[ตอนฟรี] ตอนที่ 188 : ผู้บงการ
ร่างนั้นสูงใหญ่และองอาจ อาภรณ์ที่สวมใส่ดูราวกับถูกถักทอขึ้นด้วยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
เขาเพียงนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งดวงดาว สงบนิ่งตลอดกาล เฉกเช่นจักรพรรดิผู้ไม่เคยยอมใคร
เย่ซิงหยุนตื่นเต้นจนร่างกายสั่นสะท้าน
นี่แหละ ตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่ปรากฏในความทรงจำของเขา
แม้ว่าบนร่างนั้นจะไม่มีกลิ่นอายของชีวิตแม้แต่น้อยแล้วก็ตาม
แต่ความยิ่งใหญ่และความน่าเกรงขามที่ดำรงอยู่มานานจนกระทั่งตอนนี้ มันยังคงทำให้เย่ซิงหยุนและโม่ฝานรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ดี
“หรือนั่นจะเป็นจ้าวดาราอู๋จี๋ บุคคลในตำนานในประวัติศาสตร์ของพระราชวังพิภพอนันต์?” โม่ฝานเองก็ตะลึงไม่แพ้กัน
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าร่างกายที่เหลืออยู่ของจ้าวดาราอู๋จี๋จะมาอยู่ในคลังสมบัติแห่งนี้
ในเวลาเดียวกัน ร่างแห่งดวงดาวในตัวของเขาก็เริ่มปลดปล่อยพลังงานอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับตัวเอง
“หรือว่า…ข้าจะเป็นผู้สืบทอดของจ้าวดาราอู๋จี๋?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของร่างแห่งดวงดาวในตัว โม่ฝานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ
เย่ซิงหยุนมองไปที่ร่างของจ้าวดาราอู๋จี๋ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกลับไม่ใช่ร่างกายที่เหลืออยู่
แต่เป็นสิ่งที่อยู่ด้านข้าง
ด้านข้างบัลลังก์แห่งดวงดาวมีคันธนูสีเงินวางอยู่อันหนึ่ง
แม้ว่าทั่วทั้งคันธนูจะมีแต่รอยแตก แต่แรงกดดันอันเลือนรางที่แผ่ออกมากลับให้ความรู้สึกที่ทรงพลัง
“นั่นคือ…อาวุธคู่กายของจ้าวดาราอู๋จี๋ คันศรทำลายดวงดาว!” เย่ซิงหยุนแทบจะหยุดหายใจ
ก่อนจะลงมาดินแดนเบื้องล่าง เขาเองก็ทำการบ้านมาแล้ว จึงรู้เรื่องของจ้าวดาราอู๋จี๋พอสมควร
คันธนูสีเงินนั้นน่าจะเป็นอาวุธคู่กายของจ้าวดาราอู๋จี๋นามว่า คันศรทำลายดวงดาว
คันศรทำลายดวงดาวคืออาวุธระดับเทวะ และอีกเพียงเล็กน้อยก็จะบรรลุถึงอาวุธระดับกึ่งจักรพรรดิ
ระดับของอาวุธศักดิ์สิทธิ์แบ่งเป็น อาวุธขุนนาง(แก้ไขจากอาวุธชั้นยอด) อาวุธเซียนโบราณ(แก้ไขจากยุทธภัณฑ์วิเศษโบราณ) อาวุธเทวะ อาวุธกึ่งจักรพรรดิ และอาวุธจักรพรรดิ
อาวุธระดับเทวะคืออาวุธที่ถูกหลอมขึ้นโดยจ้าวเทวะจนมีพลังมหาศาลนั่นเอง
แม้ว่าคันศรทำลายดวงดาวจะผุพังจากการใช้งานของจ้าวดาราอู๋จี๋ แต่มูลค่าของมันก็ไม่อาจประเมินได้
ทว่า...
นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เย่ซิงหยุนรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด
สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมากที่สุดก็คือ กลุ่มก้อนวัตถุหลากสีสันราวกับปรอทที่ระยิบระยับอยู่ด้านหน้าร่างของจ้าวดาราอู๋จี๋
นั่นคือแก่นแท้พิภพของทวีปดวงดาว!
เย่ซิงหยุนถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ
แก่นแท้พิภพเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก
หากได้มันมาหลอมรวมเข้ากับตนเอง บวกกับคันศรทำลายดวงดาว เคล็ดบ่มเพาะและเคล็ดทักษะต่าง ๆ ที่จ้าวดาราอู๋จี๋ทิ้งไว้ให้
เย่ซิงหยุนจะทรงพลังมากแค่ไหน?
เกรงว่าแม้แต่ตัวของเย่ซิงหยุนเองก็คงจินตนาการไม่ออก!
“ไม่เสียเปล่าที่ข้ายอมอดทนอดกลั้นมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาของเย่ซิงหยุนผู้นี้สักที จวินเซียวเหยา รอดูเถอะว่าใครจะอยู่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย!”
เย่ซิงหยุนสูดหายใจลึกและก้าวเท้าออกไปเพื่อคว้าเอาแก่นแท้พิภพทันที
แต่ในตอนนั้นเอง แรงลมที่ดุดันและคมกริบก็พุ่งใส่จากทางด้านหลัง
“ปล่อยให้ข้ารอซะนานเลยนะ ไอ้แมลง” เย่ซิงหยุนยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา
เขาหันตัวกลับและตบฝ่ามือเข้าปะทะกับการโจมตีของโม่ฝาน
ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น กลายเป็นโม่ฝานที่ถูกกระแทกลอยออกไปพร้อม ๆ กับกระอักเลือด
“หากเจ้ายอมติดตามข้าแต่โดยดี บางทีข้าอาจจะมอบสถานะผู้ติดตามให้เจ้า แล้วพาขึ้นไปดินแดนอมตะด้วยก็ได้”
“แต่สุดท้าย เป็นเจ้าเองนะที่ขุดหลุมฝังตัวเอง” เย่ซิงหยุนมองด้วยสายตาอันเย็นชา
เขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร
มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด รุ่นเยาว์จากขุมกำลังอมตะเข้าในคำนี้ดีที่สุดแล้ว
เช่นเดียวกับจวินเซียวเหยา ผู้บ่มเพาะจากดินแดนเบื้องล่างนั้นไม่ต่างอะไรไปจากแมลงในสายตาของเย่ซิงหยุนเลย
ต่อให้โม่ฝานคนนี้เป็นหนึ่งในสิบผู้ท้าทายสวรรค์ของทวีปดวงดาวก็ตาม มันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร
“เจ้ามีหน้าที่เดียวคือเป็นกุญแจเปิดประตูคลังสมบัติเท่านั้น และหน้าที่นั้นก็จบลงแล้ว ทีนี้ก็ตายซะ”
เย่ซิงหยุนตบฝ่ามือออกไป พร้อมกับพลังปราณมหาศาลที่ปะทุเข้าใส่หัวของโม่ฝาน
ดวงตาของโม่ฝานเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา เขาไม่เต็มใจที่จะตายเลยแม้แต่น้อย
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างแห่งดวงดาวในตัวของเขากลับลอยออกมา มันกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าใส่วิหารศักดิ์สิทธิ์ในสมองของเย่ซิงหยุนทันที
ร่างของเย่ซิงหยุนสั่นสะท้านไม่หยุดราวกับถูกฟ้าผ่า
ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเขา ปรากฏเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่กำลังยืนอยู่อย่างทะนงองอาจ
ร่างแห่งดวงดาวได้เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นจ้าวดาราอู๋จี๋เรียบร้อยแล้ว
“ได้ยังไง…มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ แก่นแท้จิตวิญญาณของเย่ซิงหยุนกำลังสั่นสะท้านภายใต้แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
“ในที่สุด วันที่ข้ารอคอยก็มาถึง เอาล่ะ หลังจากนี้ข้าจะใช้กายาราชันแห่งดวงดาวของเจ้าเป็นอย่างดีก็แล้วกัน” เศษเสี้ยววิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น
ร่างแห่งดวงดาวนั้น แท้จริงก็คือเศษเสี้ยววิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋!
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เย่ซิงหยุนถึงกับตัวแข็งค้างราวกับว่าถูกน้ำเย็นจัดราดหัว
เสี้ยววิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋ต้องการจะยึดร่างของเขาจริงๆ งั้นเหรอ?
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าข้าคือจ้าวดาราอู๋จี๋ที่กลับชาติมาเกิดเหรอ? มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!” แก่นแท้จิตวิญญาณของเย่ซิงหยุนตะโกนด้วยความไม่เชื่อ
ไม่ใช่ว่าเขาคือร่างจุติของตัวตนที่ทรงพลังหรอกหรือ? ทำไมตอนนี้จ้าวดาราอู๋จี๋ถึงคิดจะแย่งร่างของเขาแทน?
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ไอ้โง่ ข้าแค่ใช้กลลวงเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าก็ติดกับแล้ว”
“เดิมที เจ้าอยู่ที่ดินแดนอมตะ และมีคนคอยคุ้มครองอยู่รอบตัวตลอดเวลา ข้าเลยหาโอกาสแย่งชิงร่างของเจ้าไม่ได้สักที”
“แต่แล้ว เจ้ากลับเดินตามแผนที่ข้าวางไว้ และกินเหยื่อทีละก้าว ทีละก้าว”
“เจ้าไม่เคยเป็นร่างจุติของข้าเลย ข้าแค่จะสิงเจ้า ยึดครองกายาราชันแห่งดวงดาว และยึดครองชีวิตของเจ้าก็เท่านั้น!”
“ในชีวิตนี้ ข้าจะเข้าไปในรอยแยกสิบทวีป ก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชาวิญญาณวีรชน เปิดเส้นทางใหม่ที่ไม่เคยมีใครเปิดมาก่อน และบรรลุกลายเป็นจักรพรรดิ!”
คำพูดของจ้าวดาราอู๋จี๋ดังก้องอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเย่ซิงหยุน ถึงกับทำให้เขาตกตะลึง
เย่ซิงหยุนไม่เคยเป็นบุตรแห่งโชคชะตา ไม่เคยเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์เลย
เขาเป็นแค่เครื่องมือที่ถูกหลอกใช้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขายังดูถูกโม่ฝานว่าเป็นแค่เครื่องมืออยู่เลย
แต่ในความเป็นจริง เขาเองก็เป็นแค่เครื่องมือของคนอื่นเหมือนกัน แถมดูน่าสมเพชมากกว่าด้วย
เพราะจ้าวดาราอู๋จี๋กำลังจะทำลายแก่นแท้จิตวิญญาณของเย่ซิงหยุน และยึดร่างไปนั่นเอง
ด้วยความสามารถของจ้าวดาราอู๋จี๋ เขามั่นใจมากว่าเขาสามารถหลบซ่อนตัวเองจากฟากฟ้าได้
“ไม่…นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง!” เย่ซิงหยุนกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง
ความอดทนและแผนการอันยาวนาน สุดท้ายกลับจบลงแบบนี้
นี่ทำให้เย่ซิงหยุนแทบจะบ้าคลั่งและทำใจเชื่อไม่ลง
เขายังคิดอยู่เลยว่าหลังจากได้รับทุกสิ่งทุกอย่างในครั้งนี้ เขาจะเอาคืนจวินเซียวเหยาและกู้หน้ากลับมาได้
แล้วตอนนี้ล่ะ?
จิตวิญญาณของเขากำลังจะถูกลบทิ้งแล้ว
“ท่านอู๋จี๋ ข้าคืออัจฉริยะของตระกูลเย่ ถ้าท่านทำแบบนี้กับข้าแล้วถูกพบภายหลัง ตระกูลเย่จะไม่มีวันปล่อยท่านไปเด็ดขาด!” เย่ซิงหยุนกลัวมาก และทำได้แค่เอาชื่อตระกูลเย่มาขู่
“อืม วางใจเถอะ ในอนาคต ข้าจะกลายเป็นเจ้าแบบไร้ที่ติแน่นอน…” จ้าวดาราอู๋จี๋ยิ้มอย่างเยือกเย็น
เขาเคยเข้าไปในรอยแยกสิบทวีปมาก่อน และได้รับเคล็ดทักษะวิญญาณหวนคืนที่แปลกประหลาดมาชุดหนึ่ง
เคล็ดทักษะนี้ทำให้เขาสามารถแบ่งส่วนวิญญาณออกมาเป็นชีวิตที่สอง และยึดครองร่างของยอดฝีมือเพื่อบรรลุไปถึงจุดสุดยอดได้อีกครั้ง
นับแต่นั้นมา แผนการของจ้าวดาราอู๋จี๋ก็เริ่มขึ้น
และเหตุผลที่เขามุ่งเป้าไปที่เย่ซิงหยุน
มันเป็นเพราะกายาราชันแห่งดวงดาวนั้นสามารถพัฒนาเป็นกายาเทพแห่งดวงดาวได้ในอนาคต ซึ่งมีคุณสมบัติตรงกับจ้าวดาราอู๋จี๋พอดี
ส่วนสาเหตุที่เย่ซิงหยุนปลุกความทรงจำพวกนั้นได้
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะกายาเทพแห่งดวงดาวและกายาราชันแห่งดวงดาวมีบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่
เศษเสี้ยววิญญาณของจ้าวดาราอู๋จี๋จึงยึดถือข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการวางแผนนั่นเอง
ส่วนโม่ฝาน นั่นก็เป็นแค่หมากอีกตัวของเขาเท่านั้น
สรุปแล้ว ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายใต้การคำนวณของจ้าวดาราอู๋จี๋นั่นเอง
เสี้ยววิญญาณของเขาลงมือทำลายแก่นแท้จิตวิญญาณของเย่ซิงหยุนในวิหารศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
ช่างน่าเศร้าจริง ๆ ที่ดาวรุ่งไฟแรงแห่งตระกูลเย่อันยิ่งใหญ่กลับต้องมาพบจุดจบที่น่าขันเช่นนี้
สีหน้าของ “เย่ซิงหยุน” กลับมาปกติอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่เย็นชา
โม่ฝานที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึงโดยสมบูรณ์ ใครจะไปนึกว่าเรื่องราวมันจะกลับตาลปัตรแบบนี้
และในตอนนั้นเอง เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้น
“ไม่คิดเลยแฮะ ว่าแผนการอันแยบยลของเย่ซิงหยุนจะเป็นการลวงตัวเองมาตายแบบนี้ ท่านอู๋จี๋น่าชื่นชมยิ่งนัก…”