บทที่ 80 บุคคลนี้อยู่ในเมืองเสินเจี้ยน
ทันทีหลังเห็นสิ่งผิดปกติต่างไปจากเนื้อหาในคัมภีร์บอก หยางเสี่ยวเทียนจึงอดนึกถึงวิญญาณยุทธ์เสวียนอู่เขาไม่ได้
เป็นเพราะวิญญาณยุทธ์เสวียนอู่ของข้าหรือเปล่า
ด้วยในบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์พิทักษ์จตุรทิศ เสวียนอู่เป็นสัตว์ประจำทิศเหนือ ซึ่งคอยควบคุมพลังน้ำจวนกลายเป็นแข็งที่รุนแรง
ดังนั้นเมื่อเขาฝึกเคล็ดวิชาฝ่ามือเยือกแข็งนิลกาฬ พลังจากฝ่ามือเขาจึงสามารถควบแน่นน้ำแข็งสีดำได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังน้ำแข็งที่รุนแรงจากเสวียนอู่ มันจึงส่งเสริมให้พลังของฝ่ามือเยือกแข็งนิลกาฬเพิ่มขึ้นมหาศาล
หลังฝึกฝนต่อเนื่องจนถึงเที่ยงวัน บัดนี้ฝ่ามือเยือกแข็งนิลกาฬของหยางเสี่ยวเทียนได้ขยายระยะการโจมตีออกไปถึงสามสิบฉื่อ นั่นเท่ากับบรรลุขั้นฉลาดล้ำเลิศแล้ว
ดั่งเช่นเมื่อวาน ครั้นถึงเที่ยงวัน เขาก็นำโอสถวิญญาณสี่ประการออกมา จากนั้นกลืนมันแล้วเริ่มบ่มเพาะพลังปราณมังกรแรกเริ่ม
ขณะเดียวกันนี้ ก็มีข่าวใหญ่แพร่สะพัดไปทั่ว ว่าอาณาจักรเซินไห่กำลังจะจัดการแข่งขันหลอมโอสถที่เมืองเสินเจี้ยนแห่งนี้
ณ จวนของเฉินจื่อหาน
หลังทราบข่าว เฉิงเป้ยเป้ยและหยางจงที่นั่งตรงข้ามพี่หญิงนางต่างเผยยิ้มอย่างสำราญ ด้วยมั่นใจในความสามารถของเฉินจื่อหาน
“พี่หญิง อีกไม่นานอาณาจักรเสินไห่จะมีการแข่งขันหลอมโอสถที่เมืองเสินเจี้ยนของเรา เมื่อถึงเวลานั้นท่านคว้าอันดับหนึ่งได้แน่นอน”
การแข่งขันหลอมโอสถครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อค้นหานักปรุงโอสถอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งอาณาจักรเสินไห่ ดังนั้น ผู้เข้าร่วมจำต้องมีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีเท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน
สำหรับนักปรุงโอสถที่อายุไม่เกินยี่สิบห้าปีในปัจจุบัน ทักษะและระดับการหลอมโอสถของเฉินจื่อหาน นับได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงสุดมากกว่าผู้ใดในตอนนี้นัก
ในอดีต มีเพียงชิวไห่ชิวเท่านั้นที่สามารถแข่งขันกับเฉินจื่อหานได้อย่างทัดเทียม
แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชิวไห่ชิวกลับถูกสังหารโดยชายลึกลับผู้หนึ่งในเมืองซิงเยว่ ทำให้ตอนนี้ ในบรรดานักปรุงโอสถรุ่นเยาว์ที่มีคุณสมบัติของอาณาจักรเสินไห่เหลือเพียงไม่กี่คน แต่ก็ไม่มีใครโดดเด่นกว่าเฉินจื่อหานอีกแล้ว
เฉินจื่อหาน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อพี่หญิงของเจ้าคว้าอันดับหนึ่งของการแข่งขันหลอมโอสถครั้งนี้ เราสองพี่น้องจะต้องเฉลิมฉลอง กินกันให้อิ่มหนำสำราญไปเลย”
ทั้งสองนั่งสนทนากันอย่างตื่นเต้นดูมีชีวิตชีวา แต่เมื่อเฉินจื่อหานเห็นปรมาจารย์หลินหยวนเดินเข้ามา นางก็ชะงักลงดีดตัวลุกขึ้นทันที
“ท่านอาจารย์” เฉินจื่อหานก้าวเดินออกมาข้างหน้าพร้อมยกมือประสานทำความเคารพ
“ท่านราชครูหลิน” เฉิงเป้ยเป้ยและหยางจงหมุนตัวกลับมา ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายเขาเช่นกัน
แม้เฉิงเป้ยเป้ยจะเป็นถึงองค์หญิงสี่แห่งอาณาจักรเสินไห่และคุ้นเคยกับการถูกเอาอกเอาใจอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยวน นางก็มิกล้าแสดงท่าทีเสียมารยาท
“พวกเจ้ากำลังสนทนาเรื่องอะไรกัน ไฉนดูมีท่าทีสำราญเช่นนี้” หลินหยวนยิ้ม ขณะเห็นพวกนางสนทนากันด้วยสีหน้ามีความสุข
เฉิงเป้ยเป้ยแย้มยิ้มขณะเผยปากกล่าว “พวกเรากำลังสนทนาถึงการแข่งขันหลอมโอสถในครั้งนี้ ท่านราชครูหลิน ด้วยระดับการหลอมโอสถของพี่หญิงเฉิน นางจะต้องคว้าที่หนึ่งได้แน่นอน ข้ามั่นใจ”
“จริงงั้นหรือ” หลินหยวนเหลือบมองศิษย์เขาเฉินจื่อหานด้วยใบหน้ามีเลศนัยแปลกๆ บอกไม่ถูก จากนั้นเขาก็กล่าวต่อพร้อมรอยยิ้ม “อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป”
เฉินจื่อหานและเฉิงเป้ยเป้ยหุบยิ้มทันควัน ทั้งคู่ต่างเอียงศีรษะอย่างประหลาดใจหลังได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นออกจากปากผู้เป็นอาจารย์
เดิมที เฉินจื่อหานคิดว่าหลินหยวนต้องมีความมั่นใจในตัวนางผู้เป็นศิษย์เรื่องคว้าอันดับหนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้ เพราะเขาน่าจะรับรู้ถึงความสามารถนางดีกว่าใคร แต่วาจาหลินหยวนครู่นี้ กลับทำให้จิตใจของนางเริ่มสั่นไหวอยู่ไม่น้อย
ทำเฉินจื่อหานต้องหันกลับมาขบคิด นึกถึงนักปรุงโอสถรุ่นเยาว์ในอาณาจักรเซินไห่ ว่ายังมีผู้ใดอีกที่ทักเทียมกับนาง
“อาจารย์ หรือท่านหมายถึงเติ้งอี้ชุน ผู้จะเอาชนะในครานี้” นางถาม
ต้องเป็นเติ้งอี้ชุน เพราะเขาเป็นถึงศิษย์สายตรงของปรมาจารย์อู๋ฉี หนึ่งในสี่นักปรุงโอสถผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเสินไห่
หลินหยวนส่ายศีรษะขณะยังคงสีหน้าท่าทางมีเมตตาเช่นเคย “ไม่ใช่เขา”
ไม่ใช่เขางั้นหรือ!
เฉินจื่อหานเริ่มแสดงสีหน้าสับสน นางเบิกตากลมโตพร้อมเผยปากกล่าวอีกทันที
“ท่านอาจารย์ หวงถิงถิง หวงถิงถิงใช่หรือไม่”
หลินหยวนไม่ได้ตอบแต่อย่างใด เพียงส่ายศีรษะเช่นเดิม
เมื่อเห็นว่ายังคงไม่ใช่คนที่นางนึกถึงได้ตอนนี้ ยิ่งพาลให้เฉินจื่อหานฉงนมากขึ้น
ไม่ใช่ทั้งเติ้งอี้ชุนและหวงถิงถิง เช่นนั้นจะเป็นนักปรุงโอสถรุ่นเยาว์ผู้ใดกันในอาณาจักรเสินไห่แห่งนี้ ที่จะสามารถคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันหลอมโอสถครั้งนี้มาครอบครองได้
“บุคคลนี้อยู่ในเมืองเสินเจี้ยนเช่นกัน” หลินหยวนกล่าว “แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนี้จะเข้าร่วมหรือไม่ หากเขาเข้าร่วม เขาสามารถเอาชนะการแข่งขันหลอมโอสถครั้งนี้ได้ง่ายดายแน่”
“บุคคลนี้อยู่ในเมืองเสินเจี้ยน!” เฉินจื่อหาน เฉิงเป้ยเป้ย และหยางจง สะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินว่าบุคคลที่อาจารย์กล่าวถึงอย่างมั่นใจ เป็นคนในเมืองเสินเจี้ยน
เมืองเสินเจี้ยนแห่งนี้ มีปรมาจารย์ด้านการหลอมโอสถแอบซ่อนตัวอยู่ด้วยเช่นนั้นหรือ
“ไม่แน่ว่า พวกเจ้าก็อาจรู้จักเด็กคนนี้เช่นกัน” หลินหยวนยิ้มให้เฉิงเป้ยเป้ย แล้วพลางกล่าวสืบต่อว่า “เพราะเขามาจากสำนักเสินเจี้ยนเฉกเช่นเดียวกับเจ้า”
ดวงใจน้อยๆ ของเฉิงเป้ยเป้ยไหวสั่นวูบวาบ นางกล่าวว่า “ท่านราชครูหลิน หมายถึงศิษย์พี่หูซิงงั้นหรือ”
นางคิดทันทีว่าต้องเป็นศิษย์พี่หูซิง เพราะพรสวรรค์ด้านวรยุทธและด้านพลังยุทธ์ ทั้งสองล้วนสูงส่ง เพียงแต่ความสามารถในการหลอมโอสถนั้น ค่อนข้างแย่กว่าเฉินจื่อหานเล็กน้อย
หลินหยวนหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายศีรษะ“ฮ่า…ฮ่า… ไม่ใช่เขาแน่นอน” จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “หากเจ้าตัวน้อยนั้นเข้าร่วม เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง ฮ่า…ฮ่า…”
แท้จริงนั้น ตัวตนของหยางเสี่ยวเทียนล้วนเป็นเรื่องยากที่หลินหยวนจะสามารถเปิดเผยให้ เฉิงเป้ยเป้ย และคนอื่นๆ รับรู้ได้