บทที่ 25 การเปลี่ยนแปลง (2)
บทที่ 25 การเปลี่ยนแปลง (2)
. .
คังวูจินหิว เขาไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มื้อเที่ยงเมื่อวานนี้ เขาเสียดายที่พลาดงานเลี้ยงเนื้อย่างเมื่อคืนไปโดยไม่ตั้งใจ
'อุตส่าห์แสดงละครและแสร้งทำเป็นเย็นชา ทั้งหมดมันก็เพื่อหาเงินมาประทังชีวิต....แต่ว่า อา- เนื้อย่างของฉัน'
เขาจะทำอะไรได้? ความตึงเครียดได้คลายลงอย่างรวดเร็ว และเขาก็ผล็อยหลับไป สีหน้าของวูจินตอนนี้มันฉาบไปด้วยความหดหู่เล็กน้อย จนเผลอทับบนความเฉยชาที่เขาวางท่าเอาไว้ ทำให้เขาดูเย็นชามากยิ่งกว่าเดิม ซึ่งฮงแฮยอนที่ยืนอยู่ข้างคังวูจินก็รู้สึกเช่นนั้น
'จะว่าไปแล้ว เขาดูเย็นชามากกว่าปกติเลยนะ เมื่อวานนี้เขายังคงรู้สึกติดค้างอารมณ์จากรองหัวหน้าพัคอยู่หรือเปล่านะ?’
ฮงฮเยยอนผู้รวบผมยาวไว้ด้านข้าง คอยเหลือบมองอาการของวูจินเป็นระยะ ๆ ไม่นานนักเธอก็ได้ทำอะไรบางอย่าง
จากนั้นเอง...
กึก!
ฮงเฮยอนทำท่าทางเชื้อเชิญเข้าไปในประตูที่เปิดอยู่ของรถตู้
“ไปกันเลยไหม?”
ถูกเชื้อเชิญโดยฮงฮเยยอน? สุดยอด คังวูจินเก็บความรู้สึกตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ พยักหน้าเล็กน้อยตอบไป
"ครับ"
ในขณะนั้นเอง
"สวัสดีครับคุณคังวูจิน"
เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของคังวูจินขณะที่เขากำลังขึ้นรถตู้สีขาว เมื่อหันกลับไปก็เห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ฮงฮเยยอนผู้ซึ่งอยู่ในรถตู้ก็แนะนำอีกฝ่าย
"ซีอีโอสังกัดของฉันเองค่ะ"
ซีอีโอชเวซองกุนยื่นมือไปหาคังวูจิน
"คุณคังวูจิน คุณพอจะมีเวลาสักครู่ไหมครับ?"
เนื่องจากเขาเป็นซีอีโอของสังกัดของฮงฮเยยอน คังวูจินจึงมีความเกี่ยวข้องกับเขาด้วย
'ผู้ชายคนนี้เป็นนักลงทุนเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' งั้นเหรอ?'
นักลงทุนสร้างหนังสั้นเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาอยู่ในตำแหน่งที่คล้ายกับเจ้าของบ้านของคังวูจิน หากเมินเขาไปมันคงจะน่าอึดพอควร คังวูจินจึงตอบกลับเบา ๆ ขณะที่เขากำลังขึ้นรถตู้
"ว่ามาเลยครับ"
ในไม่ช้า ซีอีโอชเวซองกุนก็เข้าร่วมกับพวกเขาเช่นกัน ทั้งสามคนรวมตัวกันในรถตู้ของฮงเฮเยยอน ซีอีโอชเวซองกุนเป็นคนเริ่มการสนทนา
"คุณดูหล่อขึ้นอีกเมื่ออยู่ใกล้ ๆ ผมชื่อชเวซองกุน ซีอีโอของบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ครับ”
แค่พูดไปอย่างนั้นเอง เหมือนคำชมลอย ๆ คังวูจินเองก็แนะนำตัวเองออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"ผมชื่อคังวูจินครับ"
“ฮ่า ๆ ต้องรู้จักสิ รู้จักอยู่แล้ว นักแสดงที่ฮอตที่สุดในบทนี้จะเป็นใครได้อีกล่ะ ก็คุณคังวูจินไง คุณเล่นได้สุดยอดไปเลยนะครับ”
ตอนนี้ คังวูจินกำลังประเมินซีอีโอที่อยู่ตรงข้ามเขา ท่าทางของเขาดูแปลกเล็กน้อย จริงจังแต่ผสมกับความขี้เล่น ไม่นานนักซีอีโอชเวซองกุนก็พูดต่อ
"ที่จริงก็เป็นเรื่องบังเอิญมากเลยนะครับที่ผมมีความเกี่ยวข้องกับคุณคังวูจิน คุณรู้ไหมว่าเราลงทุนใน 'สำนักงานนักสืบ' ?"
"ครับ"
“นั่นเป็นเพราะผมได้ยินอะไรมากมายจากดาราฮงฮเยยอนของเรา ทว่าครั้งนี้ตัวละครหลักไม่ใช่ฮงฮเยยอน เพราะงั้นคุณคังวูจินช่วยดูแล 'สำนักงานนักสืบ 'ให้ดีด้วยนะครับ”
ซีอีโอชเวซองกุนที่ก้มศีรษะให้คังวูจินเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่จริงจัง
“เอาล่ะ ตัดเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ เท่าที่ผมรู้มา คุณคังวูจินยังไม่มีสังกัด ดังนั้นผมอยากให้บีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไม่สิ ผมอยากจะอยู่เคียงข้างคุณในฐานะจุดเริ่มต้นของคุณและในฐานะนักแสดงครับ”
"คุณกําลังเสนอสัญญาเหรอครับ?"
"ใช่ครับ แน่นอนว่าบริษัทของเรายังเล็กอยู่ บางคนอาจมองว่ามันเป็นบริษัทสังกัดสำหรับฮงฮเยยอนคนเดียว แต่บริษัทสตาร์ทอัพก็มีพลังของสตาร์ทอัพอยู่เหมือนกัน"
ซีอีโอชเวซองกุนเริ่มกล่าวสรุปด้วยความกระตือรือร้น
"บริษัทใหญ่และเล็กมีข้อดีข้อเสียที่ชัดเจน มันคงถึงเวลาแล้วที่คุณคังวูจินจะได้รับการดูแลอย่างเข้มงวดมากกว่าถูกปล่อยปะละเลย มันมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ในระดับปานกลาง เพราะวงการบันเทิงเหมือนกับป่า การสูญเสียนักแสดงไปจากการตัดสินใจผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรเลยครับ”
นั่นมันโหดร้ายมากเลยนะ คังวูจินที่ได้ฟังการบรรยายสรุปก็รู้สึกว่าวงการบันเทิงที่ไม่คุ้นเคยนั้นเป็นเหมือนคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขาต้องพูดอะไรออกมา คำพูดไหนกันนะจะดูโดดเด่นและเป็นประโยคเด็ดสุดในตอนนี้? ไม่ว่าจะเป็นยังไง เขาก็ต้องวางท่าว่าตัวเองเป็นคนมั่นใจสูงไว้ก่อน
"ผมชอบวงการบันเทิง"
ครู่หนึ่ง ซีอีโอชเวซองกุนถึงกับตกตะลึง เขาพยายามบอกให้คังวูจินรู้ว่าวงการบันเทิงเหมือนกับการเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ แต่เขากลับชอบมันเนี่ยนะ? ท่าทางแบบนี้มันอะไรกัน? ดวงตาของคังวูจินตอนนี้แน่วแน่ยิ่ง ซีอีโอชเวซองกุนจึงรู้ได้เลยว่าคังวูจินมีความผิดปกติบบางอย่างอยู่
‘นี่มัน…ต้องผ่านอดีตแบบไหนกันถึงทำให้เป็นแบบนี้ได้?’
ความดื้อรั้นที่คนไร้ชื่อเสียงและหน้าใหม่ไม่มีทางมีได้ คังวูจินตอนนี้อาจจะไร้ชื่อเสียงอยู่ แต่จิตใจของเขามุ่งขึ้นไปสูงแล้ว ในสายตาที่เฉียบคมของซีอีโอชเวซองกุนคิดเช่นนั้น
'ฉันต้องการเขา ฉันต้องการเขาในตอนนี้เลย'
ด้วยเหตุนี้ ซีอีโอชเวซองกุนจึงเปล่งเสียงอย่างหนักแน่นยิ่งขึ้น
"ผมจะทำให้คุณได้กางปีกในวงการบันเทิงนี้ ถ้าคุณคังวูจินมาร่วมงานกับเรา ผมสัญญา ไม่สิ ผมรับรองกับคุณว่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ผมอาจจะดูเป็นแบบนี้ก็จริง แต่ผมเก่งในสิ่งที่ผมทำมาก ผมสร้างความสัมพันธ์ในวงการบันเทิงนี้และชื่อเสียงของผมก็ไม่ได้แย่เลยครับ”
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริง ซีอีโอชเวซองกุนเป็นผู้จัดการที่มีชื่อเสียงค่อนข้างสูงในวงการบันเทิง จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“คุณคังวูจิน คุณได้รับนามบัตรมากเลยใช่ไหมครับ?”
“ผมได้มาไม่น้อยเลยครับ”
"ผมเข้าใจครับ แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อวานนี้ แต่ก็เกิดความโกลาหลในหมู่คนวงในวงการบันเทิง พวกเขาต่างพูดกันว่าบลูชิพแห่งชุงมูโรกันเป็นการเดิมพันที่ได้กำไรแน่ เพราะงั้นผมเลยคาดว่าคุณจะได้รับประมาณสิบใบ "
[บลูชิพแห่งชุงมูโร=ฉายาที่มอบให้นักแสดงเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จสูง เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม]
ตัวเลขใกล้เคียงกันพอควร
"มีใครพูดถึงโบนัสเซ็นสัญญาบ้างไหมครับ? ถ้ามันลำบากก็ไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ”
โบนัสการเซ็นสัญญา? มีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? คังวูจินนึกถึงคนที่ให้นามบัตรเขาเมื่อวานนี้ แต่ไม่มีการพูดถึงโบนัสการเซ็นสัญญาอย่างแน่นอน แต่พวกเขาส่วนใหญ่พูดอะไรบางอย่างออกมา...
'พวกเขาพูดถึงเงื่อนไขพิเศษสักอย่าง'
คังวูจินตอบแบบเลี่ยง ๆ
"ผมคิดว่าผมได้ยินอะไรบางอย่างเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษมาครับ"
"...พิเศษเหรอ"
ฮงเฮยอนที่กำลังฟังอย่างเงียบ ๆ กัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อยและสะกิดซีอีโอชเวซองกุนที่ซี่โครงด้วยความประหลาดใจ ด้วยเหตุนี้ ซีอีโอชเวซองกุนจึงโน้มตัวเข้ามาใกล้คังวูจิน
“ผมจะพยายามทำให้มันตรงกับที่คุณต้องการมากที่สุดครับ ผมหวังว่าอย่างน้อยคุณจะรับฟังว่าบริษัทของเรามีข้อเสนออะไรบ้าง ได้โปรดนะครับ”
อีกแล้ว จู่ๆ ทุกอย่างก็พุ่งทะยานเกินควบคุม แต่คังวูจินขึ้นรถด่วนไปแล้ว การลังเลจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูแย่ ดังนั้นวูจินจึงเลือกคำตอบที่ไม่อาจเผยความคิดของเขาได้ง่าย ๆ
“ผมจะพิจารณาแล้วติดต่อคุณไปครับ”
ขณะเดียวกัน ภายในรถตู้ของรยูจองมิน นักแสดงนำชื่อดัง
ต่างกับคังวูจิน รถตู้ของรยูจองมินได้ออกเดินทางไปก่อนประมาณ 30 นาทีแล้ว มันกำลังวิ่งอยู่บนทางด่วน โดยที่รยูจองมินก็รวบผมยาวของเขาเอาไว้ด้านหลัง ขณะที่เขากำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
ดวงตาของเขามองออกไปข้างนอก แต่จิตใจของเขาดูเหมือนจะอยู่ที่อื่น
หลังจากนั้นประมาณห้านาที
"พี่ครับ"
รยูจองมินพูดกับผู้จัดการของเขาที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ
"พี่รู้จักเขาใช่ไหม? คังวูจินที่รับบทรองหัวหน้าพัค"
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้จัดการจึงปิดสมุดบันทึกและหันหน้ากลับมา
“นายไม่รู้เหรอ? เขาเล่นได้โดดเด่นมากเลยนะ การแสดงของเขามันทำให้ขนลุกเลยล่ะ แม้กระทั่งที่งานเลี้ยง ผู้จัดการคิมกับคนอื่น ๆ ก็ยังชื่นชมเขาอยู่เลย เฮ้อ~”
“... เรายื่นนามบัตรเขาด้วยหรือเปล่าครับ? คังวูจิน นายคนนั้นคงได้รับการติดต่อมากมายจากบริษัทบันเทิงเยอะเลย”
“เราก็ตั้งใจจะยื่นให้อยู่แล้วแหละ เพราะกระแสที่บริษัทเรากำลังเน้นเรื่องปั้นเด็กใหม่หนักหน่วงขนาดนี้ แต่มันไม่มีโอกาสได้เจอเขาเลย ฉันอยากจะเข้าไปทักทายที่งานเลี้ยงด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่ยอมออกมาเลย ทำไมล่ะ? ไม่อยากเอาให้เขาเหรอ? หรือว่า…”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“น่าเสียดายนะ เพราะเรามีงานถ่ายทำอยู่ด้วย...อ่า - แต่ใครจะคว้าตัวเขาไปก่อนกันนะ? ว้าว การแข่งขันกันขนาดนี้เพื่อนักแสดงโนเนม มันไม่เคยมีมาก่อนเลยแฮะ”
หลังจากทิ้งผู้จัดการให้เกาหัวด้วยความงุนงง รยูจองมินก็นึกถึงงานเลี้ยงฉลองหลังจบงานเมื่อวาน
เพื่อความชัดเจน ต้องบอกว่าเป็นตอนที่รยูจองมินถามPDซงมันวู
"คุณPD คังวูจินเป็นใครครับ? คุณเจอเขาที่ไหน?”
PDซงมันวูแค่ยักไหล่
"วันนี้นี่เป็นครั้งที่เก้าแล้วนะที่ผมถูกถามคำถามนี้ บอกตามตรง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เดาได้แค่อย่างเดียว"
"เดาอะไรครับ?"
"ก็เรื่องการแสดงที่น่าอัศจรรย์ของเขาและอดีตที่ไม่ชัดเจน ผมคิดว่าเขาคงมาจากต่างประเทศ"
".......ต่างประเทศ? แสดงว่าเขาเรียนการแสดงด้วยตัวเองจริงงั้นเหรอครับ?"
“ใช่แล้ว เขาเหมือนคนที่เดินบนเส้นทางที่เดียวดายมานานเลยนะ”
"ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดครับ การแสดงแบบนั้นมาจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ยังไงกัน?"
"คังวูจินเองก็มีตัวตนที่ไม่ธรรมดาเลย จริง ๆ หลังจากเห็นคุณคังวูจิน ผมก็ลองเช็คดูเท่าที่รู้ แต่เขาไม่มีประวัติในประเทศเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าเขาคงเคยอยู่ต่างประเทศ”
ในเวลานั้นเอง PDซงมันวูที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา
“อ่า ผมรู้อย่างหนึ่ง”
“อะไรนะครับ?”
“คุณคังวูจินเก่งเรื่องการออกแบบ”
"ว่าไงนะครับ??"
"จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว คุณคังวูจินยังทำงานอยู่ที่บริษัทออกแบบ เพื่อนของเขาก็ยืนยันเช่นกันครับ"
“การออกแบบ…หมายความว่ายังไงครับ??”
กลับไปที่รถตู้ของเขา ในโลกแห่งความเป็นจริง รยูจองมินยิ่งพยายามค้นหาตัวตนของคังวูจิน ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจมอยู่ในความมืดมิด
“พี่ครับ พี่คิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องราวการศึกษาด้วยตัวเองของคุณคังวูจิน?”
“นั่นมันไร้สาระไม่ใช่เหรอ? เขาคงพูดไปงั้นแหละเพื่อให้ดูน่าสนใจ”
“แล้วถ้ามันไม่ใช่ล่ะครับ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเรียนรู้การแสดงจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองจริง ๆ ?”
“… ถ้าอย่างนั้นเขาต้องเป็นบ้าแน่ ๆ ไม่มีตัวประหลาดแบบนั้นหรอกน่า คิดว่าหมอนี้ที่เกิดมาเพื่อแสดงหรือไง?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง รยูจองมินรู้สึกถึงความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นภายในตัวเขา ในไม่ช้า รยูจองมินที่ครุ่นคิดถึงการแสดงของคังวูจินในฐานะรองหัวหน้าพัคก็ดึงบทออกมา มันเป็นตอนที่ 1 ของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' จากนั้นเขาก็พูดกับผู้จัดการอีกครั้ง
“วันนี้มีกำหนดสัมภาษณ์ใช่ไหมครับ? พี่สามารถโทรเลื่อนออกไปได้ไหมครับ?”
“หือ? ทำไมจู่ ๆ ถึงเลื่อนล่ะ?”
"ผมต้องการดูบทละครอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ”
“นายศึกษาบทไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
"ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ แค่อยากดูให้ละเอียดมากขึ้น”
ในความเป็นจริงแล้ว รยูจองมินไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้อีกต่อไป มันเหมือนมีไฟลุกโชนใต้เท้าเขากระมัง? ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายมาก
“บทบาทตัวละครนำไม่ควรถูกบดบังโดยนักแสดงสมทบสิครับ”
มันเป็นความรู้สึกคล้ายตกอยู่ในวิกฤตหรือความสิ้นหวัง คังวูจินที่เพิ่งเปิดเผยตัวตนได้จุดไฟในตัวนักแสดงชั้นนำอย่างรยูจองมิน
สิ่งที่ตลกคือ
“พี่! พี่ช่วยยกเลิกคิวจองคลินิกผิวหนังของฉันวันนี้ได้ไหม!”
ไม่ใช่แค่รยูจองมินเพียงคนเดียว นักแสดงที่ได้เห็นการแสดงของคังวูจินในการอ่านบท ก็แทบจะอยู่ในสภาพเดียวกัน แน่นอนฮงฮเยยอนก็เช่นกัน นักแสดงทุกคนต่างรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเพราะคังวูจิน เปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นและความไร้เดียงสาต่างลุกโชน
ด้วยเหตุนี้ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงจึงเริ่มพัดพาเปลวไฟในหมู่นักแสดง
“ไปส่งผมที่บ้าน และอย่าติดต่อผมจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้นะครับ”
“หือ? แทซัง คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ??”
“ผมต้องทำความเข้าใจเข้าถึงอารมร์ของบทละครให้ดีขึ้นครับ”
ซึ่งหมายความว่า คุณภาพของการผลิตจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
เช้าวันรุ่งขึ้น ที่อพาร์ตเมนต์ของคังวูจิน
คังวูจินที่กินราเม็งหลังจากกลับมาถึงบ้าน ได้หมดแรงจนล้มตัวลงนอน ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น
“... ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ”
เก้าโมงเช้า วันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งเต็มไปด้วยกิจกรรมการอ่านบทนั้นหายวับไปเหมือนควัน วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม วันธรรมดาเริ่มต้นขึ้น และคังวูจินก็ขยับศีรษะขณะนอนลง ทางขวาของเขามีนามบัตรซ้อนกัน
"อืม..."
คังวูจินถ่มน้ำลายเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย จากนั้นก็หยิบบทละคร 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ตอนที่ 2 ขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็กดที่สี่เหลี่ยมสีดำถัดจากบทละคร
ทันใดนั้น คังวูจินก็เข้าไปในมิติว่างเปล่า
ต่อหน้าต่อตาของเขาคือความว่างเปล่าดำมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด เหตุผลที่จู่ ๆ เขาก็เข้าไปในมิติว่างเปล่านั้นง่ายมาก
“ไหนขอคิดหน่อยซิ”
ใช้เวลาคิดไงล่ะ มันคือวิธีการที่คังวูจินใช้บ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา เพื่อคลายความกังวล ตัวเขาก็จะเข้ามาในพื้นที่นี้เสมอ มันเป็นเหมือนการประหยัดเวลานิดหน่อยเข้าใจกันใช่ไหม?
ถึงอย่างนั้น...
“อืม ต้นสังกัด”
คังวูจินลูบคางเบา ๆ เขานึกถึงนามบัตรและข้อมูลที่เขาได้รับ ขณะที่เขาทำเช่นนั้น เขาก็เดินไปยังบริเวณพื้นที่ที่มีสี่เหลี่ยมสีขาวลอยอยู่ จากนั้น
“ห๊ะ?”
คังวูจินค้นพบบางอย่าง
- [1/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: สำนักงานนักสืบ) ระดับ B]
- [2/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล 1)ระดับ S]
ระดับของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'ได้เปลี่ยนเป็น Sแล้วสินะ เมื่อก่อนไปอ่านบทยังเป็น A+ อยู่เลย พูดอีกอย่างก็คือ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' มีมูลค่าเพิ่มขึ้นแล้ว ด้วยเหตุนี้คังวูจินจึงเอียงคอด้วยความสงสัย เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ
เขารู้ว่าจุดเริ่มต้นของสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้คือตัวเขาเอง แต่ว่า…
“ทำไมจู่ ๆ มันถึงได้เพิ่มขึ้นล่ะ?”
คังวูจินไม่รู้เรื่องเลย
วันที่ 10 มีนาคม
คังวูจินถือกระเป๋าเป้ใบใหญ่ออกจากอพาร์ทเมนท์ของเขาในตอนเช้าตรู่ ห้านาทีต่อมา มีคนตะโกนเรียกคังวูจินจากริมป้ายรถเมล์
“ฮ่าฮ่า คุณคังวูจินครับ!”
เป็นผู้กำกับชินดงชุนที่เพิ่งจอดรถตู้ของเขาไว้ ทันทีที่วูจินเห็นเขา เขาก็เริ่มเดินไปหาอีกฝ่าย ภายในใจเขากำลังสวดมนต์คาถาอยู่ตลอดเวลา ทำไมน่ะเหรอ?
ก็เรื่องห้าวันนับจากวันนี้ไงล่ะ
'ฮึ่ม-ต้องอย่าลืมวางตัวให้ดูเย็นชาเข้าไว้ แต่ถึงแม้จะเป็นหนังสั้น นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันจะได้ไปกองถ่าย แอบตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ'
เพราะว่าหนังเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' กำลังถ่ายทำฉากหลักอยู่
ประมาณ 11 โมงเช้า เมืองพาจู จังหวัดคยองกี
ด้านหน้าของวิลล่าในเมืองพาจู ซึ่งจะมีการถ่ายทำฉากหลักของ 'สำนักงานนักสืบ'
“โอ้ วันนี้อากาศหนาวนิดหน่อย! นี่มันเดือนมีนาคมแล้ว ทำไมมันถึงหนาวแบบนี้เนี่ย?”
นักแสดงที่ปรากฏตัวใน 'สำนักงานนักสืบ' ต่างสามารถเห็นได้ในสนามหญ้า รวมตัวประกอบคงมีประมาณ 5 คนมั้ง? ชายสามหญิงสอง ทุกคนกำลังวุ่นวายห่มคลุมตัวเองด้วยเสื้อโค้ท นั่งอยู่บนเก้าอี้สนาม เพราะอากาศค่อนข้างเย็น
"ดีเหลือเกินที่มีที่นั่งอยู่ โดยปกติแล้วที่ถ่ายทำอื่น เราต้องยืนขาแข็งทั้งวันเลยเนอะ"
"นั่นก็จริง"
นักแสดงทุกคนเขาไม่รู้จักหน้าเลย
นักแสดงชายที่พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างก็แค่เคยมีบทบาทเล็ก ๆ น้อย ๆ ในละครเวทีหรือภาพยนตร์เท่านั้น พวกเขาทั้งหมดพบกันเป็นครั้งแรกที่กองถ่ายวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เคยเห็นตัวเอกของ 'สำนักงานนักสืบ' ด้วยซ้ำ แถมพวกเขากำลังจะต้องถ่ายทำด้วยตารางเวลาที่เร่งรัด ซึ่งรวมถึงการอ่านและการซ้อม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากันเลย
ถึงอย่างนั้น
“โอ้ จะว่าไปแล้ว”
นักแสดงชายที่รูดซิปเสื้อแจ็กเก็ตน้ำหนักเบาของเขาไว้ที่คอ จู่ ๆ ก็ถามนักแสดงคนคนอื่น ๆ ทั้งหมด
“มีใครเห็นนักแสดงที่รับบท 'ภรรยา' บ้างไหม?”
นักแสดงทุกคนส่ายหัว แสดงว่าพวกเขาไม่เคยเห็นเลย
“จริงด้วย เธอยังไม่มาอีกเหรอ?”
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอยังไม่มากันล่ะ? ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครใช่ไหม?”
“ทีงานก็ไม่รู้เหมือนกัน”
จากนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งที่รับบทเป็นเจ้าหน้าที่นักสืบก็เปลี่ยนเรื่อง
"อา ได้ยินเรื่องนี้กันหรือเปล่า? เขาว่าตัวเอกของเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' ก็เป็นนักแสดงที่โนเนมเหมือนกัน”
นักแสดงคนอื่น ๆ พยักหน้าราวกับว่าพวกเขารู้แล้ว
“ได้ยินมาเหมือนกันนะ แต่มันแปลกตรงที่ แม้ว่าผู้กำกับจะค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการละคร แต่ความยาว 45 นาทีถือว่ายาวมากสำหรับหนังสั้นเรื่องหนึ่ง ทว่าเขากลับได้พระเอกโนเนมมา มันเลยแปลก ๆ นะ”
"สำหรับหนังสั้นระดับนี้ ไม่ควรดันให้นักแสดงสมทบเป็นพระเอกหรือเปล่า? ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนว่าหนังเรื่องนี้จะส่งประกวดเทศกาลภาพยนตร์สั้น ‘มิสอองแชง’ อีกด้วยนะ"
"อืม บางทีมันอาจจะเป็นเงื่อนไขสำหรับการลงทุนมั้ง? หรือบางทีนักลงทุนอาจจะเป็นบริษัทบันเทิงสักแห่ง”
ในไม่ช้า นักแสดงก็ต่างรู้สึกอิจฉา
“อ๊า ฉันล่ะอิจฉา ฉันอยากเป็นตัวละครหลักในหนังที่มีการลงทุนด้วยเหมือนกันนะ”
“นั่นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องเข้าร่วมบริษัท จะได้มีชื่อเสียงในฐานะนักแสดงเสียที”
"แต่ว่างี้การแสดงของเขาอาจจะน่าผิดหวังน่ะสิ ถ้ามีค่ายใหญ่หนุนหลังแบบนี้?"
“ผมว่าพวกเขาอาจจะยังเด็กมาก”
“หือ? พูดถึงพระเอกแล้ว พระเอกยังไม่มาเลยเหรอ?”
ยามนั้นเอง
“เร็วเข้าหน่อยสิทุกคน! อีกแค่ 30 นาทีก็ถึงเวลาแล้วนะ รีบกันหน่อย!”
ผู้กำกับชินดงชุนเดินเข้ามาในสนามวิลล่า เขามองรอบ ๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว
“แต่ว่าตัวเอกของเราอยู่ที่ไหนล่ะครับ?”
จากนั้น ผู้กำกับชินดงชุนก็ยิ้มเมื่อเขาเห็นนักแสดงที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่
“อ๊ะ พระเอกของเรื่องมาแอบอยู่ตรงนี้เอง รีบมาเถอะครับ”
พระเอก? ตัวเอกของเรื่อง? ด้วยเหตุนี้นักแสดงจึงเริ่มมองไปรอบ ๆ ขยับศีรษะไปทางซ้ายและขวา
ฟุ้บ!
ทันใดนั้นชายคนหนึ่งที่มีสีหน้าเย็นชาก็ลุกขึ้นยืนจากหมู่นักแสดงที่เขานั่งอยู่ด้านหลัง
“ครับผู้กำกับ”
บุคคลนั้นคือคังวูจิน ตัวเอกจากเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ'
“···!”
"อะไรกันนะ??"
นักแสดงทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันถ้วนหน้า
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแค่ในThai-novelและMy-Novelเท่านั้น