามคํา
ซูเหวิน ก็พาพ่อแม่ และเสี่ยวเหยา ออกจากบ้านตระกูลเซี่ย
สิบกว่านาทีต่อมา
พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่ อ่าว ไห่หยุน
และไม่นานหลังจากที่ ซูเหวิน เพิ่งพาพ่อแม่ และเซี่ย ซินเหยา กลับมาถึงบ้าน โทรศัพท์มือถือของ ซูเหวิน ก็ดังขึ้น
พอเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา และรับสาย จึงพบว่าสายนี้นั้นโทรมาจากร้านขายหนังสือ ‘จือหย่าหยวน’
ซูเหวิน ก็เพิ่งจําได้ว่า ครั้งที่แล้วที่เขาได้ไปเข้าร่วมงานปาร์ตี้ตามคำเชิญของ คุณชายเหอ เขาได้รางวัลมาเป็นร้านหนังสือแห่งหนึ่ง แต่จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้ไปรับเลย!
พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์พอดี สามารถไปรับช่วงต่อร้านหนังสือได้
ดังนั้น ซูเหวิน จึงนัดแนะกับเจ้าของร้านหนังสือว่าจะเข้าไปเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะวางสายไป
เพียงแต่พอเขาเพิ่งวางสายไปก็มีอีกสายหนึ่งโทรเข้ามาอีก
คราวนี้เป็นสายโทรมาจาก รองประธานหยาง จาก Worster Group
ซูเหวิน ไม่คิดอะไรมาก กดรับสายทันที
“ว่ายังไง?”
ซูเหวิน ขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าวถาม
“ประธานซู ไม่ทราบว่าคุณรู้จักกับ ประธานจาง จาง จ้งหาน จาก อวิ๋นตง กรุ๊ป รึเปล่าครับ?”
“เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทของพวกเขาเกิดวิกฤต ห่วงโซ่เงินทุนขาด วันนี้พวกเขามาที่บริษัทของเรา เพื่อต้องการดึงดูดการลงทุน”
“เดิมทีเขายังอยากเลี้ยงข้าวคุณอยู่สักมื้อ แต่คุณไม่อยู่ ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ อยากลองมาดูก่อนไหมครับ?”
เมื่อเห็นว่าเชื่อมต่อสายแล้ว รองประธานหยาง ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็พูดขึ้นทันที
“อวิ๋นตง กรุ๊ป?”
พอได้ยิน ซูเหวิน จำต้องตกตะลึง เพราะเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทนี้ เขาจึงถามอย่างสงสัยทันทีว่า : “อีกฝ่ายต้องการเงินทุนจำนวนมากไหม?”
ท้ายที่สุดแล้วหากเงินทุนไม่มาก เขาคิดว่า รองประธานหยาง คงไม่จำเป็นต้องโทรมาหาเขา
“ก็เยอะครับ น่าจะเกิน 6 พันล้าน”
“บริษัทนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่เดิมเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดหลายหมื่นล้าน”
รองประธานหยาง ตอบตามความจริง
“โอเค งั้นพรุ่งนี้ผมจะเข้าไป”
ซูเหวิน เข้าใจแล้ว จึงตอบกลับไปหนึ่งประโยค
จากนั้นเขาก็วางสาย
ในความจริง หากพูดตามตรงแล้ว ไม่ว่าจะสําหรับ ซูเหวิน หรือ Worster Group เงินทุน 6 พันล้านนั้น ..มันยังไม่ถือว่าน่ากลัวเกินไป
แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เงินจํานวนน้อยๆ ควรจะคิดอย่างระมัดระวัง และรอบคอบไว้จะดีกว่า
แม้ว่า ซูเหวิน จะมีบริษัทมากมาย กล่าวได้ว่ามูลค่าส่วนบุคคลของเขาสูงมาก แต่แล้วเขาก็ไม่ใช่คนโง่
คุณสามารถใช้จ่ายเงินได้ตามใจชอบ ใช้อย่างฟุ่มเฟือยเลยก็ยังได้ ต่อให้เงินหมดก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ คุณก็ได้สนุกเพลิดเพลินไปกับมัน
แต่การลงทุนในบริษัทนั้นแตกต่างออกไป ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับอนาคตของบริษัทอีกฝ่าย
เมื่อเดินพันไม่ถูกก็เท่ากับเอาเงินเป็นกองๆ พอๆ กับหินก้อนใหญ่ โยนลงทะเลไป แม้แต่ ‘ตด’ ยังไม่ดังด้วยซ้ำ เป็นแบบนี้ก็ใช่ว่าน่าสนใจ
หลังจากวางสายไปแล้ว ซูเหวิน ก็กลับไปที่ห้องโถง
เมื่อเห็น เซี่ย ซินเหยา ยังคงนั่งคุยอยู่กับพ่อแม่ของเขา เขาจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “พ่อกับแม่ครับ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ เพราะผมจะขอพา เสี่ยวเหยา เดินเที่ยวชมบ้านของเราก่อน”
ครั้งแรกที่เขาได้ไปเที่ยวบ้านตระกูลเซี่ย เธอได้พาเขาเดินเที่ยวเล่นมาไม่น้อย
การที่เธอมาครั้งนี้ แน่นอนว่าเขาอยากจะพาอีกฝ่ายเดินดูเช่นกัน
และในอนาคตถ้าพวกเขาแต่งงานกันแล้ว งั้นที่นี่ก็จะกลายเป็นบ้านของเธอต่อจากนี้
มันจะดีกว่าไหมถ้าจะให้อีกฝ่ายตรวจดูบ้านของตัวเองก่อนล่วงหน้า?
“โอเค ได้สิงั้นไปดูบ้านกัน!”
พอ เซี่ย ซินเหยา ได้ยิน ซูเหวิน พูดแบบนี้ เธอก็เริ่มสนใจทันที
จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมกับ ซูเหวิน แน่นอนว่าเธอพร้อมแล้วที่จะดูว่าบ้านของ ซูเหวิน เป็นอย่างไร
พ่อแม่ของ ซูเหวิน ยกยิ้มขึ้นมา และย่อมไม่มีความคิดเห็นใดๆ
เมื่อพวกเขาเห็นลูกชายพา เสี่ยวเหยา ออกจากห้องโถงไป พวกเขาก็หันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มทันทีก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องครัว เตรียมวัตถุดิบต่างๆ สำหรับทำอาหารในตอนเย็น
เมื่ออาหารพร้อมแล้ว คาดว่าน่าจะประมาณสี่ หรือห้าโมงเย็น ลูกชายพวกเขาคงจะเริ่มทำอาหาร เตรียมอาหารมื้อเย็นได้โดยตรง...
เวลาก็ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากการมาถึงของ เซี่ย ซินเหยา ตอนเย็น ซูเหวิน จึงทำอาหารมื้อใหญ่ให้กับเธอด้วยตัวเอง ..อาหารที่เธอกินแล้วมีความสุข
หลังจากผ่านค่ำคืนที่รื่นเริงไป วันเวลาก็มาถึงวันรุ่งขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเหวิน ที่เห็นว่า เซี่ย ซินเหยา ยังอยากอยู่กับเขา และไม่อยากกลับ เขาจึงอดใจไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดอย่างอ่อนโยนไปว่า : “ผมจะไปรับช่วงต่อร้านแห่งหนึ่ง แล้วไปที่สํานักงานใหญ่ของ Worster คุณสนใจจะไปกับผมด้วยไหม?”
#แจ้งครับ ผมติดธุระที่ ตจว. ครับ หากกลับดึกจนเกินไปผมจะยกมาลงให้วันพรุ่งนี้ ขอโทษด้วยครับ