บทที่ 81 : อ๋องดาบไร้เทียมทาน
บทที่ 81 : อ๋องดาบไร้เทียมทาน
เมื่อได้ยินคําพูดของอีกฝ่ายเย่หวู่ชาง ก็ครุ่นคิดและไตร่ตรอง
ในความคิดของเขา…..ลําดับของวงศ์ตระกูลเริ่มถูกสมองของเขาสํารวจอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าชื่อของเย่เจ้นก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
เย่เจิ้น, ผู้นำรุ่นที่สองของตระกูลเย่ในตอนนั้น
เดิมทีตระกูลเย่ไม่ได้เป็นตระกูลในเมืองเล็กๆของมณฑลห่างไกลเเห่งนี้….เเต่เป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์การพัฒนามาหลายพันปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อพันปีที่แล้วจู่ๆตระกูลเย่ก็เหี่ยวเฉาเนื่องจากภัยพิบัติ และทรัพยากรจํานวนมากถูกศัตรูคู่อาฆาตยึดไป
เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมของการสูญพันธุ์ของตระกูล….พวกเขาจึงเริ่มแยกทางกัน
พ่อของเย่เจิ้นเป็นหนึ่งในสายเลือดหลักที่แยกตัวออกมาในตอนนั้น
เขานําตระกูลเย่เดินทางมาที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยและเริ่มต้นชีวิตใหม่….ในขณะที่ตระกูลเย่ดั้งเดิมไม่สามารถยึดมั่นได้จึงเสื่อมโทรมและเสียชีวิตในที่สุด
เเละนั่นเป็นผลให้สาขาและตระกูลหลักขาดการติดต่อ…..ดังนั้น, สาขานี้ในราชวงศ์ต้าเซี่ยจึงกลายเป็นตระกูลหลักใหม่
หลังจากนั้น, ตระกูลเย่ยังพัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษในต้าเซี่ยและเกือบจะกลายเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอํานาจมากที่สุดในราชวงศ์ต้าเซี่ยรองจากราชวงศ์เท่านั้น
ในหมู่ผู้คนของตระกูลเย่ในเวลานั้น….เย่เจิ้นโดดเด่นที่สุด
เป็นเพราะเขา…ตระกูลเย่จึงสามารถพัฒนาได้ในเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดีๆก็อยู่ได้ไม่นาน
หลังจากที่เย่เจิ้นออกไปฝึกตนในวันหนึ่ง….จากนั้นเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย
เเละการหายตัวไปของเย่เจิ้น, ทําให้ตระกูลเย่เริ่มเสื่อมถอยและไม่สามารถฟื้นคืนได้
เเละด้วยการหดตัวของอิทธิพล….ทรัพยากรก็ลดลงเช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไป,พ่อแม่และพี่ชายของเย่เจิ้นต่างก็เสียชีวิตด้วยเหตุผลหลายประการ
ตลอดหลายชั่วอายุคน ตระกูลเย่ต้องผ่านความปั่นป่วนมากมาย
"ท่านเป็นลูกชายของผู้นำตระกูลคนแรกงั้นหรือ?" เย่หวู่ชางมองไปที่เขาและถาม
เย่เจิ้นลูบเคราของเขาและพยักหน้า
"มันดูไม่เหมือนเหรอ?"
"ไม่หรอก, ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้….ท่านหายไปเกือบพันปีท่านรู้ตัวไหม!"
เย่หวู่ชางอธิบายและดูเหมือนว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นอัจฉริยะรุ่นโบราณอย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้, เย่เจิ้นเป็นอัจฉริยะขั้นแนวหน้าอย่างแน่นอน….อาจกล่าวได้ว่าพรสวรรค์ของเขาเทียบเท่ากับเย่ว์รู่ชวงและเซี่ยจือซวน
ในตอนนั้นชื่อเสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งอาณาจักรชางหลาน, เมื่อใดก็ตามที่เอ่ยชื่อของเขา….มันก็จะสั่นคลอนหัวใจของผู้คนทั้งหมด
เเละเมื่อได้ยินคําถามของเย่หวู่ชาง, เย่เจิ้นก็ยกยิ้มจางๆ
"ในตอนนั้น ข้าบังเอิญเข้าไปในอาณาจักรลับที่ยิ่งใหญ่และได้รับโอกาสที่ดี….เเต่สิ่งนี้ทําให้ข้าพลาดช่วงเวลาที่จะออกมาได้”
“ข้าอยู่ในอาณาจักรลับนั้นมานานกว่าสี่ร้อยปี…..จนกระทั่งประตูอาณาจักรลับเปิดขึ้นอีกครั้ง, ข้าถึงสามารถกลับมาได้!”
"เเต่หลังจากออกมาข้างนอก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป….ใบหน้าของคนในตระกูลเย่เริ่มไม่คุ้นเคย พ่อ พี่ชาย และแม้แต่หลานชายของข้าต่างก็เหี่ยวเฉาเพราะขาดทรัพยากรในการฝึกตน"
"ส่วนคนในตระกูลเย่ใหม่ ข้าก็ไม่คุ้นเคยกับพวกเขาเช่นกัน….หลังจากสังเกตเป็นเวลานานและยืนยันว่าตระกูลเย่ปลอดภัยเเล้ว, ข้าก็ไม่ได้ปรากฏตัวและจากไปโดยตรง"
"อย่างไรก็ตาม, ข้าเคยปรากฏตัวมาก่อนนะ….เมื่อสองร้อยปีที่แล้วระหว่างการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ต้าเซี่ยตระกูลเย่ของเรายืนอยู่ผิดด้าน, หลังจากที่กษัตริย์องค์ก่อนขึ้นครองบัลลังก์เขาควรจะจัดการกับตระกูลเย่ของเรา”
“ข้าจึงต้องปรากฏตัวในเวลานั้นเพื่อเตือนพวกเขาเล็กน้อย….และนั่นคือวิธีที่ตระกูลเย่สามารถอยู่รอดมาได้!”
เย่หวู่ชางตกตะลึงเล็กน้อย, เพราะเขาไม่รู้ความลับข้อนี้
เเละนี่ก็เป็นสาเหตุของความสับสนในอดีตของเขาเช่นกัน
เนื่องจากกษัตริย์องค์ก่อนของต้าเซี่ยมีจิตใจที่คับแคบและพยายามแก้แค้นหลังจากขึ้นครองบัลลังก์….เขาได้กวาดล้างผู้ที่ไม่ได้สนับสนุนเขาหรือสนับสนุนคู่ต่อสู้ของเขา จนมันทำให้ตระกูลและนิกายทั้งหมดที่ตกอยู่ในหมวดหมู่เหล่านี้ถูกกําจัด
บางคนถูกทําลายล้างโดยตรง, บางคนต้องสละทรัพยากรตระกูลส่วนใหญ่เพื่อแลกกับพื้นที่เอาชีวิตรอดและบางคนต้องออกจากต้าเซี่ยไปเริ่มต้นใหม่
เเต่ตระกูลเย่, กลับเป็นตระกูลเดียวที่รอดชีวิตจากการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์โดยไม่คาดคิดและไม่ถูกกวาดล้างในต้าเซี่ย
สิ่งนี้ยังทําให้หลายตระกูลตกตะลึงและทําให้พวกเขารู้สึกว่าตระกูลเย่แข็งแกร่งและน่ากลัวมาก….ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้ายั่วยุตระกูลเย่ไปช่วงหนึ่ง
ในที่สุด, เย่หวู่ชางก็ตระหนักว่าทำไมตระกูลเย่ถึงรอดชีวิตมาได้….ปรากฎว่ามีบรรพบุรุษที่น่าเกรงขามนี้คอยขัดขวางการรุกรานจากผู้อื่น
เมื่อเห็นการตระหนักรู้ของเย่หวู่ชาง…..เย่เจิ้นก็ยกยิ้มจางๆ
"ในช่วงหลายร้อยปีต่อมาข้าได้ทํางานอย่างหนักเพื่อฝึกฝนและค้นหาความก้าวหน้า….แต่น่าเสียดายที่เส้นทางข้างหน้าเริ่มไม่แน่นอน!"
"เมื่อร้อยปีที่แล้ว, การฝึกตนของข้าได้ไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า….แต่น่าเสียดายที่ระหว่างการต่อสู้เพื่อสมบัติล้ำค่า, ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส"
"แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะหายดีในเวลาต่อมา, แต่ข้าก็สูญเสียรากฐานไปส่วนหนึ่งและไม่สามารถเติมเต็มได้”
“หลังจากไปถึงจุดสูงสุดของ อาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า….ข้าก็ออกจากอาณาจักรชางหลานและแม้แต่ทวีปเทียนหลัวเพื่อค้นหาวิธีฟื้นฟูรากฐานของข้าเพื่อฝ่าฟันอาณาจักรเชื่อมโยงเเละไปยังจุดที่สูงกว่า”
"เเต่น่าเสียดายที่แม้จะใช้ความพยายามและเวลาเป็นร้อยปี ข้าก็ไม่สามารถหาทางออกได้”
“แพทย์ที่มีชื่อเสียงและปรมาจารย์การเล่นแร่แปรธาตุเหล่านั้นหลังจากเห็นสถานการณ์ของข้าเเล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้….และแนะนําให้ข้ายอมแพ้!”
"ในที่สุดข้าก็เลือกที่จะยอมแพ้, และเมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิตของข้า….ข้าก็ตระหนักว่าข้าไม่สามารถหาที่ลงหลักปักฐานได้, ดังนั้นข้าจึงกลับมาที่ต้าเซี่ย "
"เด็กน้อย….ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเต็มใจจะให้ที่พักแก่ข้าหรือเปล่า เพื่อที่ข้าจะได้สนุกกับปีต่อๆไปที่นี่…..และมีส่วนร่วมในการพัฒนาตระกูลเย่ของเรา?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ใบหน้าของเย่หวู่ชาง ก็สว่างขึ้นด้วยความปิติยินดี
เขาย่อมเต็มใจอย่างแน่นอน….มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธการเข้าร่วมของผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า
นอกจากนี้, ผู้ฝึกตนคนนี้ยังมาจากสายตรงของตระกูลเย่….เขาจึงเป็นบุคคลที่น่านับถือของตระกูลเย่โดยธรรมชาติ
หากเป็นคนอื่น, เขาอาจจะทรยศต่อตระกูลเย่….แต่เย่เจิ้นจะไม่มีวันทรยศพวกเขาอย่างเเน่นอน
หลังจากนั้น,เย่หวู่ชางก็รีบรวบรวมผู้อาวุโสทั้งห้าคนอย่างรวดเร็ว
เเละเมื่อพวกเขารู้ว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นลูกชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้นําตระกูลคนแรกและยังเป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า…..พวกเขาทั้งห้าคนต่างก็ตกตะลึงเเละตามมาด้วยความตื่นเต้นยินดีทันที
เเถมเมื่อพวกเขารู้ว่าเย่เจิ้นกําลังจะลงหลักปักฐานในตระกูลเย่นี้….พวกเขาก็ตื่นเต้นและรีบคุกเข่าทำความเคารพ
ณ ขณะนี้….ตระกูลเย่ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด พวกเขาจึงกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของบุคคลที่มีอํานาจในสักวันหนึ่ง
เเต่ตอนนี้, ด้วยพลังของผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าขั้นสูงสุด….พวกเขายังต้องกังวลอะไรอีก?
ดังนั้น, พวกเขาจึงรีบรับผิดชอบและสร้างที่อยู่อาศัยให้กับเย่เจิ้นบนภูเขาสูงอันสวยงาม
………
"หวู่ชาง, พรสวรรค์ของเจ้าทําให้ข้าประหลาดใจจริงๆ”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงแค่ไหนในอาณาจักรชางหลานและแม้แต่ทวีปเทียนหลัวทั้งหมด?”
“แม้แต่บรรพบุรุษเก่าแก่อย่างข้ายังเคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้า”
"ตอนนี้เจ้าได้รับการยอมรับว่าเป็นรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในทวีปเทียนหลัว, เป็นบุคคลที่ไม่มีใครเทียบได้และไม่มีใครตั้งคําถามถึงพลังของเจ้า!"
"นอกจากนี้, หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดว่าเจ้าได้ฆ่าผู้ฝึกตตอาณาจักรถ้ำสวรรค์ด้วยใั้นที่แปดของอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์…..ทวีปเทียนหลัว ทั้งหมดก็สั่นคลอนอย่างมาก"
"สํานักงานใหญ่ของศาลากลไกสวรรค์ในทวีปเทียนหลัวยังบันทึกชื่อของเจ้าไว้ในรายชื่อตำนาน, โดยเรียกเจ้าว่าอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้คนแรกที่สังหารอาณาจักรถ้ำสวรรค์ได้ในอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์”
“นอกจากนี้, ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนได้มอบตําแหน่งอ๋องดาบไร้เทียมทาน ให้กับเจ้า….เเละในขณะเดียวกัน เจ้าก็เป็นบุคคลแรกที่ได้รับตําแหน่งอ๋อง ในขณะที่อยู่อาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์!”
"เเละจําไว้ด้วยว่า…ใครก็ตามที่ถูกบันทึกไว้ในรายชื่อตํานานของศาลากลไกสวรรค์ ตราบใดที่พวกเขาไม่ตาย ความสําเร็จในอนาคตของพวกเขาไม่อาจจินตนาการได้!"
รายชื่อตำนานของศาลากลไกสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถอยู่ได้
แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าก็อาจไม่มีโอกาสมีชื่อขึ้นไปบนนั้น
รายชื่อนี้จะบันทึกการกระทําของบุคคลในทวีปหนึ่ง….ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตํานาน
เฉพาะสํานักงานใหญ่ของทวีปนี้เท่านั้นที่สามารถเผยแพร่รายชื่อนี้ได้ ….สาขาในภูมิภาคต่างๆไม่มีคุณสมบัติในการเผยแพร่
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่หวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
"มันเป็นแค่ชื่อเสียงครับ, มีเพียงความเเข็งเเกร่งเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์"
"ไม่หยิ่ง ไม่ใจร้อน ไม่ถ่อมตัว…..ด้วยความคิดเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าจะมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้”
“ถ้าข้ามีความคิดแบบนี้ในตอนนั้น พ่อ พี่ชาย และหลานชายของข้าคงจะไม่ต้องตาย!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้, เขาก็แสดงความเสียใจออกมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นสิ่งนี้เย่หวู่ชางก็ไม่ได้ปลอบใจเขา….เเค่เดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ
เขารู้ว่าเย่เจิ้นมีประสบการณ์หลายอย่างในช่วงพันปีที่ผ่านมาและคนเเบบเขาไม่ต้องการคําพูดปลอบโยน
แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นานเย่เจิ้นก็สามารถฟื้นสภาพจิตใจได้
เขามองไปที่เย่หวู่ชาง และยิ่งชอบรุ่นเยาว์คนนี้มากขึ้น
ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลเย่สามารถผงาดขึ้นได้ในเวลาเพียงทศวรรษกว่าๆภายใต้การนําของเย่หวู่ชาง
"ตอนนี้…. เจ้ายังมีปัญหาบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข”
“อย่างไรก็ตาม, ข้าอยู่ที่นี่เเล้ว….เเละข้าจะช่วยเจ้าแก้ไขปัญหานี้ให้เอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวใจของเย่หวู่ชางก็เคลื่อนไหวทันที
"ท่านกําลังพูดถึงเรื่องของตระกูลตงฟางหรือไม่"
เย่เจิ้นพยักหน้ารับโดยตรง
"ตระกูลตงฟางนั้นตั้งตระหง่านอยู่ในมณฑลหยุนไห่”
“เเละทวีปเทียนหลัวทั้งหมด….พลังของพวกเขาแข็งแกร่งจนยากที่จะสั่นคลอน!”
“ในมณฑลหยุนไห่ทั้งหมด ตระกูลตงฟางเป็นกองกําลังที่โดดเด่นอย่างแท้จริง, นอกจากนี้ ราชวงศ์และนิกายที่เป็นพันธมิตรกับพวกเขาก็มีมากมายจนเกินกว่าที่จะนับได้”
“ภายใต้ตระกูลของพวกเขามีผู้ฝึกตนอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้ามากกว่าสิบคนและแม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขาก็เป็นผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดของอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้า….ทำให้ในทวีปเทียนหลัวทั้งหมด ไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกเขาได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ในที่สุดเย่หวู่ชางก็เข้าใจว่าตระกูลตงฟางมีพลังมากมายเพียงใด
เขายังตระหนักว่าทําไมตงฟางลู่ถึงได้หยิ่งผยองขนาดนั้น, ทั้งหมดเป็นเพราะภูมิหลังที่น่าเกรงขามของพวกเขา
ต้องรู้ก่อนว่ามณฑลหยุนไห่นั้นกว้างใหญ่กว่าอาณาจักรชางหลานด้วยซ้ำ…..ด้วยสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าความเข้มแข็งของตระกูลตงฟางนั้นน่ากลัวมากเพียงใด
"บรรพบุรุษ, ด้วยความที่ตระกูลตงฟางมีอํานาจมากขนาดนี้….มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านไปที่นั่น" เย่หวู่ชางเริ่มกังวลเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เจิ้นก็ยกยิ้มอย่างอหังการ
"หวู่ชาง มันเป็นความจริงที่เจ้าเป็นอัจฉริยะ….แต่บรรพบุรุษของเจ้าก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน”
“ตอนนี้ข้าบอกได้ว่า มีเพียงไม่กี่คนในทวีปเทียนหลัวที่สามารถปราบปรามบรรพบุรุษของตระกูลตงฟางได้…..และข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาเงยหน้าผากขึ้นเล็กน้อย….แสดงความมั่นใจและความเย่อหยิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้
ในที่สุดเย่หวู่ชาง ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
แต่เมื่อคิดต่อไป….สําหรับคนที่สามารถทะลวงไปยังอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าได้ภายในหนึ่งพันปี
พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเย่เจิ้นจะขาดสิ่งใดไปหรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น, หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับในตอนนั้น….เขาอาจจะทะลุผ่านอาณาจักรเชื่อมโยงเทพเจ้าเเละเข้าสู่ขั้นใหม่ไปแล้วก็ได้
เมื่อเห็นความตกตะลึงในดวงตาของเย่หวู่ชาง….เย่เจิ้นก็ค่อนข้างพอใจอย่างมาก
รุ่นเยาว์คนนี้ตั้งแต่เขาพบ….อีกฝ่ายมีท่าทางที่สงบอยู่เสมอราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทําให้เขาตื่นตระหนกได้
แม้เเต่ตอนพูดถึงความแข็งแกร่งของตระกูลตงฟาง….เขาก็ยังคงเฉยเมยและสงบนิ่ง
ในขณะนี้, เมื่อได้เห็นเย่หวู่ชางตกตะลึงกับความแข็งแกร่งอันทรงพลังของเขา….เย่เจิ้นก็รู้สึกพึงพอใจมากเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้, เขาไม่คิดว่าเขาจะเข้ากันได้ดีกับรุ่นเยาว์คนนี้….เเต่มันกลับดีกว่าที่คิดไว้มากๆ
อีกฝ่ายไม่ได้แสดงความเคารพมากเกินไปหรือมีการเชื่อฟังอย่างมืดบอด
เพียงเพราะความแข็งแกร่งของเขา
แต่ให้ความเคารพตามที่เขาสมควรได้รับ
ในแง่มุมนี้, ทําให้เย่เจิ้นรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษในการสนทนาของพวกเขา
"เจ้ารอที่นี่สักพัก, ภายในสามเดือน ข้าจะนำข่าวดีกลับมาอย่างแน่นอน!"
หลังจากพูดจบ เย่เจิ้นก็ไม่อ้อยอิ่งอีกต่อไป
ร่างของเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปในสวรรค์อย่างรวดเร็ว
………………………