ตอนที่ 191 กฏจักรวาล (ฟรี)
ตอนที่ 191 กฏจักรวาล
สำหรับราคา สิบเท่าสำหรับเผ่าอมนุษย์ ราคาปกติสำหรับเผ่ามนุษย์
แล้วจะมีคนในเผ่ามนุษย์ที่ซื้อของจากเขาแล้วขายทรัพยากรต่อหรือไม่?
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็มีคนเช่นนี้ในเผ่าอมนุษย์เช่นเดียวกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูหยางจะเข้มงวดขึ้นอีกเล็กน้อย แต่เขาจะไม่เข้มงวดกับเรื่องนี้มากเกินไป
จำกัดปริมาณทรัพยากรที่ซื้อได้
ผู้ฝึกฝนหนึ่งคนสามารถซื้อได้เท่าไร?
ผู้ที่เป็นตัวแทนของเมืองจะซื้อได้เท่าไร
ใส่ขีดจำกัดลงไป
ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้จะมีคนขายต่อก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก
ซูหยางไม่สนใจเรื่องนี้มากเท่าไร
ไม่มีกฏเกณฑ์ใดที่สมบูรณ์แบบ หากมีช่องโหว่ใดๆ ในภายหลังเขาจะค่อยๆ แก้ไข
ท้ายที่สุดเขาเป็นคนสร้างกฎ
แนวคิดพร้อมแล้ว และขั้นตอนต่อไปคือ การนำไปปฏิบัติ
กู่ซิ่วสามารถจัดหาคนมาดูแลหอการค้าต้าเซี่ยได้
พวกเขาไม่ได้ขายของหลายอย่างอยู่แล้ว
พวกเขาขายเพียงไม่กี่อย่างที่เป็นทรัพยากรบ่มเพาะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ จะไม่มีอะไรซับซ้อนเกินไปในการจัดการดูแล
เดี๋ยว ดูเหมือนว่าเขายังสินสงครามมากมายกองอยู่ในพื้นที่มิติของเจตจำนงดาบ?
กู่ซิ่วก็ต้องจัดการกับสิ่งเหล่านี้ด้วย
เก็บสิ่งที่ต้องใช้เอาไว้ ขายสิ่งที่ไม่ได้ใช้ออกไป
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นทรัพยากร และไม่ควรปล่อยให้จมฝุ่น
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ซูหยางก็หยิบทรัพยากรจำนวนมากที่สะสมอยู่ในพื้นที่มิติของเขาออกมา
ในเวลาเดียวกัน เขาก็สร้างโกดังเก็บของในเมืองต้าเซี่ย
เดิมที ซูหยางคิดว่าแค่โกดังเดียวก็พอแล้ว
แต่เขาก็ต้องตกตะลึงเล็กน้อยหลังจากได้เห็นสิ่งต่างๆ ในพื้นที่มิติของเขา
“มันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
"จากเมืองอมนุษย์หลายสิบแห่ง และอมตะเที่ยงแท้มากกว่าร้อยคน ดูเหมือนมันจะเยอะกว่าที่ข้าคาดเอาไว้”
ซูหยางไม่เคยสนใจสินสงครามเหล่านี้มาก่อน และเขาก็ไม่ได้ตรวจดูมันมากนัก
หากได้รับอะไร เขาจะโยนมันลงไปในพื้นที่มิติโดยตรง
ท้ายที่สุดแล้ว ของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะจัดระเบียบพวกมันให้เรียบร้อยโดยธรรมชาติ
เมื่อทำเช่นนี้หลายๆ ครั้งเข้า มันก็สะสมจนเพิ่มพูนเป็นกองใหญ่
มีมากเท่าไร?
ยกเว้นบางส่วนที่อยู่ในแหวนมิติ ทั้งเมืองต้าเซี่ยไม่สามารถรองรับได้
ท้ายที่สุด ของเหล่านี้มาจากเมืองอมนุษย์หลายสิบแห่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บทุกอย่างไว้ในแหวนมิติ
บางสิ่งก็กองรวมกันอย่างไร้ระเบียบ
หากเขาต้องการนำทุกอย่างออกมา มันต้องการพื้นที่ที่ใหญ่กว่านี้
พื้นที่ๆ มีอยู่ในเมืองต้าเซี่ย ไม่เพียงพอโดยสิ้นเชิง
หลังจากรับรู้ถึงเรื่องนี้แล้ว ซูหยางก็จัดการแก้ไขปัญหาในทันที
เขาใช้ผลึกกาแล็กซี่เพื่อขยายเมืองต้าเซี่ย
ในหนึ่งความคิด ผลึกกาแล็กซี่นับพันปรากฏขึ้นในทันที โดยลอยอยู่ตรงหน้าซูหยาง
จากนั้นพวกมันก็ถูกซูหยางโยนเข้าไปในเมืองต้าเซี่ย
หลังจากการดูดซับพลังของผลึกกาแล็กซี่นับพัน เมืองต้าเซี่ยก็เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ความผันผวนของพลังงานที่รุนแรงจะถูกปล่อยออกมาในระหว่างกระบวนการนี้
แต่คราวนี้จะไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์
เผ่าต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ที่เป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์ถูกซูหยางกวาดล้างไปแล้ว
แม้ว่าจะมีบางเผ่าเหลืออยู่ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่านี่คือเมืองที่สร้างขึ้นโดยอมตะเที่ยงแท้ของเผ่ามนุษย์
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะกล้าก่อปัญหาได้อย่างไร?
หลังจากรอสักพักหนึ่ง เมืองต้าเซี่ยก็ขยายตัวอย่างสมบูรณ์
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มันขยายตัวเพิ่มกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า
ถึงมาตรฐานของเมืองขนาดกลางแล้ว
สำหรับซากปรักหักพังในอดีตของเมืองจันทร์เงิน
เมืองต้าเซี่ยได้เข้าแทนที่แล้ว
ตอนนี้ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะนำสิ่งของต่างๆ ในพื้นที่มิติของเขาออกมา
หลังจากจัดวาง และจัดพื้นที่ให้เรียบร้อย
ซูหยางก็ปล่อยสิ่งของมากมายออกจากพื้นที่มิติของเจตจำนงดาบ
ทันใดนั้น มันก็ครอบครองพื้นที่ส่วนเล็กๆ ในเมืองต้าเซี่ย
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดึวามวุ่นวายใดๆ เพราะตอนนี้ไม่มีผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ในเมือง
ซูหยางไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ศิษย์ของนิกายอมตะต้าเซี่ยมาที่แดนหงซิง
แดนหงซิงไม่เหมาะสำหรับศิษย์ในนิกายของเขา
แดนหงซิงเป็นดินแดนสำหรับการรวบรวมทรัพยากร
อย่างไรก็ตาม สำหรับศิษย์ของนิกายอมตะต้าเซี่ย แต้มบุญมีค่ามากกว่า มันสามารถใช้แลกเป็นทรัพยากรได้มากมาย ดีกว่าที่ต้องออกสำรวจในแดนหงซิงด้วยตัวเอง
แม้ว่าศิษย์เหล่านั้นจะได้รับอนุญาตให้เข้ามา และสัมผัสกับความแปลกใหม่ แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะต่อสู้ในจักรวาล
การเข่นฆ่าศัตรูคือ สิ่งที่พวกเขาควรทำ
พวกเขาสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อรับแต้มบุญจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการฝึกฝนได้
ซูหยางก็จะได้รับเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตอย่างที่เขาต้องการ
นี่คือ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การพิชิตแดนหงซิง เขาคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!
"เหล่ากู่ ช่วยข้าจัดการกับทรัพยากรเหล่านี้ด้วย"
“ถ้ามันยากลำบากเกินไป เจ้าสามารถขอให้ศิษย์บางคนมาช่วยได้”
ซูหยางเรียกกู่ซิ่วเหมือนดั่งเคย
อย่างไรก็ตาม หลังจากดูทรัพยากรที่กองอยู่บนพื้นแล้ว เขาก็รู้สึกว่าคงยากเกินไปสำหรับกู่ซิ่ว ที่จะทำคนเดียว
กู่ซิ่วก็ไม่ได้คัดค้านใดๆ นี่คือการแสดงคุณค่าของเขา
นอกจากนี้เขายังคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว
“ไม่ต้องกังวลนายท่าน ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ยังมีกึ่งสมบัติวิญญาณ 10 ชิ้นอยู่ที่นี่ ซึ่งน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เจ้าสามารถนำพวกมันไปใช้ หรือให้กับศิษย์บางคนที่แข็งแกร่งเพื่อที่พวกเขาจะได้มีไพ่ตายมากยิ่งขึ้น”
“เอ่อ กึ่งสมบัติวิญญาณเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหนกัน? จะเป็นอย่างไรหากมันหายไป? และศิษย์ของนิกายเราจะตกเป็นเป้าหมายหรือไม่หากพวกเขาถือมันเอาไว้” กู่ซิ่วถามอย่างกังวลเล็กน้อย
“ไม่ต้องกังวลไป มันเป็นแค่ของเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีค่าอะไร หากหายก็แค่ต้องหา ถ้ามีใครกล้าขโมยก็มาบอกข้า เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง”
“ขอรับ” กู่ซิ่วเข้าใจ และรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินว่าของเหล่านี้ไม่มีค่ามากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น นิกายอมตะต้าเซี่ยไม่ขโมยสิ่งของของผู้อื่น นั่นเป็นเพราะพวกเขานั้นรักสงบ ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ
แต่ถ้าใครกล้าแย่งสิ่งของจากนิกายอมตะต้าเซี่ย พวกเขาก็จะไม่ยอมเช่นเดียวกัน
พวกเขารักความสงบ แต่ก็ไม่ได้กลัวการต่อสู้
ซูหยางพยักหน้า เขายังคงโล่งใจที่กู่ซิ่วยังทำสิ่งต่างๆ แทนเขาได้เหมือนเคย
การรับกู่ซิ่วมาเป็นพวกเป็นการตัดสินใจที่ดีอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้น เขาก็ฝากเรื่องนี้ให้กู๋ซิ่วจัดการต่อ
ถึงเวลาก่อตั้งหอการค้าต้าเซี่ย และสร้างแกนกลางของเครือข่ายดาบ
การสร้างแกนกลางของเครือข่ายดาบนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เขาสามารถสร้างถึงสองร้อยแกนได้ในเวลาเพียงประมาณเพียงหนึ่งก้านธูป
เขาทำการกองพวกมันเอาไว้ด้วยกัน และกู่ซิ่วก็จัดการแจกจ่ายพวกมันต่อในภายหลัง
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ซูหยางก็ให้ความสนใจกับการก่อตั้งหอการค้า
เขาต้องการตราของเมืองหมื่นดาราหลายๆ เมือง
หากรวบรวมได้มากพอ เขาจะสามารถสร้างหอการค้าต้าเซี่ยที่สามารถเผยแพร่ไปได้ทุกที่
แต่การจะทำเช่นนี้ได้นั้น หากไม่แข็งแกร่งพอต้องรวบรวมตราของเมืองหมื่นดาราทีละเมืองอย่างช้าๆ
ต้องเสียเวลามากมาย
นี่เป็นวิถีการเติบโตตามปกติของหอการค้า
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีความสำเร็จใดเกิดขึ้นได้ในทันที
แต่นี่คือ สิ่งที่คนอื่นต้องทำ แต่ก็มีข้อยกเว้น
ด้วยความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของซูหยาง ไม่มีปัญหาในการหาตราของเมืองหมื่นดาราจำนวนมากพร้อมๆ กัน
เจตจำนงดาบแพร่กระจายไปทั่วความว่างเปล่าในความคิดเดียว
กฎที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในความว่างเปล่านั้นแจ่มชัดในสายตาของซูหยาง
กฎมีความเกี่ยวพัน และผสมผสานเข้าด้วยกัน และคนทั่วไปไม่สามารถแยกแยะหน้าที่ของกฎเหล่านี้ได้แม้ว่าจะมองเห็นก็ตาม
อย่างมากที่สุด คนๆ นั้นก็จะได้รับความรู้แจ้งหลังมองดูกฎเหล่านั้น และพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง
นี่คือ ทางเลือกของคนส่วนใหญ่
แต่ซูหยางนั้นแตกต่างออกไป วิชาดาบกรรมเริ่มเคลื่อนไหว
เขาค่อยๆ คลี่กฎที่เกี่ยวพันกันทีละน้อย และมองหากฎที่เขาต้องการ
หลังจากนั้นไม่นาน กฎข้อหนึ่งก็ถูกล็อค
“เจอแล้ว”
ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมมีกฎที่สอดคล้องกัน
สิ่งต่างๆ ในจักรวาลไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากไม่มีกฎที่เกี่ยวข้อง
แค่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถสัมผัสถึง หรือมองเห็นได้ก็เท่านั้นเอง
นั่นเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าไม่มีกฎเช่นนั้นอยู่
ถ้ามีกฎก็จะมีร่องรอยหลงเหลืออยู่
ตอนนี้ซูหยางสามารถค้นหาเมืองหมื่นดาราทั้งหมดตามร่องรอยเหล่านี้ได้
นี่คือพลังของอมตะทองคำ!