[ตอนฟรี] ตอนที่ 189 : ปะทะกับจ้าวดาราอู๋จี๋
“หืม?”
เย่ซิงหยุน ไม่สิ ตอนนี้ควรเรียกว่า จ้าวดาราอู๋จี๋ เขาเลิกคิ้วขึ้นและมองไปข้างหน้า
เห็นเพียงสองหนุ่มและหนึ่งสัตว์กำลังเดินเข้ามาอย่างเนิบ ๆ
เป็นจวินเซียวเหยา อี้ยวี่ และราชสีห์เก้าเศียรนั่นเอง
“สมแล้วที่ครั้งหนึ่งจ้าวดาราอู๋จี๋จะโด่งดังไปทั่วดินแดนอมตะ กลอุบายเช่นนี้เปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ” จวินเซียวเหยายิ้มมุมปากเล็กน้อย
พูดตามตรง ตอนแรกจวินเซียวเหยาเกือบคิดจริงๆ แล้วว่าเย่ซิงหยุนอาจเป็นร่างจุติของจ้าวดาราอู๋จี๋
แต่พอเขาลองคิดดูอีกรอบ มันคงไม่เรียบง่ายแบบที่เห็น
พอดีกับที่โม่ฝานปรากฏตัว มันก็ยิ่งทำให้จวินเซียวเหยาเกิดความสงสัย
และในที่สุด ความสงสัยของจวินเซียวเหยาก็ถูกคลี่คลาย
กลายเป็นว่าทั้งเย่ซิงหยุนและโม่ฝานต่างก็เป็นแค่หมากในมือของจ้าวดาราอู๋จี๋เท่านั้น
เย่ซิงหยุนมโนว่าตัวเองเป็นร่างจุติของจ้าวดาราอู๋จี๋ ทั้งที่จริงก็เป็นแค่หุ่นเชิด
ส่วนโม่ฝานก็คิดว่าตัวเองเป็นตัวเอกของทวีปดวงดาว ซึ่งความจริงก็คือ นี่เป็นหนึ่งในแผนของจ้าวดาราอู๋จี๋
ถ้าจะพูดกันจริงๆ จ้าวดาราอู๋จี๋ต่างหากที่ควรถูกเรียกว่าตัวเอกของทวีปดวงดาว
โม่ฝานเป็นแค่ตัวปลอมเท่านั้น
และในที่สุด ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังก็เผยตัวออกมา
จ้าวดาราอู๋จี๋มองไปที่จวินเซียวเหยา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและเย่อหยิ่ง
จวินเซียวเหยาแข็งแกร่งอย่างแท้จริงในหมู่รุ่นเยาว์ และยังมีสถานะที่สูงส่ง
แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือดินแดนเบื้องล่าง
ที่นี่คือถิ่นของจ้าวดาราอู๋จี๋
จ้าวดาราอู๋จี๋เองก็เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจในชีวิตที่แล้ว เขาจะไปกลัวเด็กรุ่นหลังได้อย่างไร?
“จวินเซียวเหยาแห่งตระกูลจวินโบราณสินะ ข้าเห็นเจ้าจากความทรงจำของเย่ซิงหยุนแล้ว เจ้าเองก็มีฝีมืออยู่”
“กายาเทพบรรพกาล ถือว่ามีสิทธิ์ที่จะติดตามข้า”
พรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดของจวินเซียวเหยาทำให้แม้แต่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างจ้าวดาราอู๋จี๋ยังต้องตกตะลึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ค้นดูความทรงจำของเย่ซิงหยุนแล้ว
จ้าวดาราอู๋จี๋สัมผัสได้เลยว่าเย่ซิงหยุนรู้สึกกลัวจวินเซียวเหยาขนาดไหน
จากจุดนี้เองที่สะท้อนให้เห็นว่ารุ่นเยาว์แห่งดินแดนอมตะสลักตัวตนของจวินเซียวเหยาไว้ในใจอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่ออี้ยวี่ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ขมวดคิ้วและตะโกนออกไป “กล้าดียังไงถึงพูดจาโอหังใส่นายท่าน สามหาวนัก!”
เขายกคันธนูขึ้นและยิงลูกศรเปลวเพลิงสุริยันที่แท้จริงออกไปราวกับมังกรไฟที่พุ่งทะยาน ส่งผลให้ความว่างเปล่าถึงกับบิดเบี้ยว
สีหน้าของจ้าวดาราอู๋จี๋ยังคงราบเรียบ
แม้ว่าเขาพึ่งจะยึดร่างของเย่ซิงหยุนมาได้ แต่ในฐานะที่เป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่มาตลอดชีวิต เขาจะไม่มีวิธีโต้ตอบได้อย่างไร
“เจ้าเองก็เป็นนักธนูงั้นเหรอ?”
จ้าวดาราอู๋จี๋ยื่นมือออกไป ทันใดนั้นคันศรทำลายดวงดาวที่ผุพังจากด้านข้างบัลลังก์แห่งดวงดาวก็ลอยมาหาเขา
เขาง้างคันธนูและผสานเข้ากับพลังของกายาราชันแห่งดวงดาวของเย่ซิงหยุนที่ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่
พลังแห่งดวงดาวทั้งเก้าหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นลูกศรอวกาศที่ถูกยิงออกไปอย่างรุนแรง
ลูกศรดอกนั้นทะลวงลูกศรของอี้ยวี่ และพุ่งใส่อี้ยวี่โดยตรง
“มันเป็นไปได้ยังไง?” อี้ยวี่ประหลาดใจ
เขาคือผู้สืบทอดของตระกูลอี้ และยังมีสายเลือดของเทพอี้อีกด้วย
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาพ่ายแพ้ในด้านของธนู
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า จวินเซียวเหยาจึงกำหมัดพร้อมกับปล่อยพลังปราณออกมา เพียงชกออกไป ความว่างเปล่าก็เกือบจะแตกสลายทันที
ลูกศรอวกาศพลันระเบิดกลายเป็นจุดแสงที่ฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้าทันที
“ในฐานะตัวตนอันยิ่งใหญ่ในยุคสมัยหนึ่ง มันดีแล้วเหรอที่ใช้กำลังโจมตีคนรุ่นหลังแบบนี้?” จวินเซียวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบ
เมื่อเห็นจวินเซียวเหยาสลายการโจมตีของตัวเองด้วยหมัดเดียว สายตาของจ้าวดาราอู๋จี๋ก็ยิ่งดูลึกล้ำขึ้นไปอีก
หากเป็นจ้าวดาราอู๋จี๋ตัวจริง ต่อให้จวินเซียวเหยาเป็นร่างจำแลงของเจตจำนงแห่งสวรรค์ เขาก็คงเอาชนะไม่ได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้ เจ้านี่เป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋ที่เข้ายึดร่างของเย่ซิงหยุนเท่านั้น
ไม่ว่าจ้าวดาราอู๋จี๋จะมีไพ่ในมือมากแค่ไหน เขาก็ยังต้องพึ่งพาร่างกายของเย่ซิงหยุนอยู่ดี
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจวินเซียวเหยาถึงได้ใจเย็น
เขาไม่กลัวจ้าวดาราอู๋จี๋เลย
“สมกับที่เป็นกายาเทพบรรพกาล ข้าชักอยากจะสิงร่างนั้นดูแล้วสิ” จ้าวดาราอู๋จี๋หรี่ตาเล็กน้อย
ในชีวิตนี้ เขาวางแผนจะเข้าไปในรอยแยกสิบทวีป ก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชาวิญญาณวีรชน และเปิดเส้นทางใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
สำหรับเขา ร่างกายที่แข็งแรงกว่าจึงย่อมดีกว่า
มีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น ถึงจะมีโอกาสเปิดเส้นทางใหม่
เพราะฉะนั้น จ้าวดาราอู๋จี๋จึงบังเกิดความคิดใหม่ขึ้นมา
“โอ้ งั้นก็ลองดู” ประกายเย็นชาแวบผ่านดวงตาของจวินเซียวเหยา
จ้าวดาราอู๋จี๋กล้าเล็งเป้ามาที่หัวของเขา คงไม่รู้สินะว่า “ตาย” มันสะกดยังไง
“รนหาที่ตาย!” อี้ยวี่และราชสีห์เก้าเศียรโกรธจัด และอดไม่ได้ที่จะลงมือ
“เดี๋ยวข้าจัดการเอง พวกเจ้าไม่ใช่คู่มือของเขาหรอก” จวินเซียวเหยาก้าวไปด้านหน้า
แม้ว่าอี้ยวี่และราชสีห์เก้าเศียรจะมีแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับจ้าวดาราอู๋จี๋ที่เก๋าเกมมากกว่าแล้ว พวกเขายังถือว่าอ่อนด้อยอยู่
จวินเซียวเหยาเรียกดาบกาลเวลาผานหวางมาถือไว้ในมือ ราวกับเทพเซียนที่ลงมาจากสรวงสวรรค์
ทั่วทั้งตัวล้วนปกคลุมไปด้วยปราณอมตะและท่วงทำนองแห่งเต๋า
เขากระตุ้นพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ พร้อมกับปีกมารที่เหยียดสยายออกมาจากแผ่นหลัง จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นภาพเงาที่เร็วสุดขีดและพุ่งเข้าใส่จ้าวดาราอู๋จี๋
“ถือว่าเจ้ามีความกล้ามากนะ ที่ลงมือโจมตีข้าก่อน” จ้าวดาราอู๋จี๋ยิ้มอย่างเยือกเย็น
สุดท้ายแล้ว เขาเองก็เป็นถึงตัวตนที่ทรงพลัง แม้ว่าเพิ่งจะสิงร่างของเย่ซิงหยุน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ใช่สิ่งที่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั่วไปจะเทียบได้
จ้าวดาราอู๋จี๋ยิงลูกศรออกไปทีเดียวเก้าดอก แล้วลูกศรดวงดาวเก้าดอกก็เรียงตัวกันเป็นเส้นตรงและพุ่งเข้าใส่จวินเซียวเหยา
นี่คือทักษะนามว่า เรียงร้อยเก้าดวงดาว
จวินเซียวเหยาปลดปล่อยพลังปราณออกมาและถ่ายเทเข้ากับดาบกาลเวลาผานหวางในมือ
พร้อมกับฟาดดาบออกไปด้วยเพลงดาบสังหารอมตะ
ทันใดนั้น ภาพของเหล่าเซียนที่ถูกสังหารก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และเพียงหนึ่งดาบ ความว่างเปล่าก็พังทลาย พร้อมกับระเบิดปราณดาบอันทรงพลังออกมา
แสงดาบที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของกาลเวลาบดขยี้ลูกศรทั้งเก้าพร้อมกันทันที
จวินเซียวเหยาก้าวเดินไปข้างหน้า เขาฟาดดาบออกไปด้วยมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างหนึ่งก็ปลดปล่อยทักษะศาสตราวุธสงคราม
กระแสคลื่นของศาสตราศักดิ์สิทธิ์โหมกระหน่ำ ท่วมท้นไปทั่วทั้งพระราชวัง
การโจมตีอันทรงพลังของจวินเซียวเหยาทำให้จ้าวดาราอู๋จี๋ถึงกับหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่ามันเกินความคาดหมายของเขา
ยังไงก็ตาม สีหน้าของจ้าวดาราอู๋จี๋ยังคงสงบนิ่งอยู่ เขาใช้เพียงหนึ่งมือผสานเรียกตราประทับขนาดใหญ่ราวกับภูเขาสีเงินออกมา
ศาสตราศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ โดยตราประทับยักษ์ทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น จวินเซียวเหยาจึงกระตุ้นพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ แล้วพลังปราณและโลหิตก็ปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด
เหนือศีรษะของเขา เทพคชสารทองคำราวกับมีชีวิตจริงๆ ได้ปรากฏตัวขึ้น มันเงยหน้าคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นเวลานานจนทั่วทั้งพระราชวังแห่งดวงดาวสั่นสะเทือน
เขาชูดาบขึ้น พร้อมกับพละกำลัง 3,700 ล้านจินที่เสริมเข้าไป ด้วยการโจมตีนี้ ต่อให้เป็นสวรรค์ชั้นฟ้าก็คงต้องแหลกสลาย
แม้แต่จ้าวดาราอู๋จี๋ที่สงบเสงี่ยมมาตลอดก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้าในวินาทีนี้
ความว่างเปล่ารอบตัวจวินเซียวเหยาเริ่มปรากฏรอยร้าว
นั่นเป็นเพราะพละกำลังของจวินเซียวเหยาทรงพลังเกินไปจนเกือบจะทำลายขีดจำกัดของกาลอวกาศ แม้แต่รอยร้าวก็เริ่มปรากฏ
“ต่อให้เป็นกายาเทพบรรพกาลก็เถอะ มันเป็นไปได้ด้วยรึที่พละกำลังจะมากมายมหาศาลขนาดนี้?” จ้าวดาราอู๋จี๋ประหลาดใจ
เขาผ่านอะไรมามากในชีวิต ได้เห็นอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดมานับไม่ถ้วน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นปีศาจร้ายอย่างจวินเซียวเหยา
ที่เป็นปัญหามากกว่านั้นคือ เขาเพิ่งจะเข้าสิงร่างของเย่ซิงหยุน มันยังไม่ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์เลย ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลดปล่อยพลังออกมาเต็มร้อย
หรือว่าวันนี้ จ้าวดาราอู๋จี๋จะสิ้นชื่อกันแน่?