ตอนที่แล้วบทที่ 80 บุคคลนี้อยู่ในเมืองเสินเจี้ยน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82 ประเพณีระหว่างศิษย์สองสำนัก

บทที่ 81 ธาตุไฟเข้าแทรก


ยิ่งหลินหยวนปฏิเสธเช่นนี้ เฉินจื่อหาน เฉิงเป้ยเป้ย และหยางจง แทบทนไม่ไหว คำพูดของผู้เป็นอาจารย์ยิ่งทวีความอยากรู้อยากเห็นของทั้งสามมากขึ้น

แต่เมื่อหลินหยวนยังคงปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าใครคือนักปรุงโอสถลึกลับแม้จะถูกรบเร้ายังไง สุดท้ายพวกเขาจำต้องยอมแพ้ไปในที่สุด

เนื่องจากหลินหยวนเชื่อ ว่าเขาต้องเป็นผู้ที่สามารถคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันหลอมโอสถรุ่นเยาว์ครั้งนี้ได้ เขาจึงมิอาจเปิดเผยให้ผู้ใดรับรู้ตัวตนของหยางเสี่ยวเทียน ด้วยเกรงจะนำภัยไปสู่เขาก่อนการแข่งขันจะทันเริ่ม

อย่างไรเสีย พวกนางทั้งสองก็ไม่อาจนึกถึงใครที่มีทักษะการหลอมโอสถสูงกว่าเฉินจื่อหานในเมืองเสินเจี้ยนแห่งนี้ได้อีก

สำมะหาอะไรกับผู้ที่จะเอาชนะเฉินจื่อหานได้ แค่มีเกียรติยืนเคียงบ่าเคียงไหล่คนอย่างนาง ทั่วทั้งเมืองเสินเจี้ยนแห่งนี้ก็หาได้มีคนเช่นนั้นไม่

ท้องฟ้าเริ่มย่างสนธยา

ขณะนี้ หยางเสี่ยวเทียนกำลังจับจ้องไปยังโอสถวิญญาณสี่ประการสองเม็ดตรงหน้า ซึ่งเขาเพิ่งหลอมเสร็จเมื่อครู่ ก่อนจะทอดถอนใจและส่ายศีรษะ

สุดท้าย โอสถวิญญาณสี่ประการก็ยังคงอยู่ในระดับสูงสุด แต่ที่เขาตั้งความหวังไว้คือระดับสวรรค์ ซึ่งมันล้มเหลว

ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าหลังหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสวรรค์แล้ว เขาน่าจะสามารถหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการระดับสวรรค์ได้เช่นกัน แต่ตอนนี้ เขากลับเริ่มตระหนักขึ้นแล้วว่าความคิดก่อนหน้านี้ของเขาผิด

แม้จะผิดหวังเล็กน้อย แต่หยางเสี่ยวเทียนก็ไม่เคยรับรู้ถึงความท้อแท้

เพราะตอนนี้ถือว่าใกล้เคียงกับระดับสวรรค์มากขึ้นแล้ว ที่เหลือก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นว่าเขาจะสามารถหลอมโอสถระดับสวรรค์ได้เมื่อไร

หลังจากนั้น เขาก็กลับไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงหยกเย็น เริ่มบ่มเพาะพลังปราณมังกรแรกเริ่ม

รุ่งขึ้นหยางเสี่ยวเทียนได้ตื่นแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าไปยังหอคัมภีร์สำนักเสินเจี้ยน เพื่อแลกเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์อีกเล่มหนึ่ง นั้นคือ “เพลงหมัดโลหิตมังกร”

เพลงหมัดโลหิตมังกร เป็นเคล็ดวิชาที่ยากต่อการฝึกฝนมาก

ซึ่งมันเป็นวรยุทธที่ฝึกฝนยากสุด ในบรรดาเคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์ชั้นยอด

เมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียนยืมเคล็ดวิชา “เพลงหมัดโลหิตมังกร” ลู่เจ๋อหลินก็ไม่ได้คิดปริปากพูดอะไรในครั้งนี้ เขาเพียงมองตามหยางเสี่ยวเทียนด้วยท่าทีแลสายตาแปลกๆ กระทั่งเขาเดินพ้นออกจากหอคัมภีร์ไป

นับตั้งแต่ข่าวลือในวันทดสอบประจำเดือน ที่หยางเสี่ยวเทียนสามารถแสดงสุดยอดกระบวนท่าของเพลงหมัดราชันพยัคฆ์ เพลงกระบี่สี่ฤดู และเพลงกระบี่สือซานวานนี้ ลู่เจ๋อหลินจึงเริ่มมีความรู้สึกประหลาดใจเสมอเมื่อได้พบเขาอีกครั้ง

ขณะหยางเสี่ยวเทียนมัวแต่เดินก้มหน้าดูคัมภีร์เคล็ดวิชาที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่ เขาก็เกือบชนเข้ากับปรมาจารย์เฉินหยวนหน้าหอคัมภีร์ คล้ายบังเอิญเพราะท่าทีเผลอสะดุ้งตกใจที่เกือบถูกหยางเสี่ยวเทียนกระแทกชนในเสี้ยววิ

แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ปรมาจารย์เฉินหยวนตั้งใจมาหาเขาจริงๆ ทั้งยังรู้ว่าหยางเสี่ยวเทียนมักมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชาของสำนักอยู่บ่อยครั้ง และกำลังรอเขาอยู่แล้ว เพียงไม่คิดว่าเขาจะเอาแต่ก้มหน้าสนใจคัมภีร์ขนาดไม่ได้สังเกตุเห็นเขาเท่านั้น

ปรมาจารย์เฉินหยวนแย้มยิ้มจวนตาตี่ทันทีที่หยางเสี่ยวเทียนเงยหน้ามอง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามาที่นี่ทุกวันเพื่อเปลี่ยนคัมภีร์วรยุทธ ข้าเลยมาดู”

“ขออภัยท่านรองเจ้าสำนักเฉิน” หยางเสี่ยวเทียนยกมือขึ้นประสานหมัดหลังเห็นว่าเป็นผู้ใดที่เขาเกือบชน

เขาชะแง้มองไปยังคัมภีร์เพลงหมัดโลหิตมังกรในมือของหยางเสี่ยวเทียนแล้วถาม “ข้าสงสัยว่าคราวนี้เจ้าเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาอะไร”

หยางเสี่ยวเทียนไม่ได้ปกปิดแต่อย่างใด เขายื่นคัมภีร์เพลงหมัดโลหิตมังกรให้เฉินหยวนทันที

ปรมาจารย์เฉินหยวนยื่นมือรับมา เมื่อเห็นว่ามันคือเคล็ดวิชาเพลงหมัดโลหิตมังกร ซึ่งเป็นวรยุทธที่ฝึกฝนได้ยากยิ่งกว่าวรยุทธขั้นเซียนสวรรค์ชั้นยอดอื่นๆ

เขาก็พลางขมวดคิ้วแล้วรีบบอกกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวเทียน เจ้ารู้ไหมว่าเพลงหมัดโลหิตมังกร เป็นวรยุทธที่ฝึกฝนได้ยากยิ่งกว่าวรยุทธขั้นเซียนสวรรค์ชั้นยอดอื่นๆ”

“ข้ารู้” หยางเสี่ยวเทียนน้ำเสียงเนิบนาบขณะพยักหน้า

“รู้ เมื่อรู้แล้วเจ้ายังใคร่อยากฝึกฝนอยู่อีกงั้นหรือ” น้ำเสียงปรมาจารย์เฉินหยวนเริ่มเคล้าด้วยความโกรธ

“ลูกเอ๋ย เป็นไปไม่ได้ที่วิญญาจารย์ขั้นนักยุทธ์ จะสามารถฝึกฝนวรยุทธขั้นเซียนสวรรค์ได้สำเร็จ หากเจ้าฝืนทำเช่นนี้ต่อไป เจ้าจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนเพี้ยนเสียสติ รู้รึไม่!”

เขาพรั่งพรูความกลัดกลุ้มในใจด้วยทนไม่ได้ หากต้องเห็นอัจฉริยะด้านวรยุทธเช่นเขาหลงทาง

เมื่อวาน เจ้าสำนักหลินหยงยังรบเร้าเชิงขอร้องให้เขามาคุยกับหยางเสี่ยวเทียนถึงผลที่จะตามมาหากยังดื้อดึงฝึกฝนเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ

หยางเสี่ยวเทียนเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นของปรมาจารย์เฉินหยวนเปื้อนด้วยโทสะ แต่น้ำเสียงแหบแห้งแฝงด้วยความเป็นห่วง เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังทุกข์ใจจึงชี้แนะเพราะกลัวจะหลงทางผิด

หยางเสี่ยวเทียนจึงไม่คิดแค้นเคืองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าทราบแล้ว หากข้าพบสิ่งผิดปกติ ข้าจะหยุดฝึกฝนทันที”

“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนักเฉินที่เป็นห่วง” หยางเสี่ยวเทียนยกมือขึ้นประสานหมัดกล่าวน้ำคำซาบซึ้ง

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของปรมาจารย์เฉินหยวนก็คลายอ่อนลง แล้วกล่าว “สิ่งสำคัญที่สุดของเจ้าคือต้องมุ่งเน้นไปยังการบ่มเพาะพลังยุทธ์ให้ก้าวหน้า จะได้เลื่อนระดับวิญญาณยุทธ์ของเจ้าได้”

“หากเจ้าเอาแต่ฝึกฝนวรยุทธเช่นนี้ เกรงว่าหนึ่งปีข้างหน้าวิญญาณยุทธ์เจ้า จะไปไม่ถึงระดับเจ็ด เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่”

หยางเสี่ยวเทียนยิ้ม “เสี่ยวเทียนทราบแล้ว ต่อไปจะตั้งใจบ่มเพาะพลังยุทธ์ให้มาก เพื่อวิญญาณยุทธ์ข้าจะได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเจ็ดภายในหนึ่งปี”

“หากไม่มีอะไรแล้ว ท่านรองเจ้าสำนักเฉิน ข้าขอตัวลา” กล่าวจบ หยางเสี่ยวเทียนก็ยกมือขึ้นประสานหมัดแสดงความนับถือเขาแล้วจากไป

พร้อมทิ้งคัมภีร์เคล็ดวิชาเพลงหมัดโลหิตมังกรให้ปรมาจารย์เฉินหยวนจัดการ ด้วยอ่านจบจนจดจำทุกท่วงท่าได้ขึ้นใจ

ปรมาจารย์เฉินหยวนทอดถอนใจขณะมองคัมภีร์ในมือสลับกับมองแผ่นหลังคนที่จากไปของหยางเสี่ยวเทียนแล้วทำได้เพียงส่ายหัว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด